The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 74 โลกกลม
ซ่งเอ้อโก่วมองจนเหม่อลอย ก่อนเกาหัวตอบไปว่า “ไม่ไกล ถ้าเดินไปยี่สิบกว่านาทีก็ถึงแล้ว แต่ถ้าขึ้นเขายังไงก็ต้องหนึ่งชั่วโมงกว่า ทางบนเขาเดินลำบากด้วย”
โอวหยางเฟิงหวาได้ยินดังนั้น ใบหน้าเล็กพลันหมองลง “พ่อ นั่น…ไกลแค่ไหนคะ? พระเจ้า หนูว่าขึ้นไปตายแน่เลย ไม่ไปได้ไหมคะ?”
“คนที่รบเร้าว่าจะมาๆ ก็ลูกไม่ใช่เหรอ ตอนนี้มาบอกจะไม่ไปอีก ไม่ได้ วันนี้ต้องไป” โอวหยางหวาไจแค่นเสียงหึๆ
ภรรยาโอวหยางหวาไจชุยจิ่นแย้มยิ้ม “เจ้าเด็กคนนี้ วันนี้เป็นวันที่พ่อลูกจะประลองศิลปะพู่กันจีนนะ จะไม่ดูเหรอ?”
“เฮ้อ มีอะไรน่าดูกัน? พูดถึงความเท่ หลวงจีนนั่นสู้พ่อไม่ได้อยู่แล้ว พูดถึงความสามารถด้านศิลปะพู่กันจีนจะต้องสู้พ่อไม่ได้อีก เรื่องมั่นใจว่าจะชนะแบบนี้ดูไปก็เท่านั้น?” โอวหยางเฟิงหวาไม่คิดอย่างนั้น
ซ่งเอ้อโก่วได้ยินดังนั้นก็เข้ามาถามใกล้ๆ “พวกคุณจะขึ้นเขาไปประลองศิลปะพู่กันจีนกับฟางเจิ้งเหรอ?”
โอวหยางเฟิงหวาตอบ “ใช่ มีปัญหาอะไรเหรอคะ?”
“ไม่มีอะไร ตอนแรกว่าจะจัดการเจ้านั่นอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันจะชี้ทางสว่างให้ ไปทางนั้น ขับรถเข้าไป หนึ่งชั่วโมงก็ถึงตีนเขาแล้ว” ซ่งเอ้อโก่วชี้ไปทางตะวันตก
“หา? เมื่อกี้คุณบอกว่าไปทางตะวันออกไม่ใช่เหรอ?” โอวหยางเฟิงหวาถาม
ซ่งเอ้อโก่วแค่นหัวเราะ ยิ้มตอบ “คิดว่าพวกคุณจะขึ้นเขาไปไหว้พระน่ะ เจ้าฟางเจิ้งไม่ใช่คนดีอะไร ผมเองก็ไม่ชอบหน้าเขาเลยบอกทางผิดๆ ให้พวกคุณ แถมยังให้เดินไปอีก จะให้พวกคุณลำบากจนยอมกลับไป ในเมื่อมาหาเรื่องเขา ก็ต้องชี้ทางให้ถูกอยู่แล้ว”
โอวหยางเฟิงหวากลอกตาโต “ฟางเจิ้งคนนั้นแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ พวกคุณไม่มีใครชอบกันเลย?”
“เหอะ ไม่ใช่แค่แย่เท่านั้น แต่ไม่ใช่คนดีอะไร! ลักเล็กขโมยน้อย ต้มตุ๋นคนอื่น มีชื่อเสียงเหม็นเน่าเลยละ” ซ่งเอ้อโก่วพูดเสียงดังมาก พูดตะโกนทั้งประโยคแรกและหลัง
ชาวบ้านที่มามุงดูต่างเข้าใจแล้ว ขบวนรถนี้มาหาเรื่องฟางเจิ้ง เดิมทีได้ยินซ่งเอ้อโก่วพูดไร้สาระเลยจะมีคนออกมาค้าน แต่ตอนนี้ต่างเงียบงัน คนจากสมาคมศิลปะพู่กันจีนอย่างพวกเจียงซงอวิ๋นข้างหลังถามทางพวกเขา ต่างก็ชี้ไปทางตะวันตก
เมื่อมีคนยืนยันมากเข้าพวกโอวหยางหวาไจก็เชื่อ เหยียบคันเร่งไปทางตะวันตก
ซ่งเอ้อโก่วกอดไม้กวาดอันใหญ่ เอียงหมวกเงยหน้าขึ้นมองเห็นขบวนรถออกจากหมู่บ้านไปแล้วถึงถอนหายใจ “บ้าอะไรกันวะ ยังมาหาเรื่องฟางเจิ้งของเราอีก ไปทางตะวันตกนู่น ไปไกลๆ เลย…”
“เหล่าซ่ง!” ตอนนี้เองตู้เหมยตะโกนมา ซ่งเอ้อโก่วตัวสั่น “อะไร?”
ตู้เหมยหัวเราะเสียงดัง “ทำได้ดีมาก เดี๋ยวหยางหวาไปซื้อเหล้ากลับมา ตอนเที่ยงไปกินที่บ้านฉันกัน”
“ดี ตกลง รอฉันกวาดถนนเสร็จก่อนแล้วจะไป” พูดจบซ่งเอ้อโก่วก็โบกไม้กวาด ทำงาน!
คนอื่นๆ เห็นซ่งเอ้อโก่วแบบนี้ก็พากันพยักหน้า หลังจากเจ้านี่ขึ้นเขาไปครั้งก่อนกลับมาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ขยันขันแข็งทำเรื่องดี ใครมีปัญหาจะรีบไปทันที ทำงานเร็วปานสายฟ้า ก่อนหน้านี้ทุกคนเรียกเขาว่าซ่งเอ้อโก่ว ตอนนี้ไม่มีใครเรียกแล้ว เอาแต่เรียกกันว่าเหล่าซ่ง
ซ่งเอ้อโก่วเห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน แววตาทุกคนที่มองเขาก่อนหน้านี้มีการดูถูก ตอนนี้ทุกคนมองเขาด้วยความชื่นชมจากใจจริง แทบทุกวันจะมีคนเรียกเขาไปกินข้าวดื่มสุรา แม้แต่ภรรยาเขายังเร่าร้อนกับเขาขึ้นมาก ลูกๆ ยังเขียนบทความอีกว่าคุณพ่อไอดอลของฉัน
นี่ทำให้ซ่งเอ้อโก่วดีใจมาก พบว่าหลังทำความดีก็ยิ่งคุมไม่อยู่ กระทั่งเสพติดเล็กน้อย
เมื่อเขาขยันขันแข็งก็มีเรื่องดีมาหาถึงบ้าน ช่วยคนอื่นก็จะได้บุหรี่หรือสุราอะไรพวกนี้บ่อยๆ คุณภาพชีวิตสูงขึ้นมาก ดังนั้นซ่งเอ้อโก่วเลยขอบคุณฟางเจิ้งจากใจจริง ไม่ใช่แค่ให้เขาพ้นจากคุก แต่ยังได้เป็นคนใหม่! ดังนั้นแล้วพอได้ยินว่าพวกโอวหยางหวาไจมาหาเรื่องฟางเจิ้ง เจ้านี่ไม่สนว่าคุณจะสวยไหม แต่ไล่ให้ไปทางตะวันตกทันที
ในรถพวกโอวหยางหวาไจ
“หวาไจ คุณมั่นใจในการประลองครั้งนี้ไหมคะ?” ภรรยาโอวหยางหวาไจชุยจิ่นถามอย่างกังวล
โอวหยางหวาไจหัวเราะเสียงดัง “ก็แค่เณรไม่มีความรู้เท่านั้น ต้องชนะอยู่แล้ว ที่สำคัญคือจะชนะอย่างสวยงามด้วย เอาล่ะ วันนี้ทุกคนสบายๆ เถอะ คิดซะว่าพวกเราไปเที่ยวแล้วกัน!”
“ใช่ๆๆ ไปเที่ยว!” โอวหยางเฟิงหวาลูกสาวโอวหยางหวาไจยิ้ม
ชุยจิ่นส่ายหน้าอย่างจำใจ “พวกคุณนี่ เฮ้อ อีกฝ่ายเป็นแค่เณรในวัด คุณทำกับเขาเกินไปรึเปล่า?”
โอวหยางเฟิงหวาหัวเราะหึๆ “เรื่องนี้จะโทษพ่อไม่ได้ ต้องโทษอู๋ฉางสี่นั่น! แล้วก็เณรนั่นด้วย อยากมีชื่อเสียงจนบ้า เอาของปลอมมาหลอกคนอื่น! เหมือนว่าหลวงจีนนั่นจะอายุไม่ต่างกับหนูมากด้วย ต่อให้ฝึกอักษรตั้งแต่ในท้องแม่จะมีความสามารถแค่ไหนกัน? หนูเคยเห็นอักษรบนหิมะมาแล้ว เขาไม่มีทางเป็นคนเขียน! วันนี้พวกเราไม่ได้มาประลอง แต่มาเปิดโปง! ทำลายไอ้คนโกหก ทุกคนต้องรับผิดชอบ!”
“เอาเถอะๆ แม่พูดทีเดียว ลูกรัวไม่หยุดเลย หวาไจ คุณขับช้าลงหน่อย ทางหมู่บ้านมันแคบ” ชุยจิ่นยิ้ม
“รู้แล้ว ขับรถชั่วโมงหนึ่งไม่ใกล้เลยนะ” โอวหยางหวาไจพึมพำ
พวกเจียงซงอวิ๋นข้างหลังก็งงเหมือนกัน ตอนนี้เขาเสียใจเล็กน้อยที่ไม่มีคนจากสมาคมศิลปะพู่พันจีนอำเภอเมืองซงอู่มาด้วยกัน…
แต่ตอนนี้ บนเขา ช่างกล้องของจิ่งเหยียนวิ่งขึ้นมาแล้ว ในที่สุดจิ่งเหยียนก็ได้สวมกางเกงใหม่ กางเกงหนังมีขนมิ้ง ดูแล้วดุดันขึ้นมาก
จิ่งเหยียนเงยหน้าขึ้น เธอไม่เชื่อว่าครั้งนี้ฟางเจิ้งจะขวางเธอได้!
ฟางเจิ้งเห็นดังนั้นก็ไม่ขวางและขี้คร้านจะขวาง ดูจากเวลาใกล้จะผ่านช่วงสายแล้ว พวกโอวหยางหวาไจยังไม่มา เขาตรึกตรองว่าจะไปเตรียมข้าวกินดีไหม
ขณะพึมพำ พั่งจื่อกับโหวจื่อแบกน้ำขึ้นมาแล้ว สองคนวิ่งเข้าไปในครัวพลางหอบหายใจแรง เทน้ำ จากนั้นลงไปอีกรอบ
เห็นสองคนนี้ตักน้ำกันเหมือนคนบ้า จิ่งเหยียนจึงมีสีหน้าแปลกใจ พูดเบาๆ ว่า “สองคนนี้บ้ารึเปล่า?”
เฉินจิ้งด่าทอไปเบาๆ “เหนื่อยให้ตายไปเลยไอ้พวกต่ำช้า!”
ตอนนี้เอง ไชฟางเดินเข้ามา “จิ่งเหยียน เรื่องนี้มันแปลกๆ นะ นับเวลาดูแล้วพวกโอวหยางหวาไจน่าจะถึงแล้วสิ ทำไมยังไม่มาอีก?”
“ฉันก็กังวลเหมือนกัน หืม? มีคนมา” จิ่งเหยียนมองไกลๆ เห็นกลุ่มคนกำลังรีบมาทางนี้ มีบางคนที่รู้จักและไม่รู้จัก
“เป็นคนของสมาคมศิลปะพู่กันจีนอำเภอเมืองซงอู่ ข้างหน้านั่นคุณซุนก้วนอิง!” ไชฟางมองแวบแรกก็จำชายสูงวัยในกลุ่มคนได้ ก่อนจะวิ่งเข้าไปตอนรับราวกับดาวตก
ทุกคนทักทายกัน ซุนก้วนอิงได้ยินว่าพวกโอวหยางหวาไจยังไม่ถึงก็งงเล็กน้อย “เป็นไปไม่ได้? เมื่อเช้าเจียงซงอวิ๋นยังโทรมาหาฉันอยู่เลยว่าพวกเขาจะออกมาเร็วหน่อย ระหว่างทางพวกเราก็ไม่เจอพวกเขา หรือว่าจะไปอีกทาง?”
…………………………………..