THE OBLIVIOUS PRINCE : เจ้าชายผู้ลืมเลือน - ตอนที่ 10 ช่างตีเหล็กนิรนาม
“ ในตลอด2ปีที่ผ่านมาเขาได้สืบเรียกของมันมาโดยตลอดจากข้อมูลข่าวสารของเเต่ละเมืองมันนั้นได้ค้าขายทาสเเละย้ายเมืองไปเรื่อย
จึงเป็นเรื่องยากในการตามหาพวกมัน เเต่ก่อนที่เรย์จะเดินทางเขาได้ตรวจสอบเเละได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับการค้าทาสภายในเขตของอาณาจักรราฟทาเรียซึ่งมันน่าจะตะเวนไปยังเมืองต่างๆ เพื่อลักพาตัวเหล่าผู้บริสุทธิ์เเละขายเหล่าทาสที่ได้ลักพาตัวมาพวกมันทำเรื่องชั่วๆ ที่ไม่สามารถให้อภัยได้
ความทรงจำของเขาในอดีต เหล่าทาสนั้นต่างถูกทำร้าย การข่มขืน การทรมาน เขาได้เห็นพวกมันทำสิ่งที่ไม่มีทางอภัยให้ได้ เหล่าคนบริสุทธิ์ที่ถูกฆ่าตาย
“การกระทำที่โหดร้ายพวกมันไม่ใช่มนุษย์เลยด้วยซ้ำ” เขาได้พูดกับตัวเองเเละกับกำหมัดแน่น
ในการที่เรย์จะตามหาเบาะเเสในครั้งนี้นั้นเขาต้องปกปิดตัวตนเเละโดยการสร้างตัวตนใหม่ของเขาเอง
เขาได้ครุ่นคิดขึ้นมา
“ เราคงจะต้องตรงไปยังร้านอาวุธเเละชุดเกราะก่อน “ อย่างเเรกคงสร้างชุดที่สามารถปกปิดเเละสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ เพื่อเขาจะได้ตามล่าเเละสังหารพวกมันในเงามืดได้อย่างอิสระ สายตาของเรย์ได้มีเเต่จิตสังหารของเขาได้พุ่งออกมา เขาพยายามระงับอารมณ์ของเขาเอาไว้
เขาได้ใช้ออร่าออกมาเเละปกคลุมขาของเขา เขาได้เริ่มพุ่งไปอย่างรวดเร็ว เขาได้มองเห็นร้านเเห่งหนึ่งอยู่ข้างล่างเเต่สภาพร้านในตอนนี้นั้นดูโทรมเป็นอย่างมาก ฝุ่นที่เกาะทั่วบ้านเหมือนได้ถูกทิ้งร้างไปเเล้ว
“ ฟุ่บบ “ เสียงของเรย์ที่ได้กระโดดดิ่งลงมา มันน่าแปลกที่บรรยากาศนั้นกลับเปลี่ยนไป บรรยากาศที่เย็นและเงียบชวนเสียวสันหลังบริเวณนั้นไม่มีเเม้เเสงสว่างมีเพียงเเสงของดวงจันทร์ที่ได้ส่องกระทบลงมา
เรย์เดินเข้าตรงไปยังบ้านหลังนั้น
“ เเถวๆ นี้นั้นเหมือนจะถูกทิ้งร้างเป็นระยะเวลานาน “
เรย์ได้เดินไปถึงหน้าบ้านหลังนั้น
“ ไม่ทราบว่ามีใครอยู่มั้ย “เรย์ได้พูดอะไรเเต่ไม่มีการตอบกลับ
“ เขาได้ใช้สัมผัสออร่าเเละขยายขอบเขตออกไปกว้าง “ ไม่มีเสียงของใครในนั้นเลยหรือข้าจะถูกหลอกนะ เรย์ได้คิดภายในใจ
“ เขาได้ลองเปิดประตูเข้าไปเเต่ปรากฎว่าประตูนั้นถูกล๊อก “ มันแปลกมากประตูนั้นเหมือนไม่ได้ล๊อกจากกุญแจเเต่ถูกล๊อกด้วยเวทมนตร์บางอย่าง
“ ข้าจะเปิดเข้าไปได้ยังไง “ เขามือจับคางเเละได้ครุ่นคิด
“ เขาได้มองไปรอบๆ บ้านเเห่งนั้น ประตูที่ดูเก่ามาก บริเวณที่เขายืนนั้นมีเเสงที่ส่องลงมาตรงกับบ้านหลังนี้ เขาได้เห็นจุดหนึ่งที่เป็นรูของหลังคาเเละเขาได้มองทะลุเเละมองเห็นจุดๆ หนึ่งของบนหลังคามีสัญลักษณ์เล็กๆ บางอย่างที่เหมือนกับดวงดาวรายล้อมอะไรบางอย่าง
เขาได้ลองใช้ออร่าเพ่งไปบริเวณดวงตาของเขา เขาได้เพ่งไปยังจุดดวงดาวนั้นเเต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น เขาได้ครุ่นคิดเเละ
“ งั้นลองวิธีนี้หน่อยละกัน “
“ อาราเชีย “ เขาได้เอ่ยนามถึงพลังของเขาเเสงได้ปกคลุมร่างกาย เขาได้ใช้พลังของดวงดาวออกมาเเละส่งพลังนี้ไปยังดวงตาของเขา ดวงตาของเขาเปร่งไปด้วยเเสงสีขาว เขาได้มองทะลุจุดของหลังคาเเละมองไปยังจุดเเสงดาวนั้น
“ พุ่มม! “ เสียงของประตูที่ได้ปลดล๊อกกลไกอะไรซักอย่าง เเละจู่ๆ ประตูนั้นก็ได้ปลดออก
“ เหมือนวิธีนี้ได้ผล “
เรย์ได้พูดเเละได้เปิดประตูเข้าไปอย่างช้าๆ
“ ภายในนั้นเป็นที่กว้างเเสงไฟของเตาไฟเจิดจ้าเเละอุปกรณ์ในการตีเหล็กอาวุธต่างๆ มากมาย อาวุธที่ได้เรียงเเขวนไว้อย่างเป็นระเบียบที่สวยงามดาบเเละยุทธภัณฑ์ต่างๆ ได้สร้างขึ้นอย่างปราณีต
เขาได้เห็นชายคนหนึ่งร่างกายกำยำผมสีดำเข้มกำลังถือค้อนอันหนึ่งเขาได้นั่งลงเเละกำลังง้างเเขนของเขาขึ้นเเละทุบลงไปยังเเท่งตีเหล็กอย่างหนักหน่วง กล้ามเเขนที่ที่ทรงพลังได้ทุบค้อนลงยังเหล็กอย่างหนักเเน่นในเเต่ละครั้งเป็น
“ เคร้ง!! เคร้ง!! เคร้ง!! “
“ เจ้าเป็นใครกันถึงได้เข้ามาที่นี้ได้ “ ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้ม เขาได้พูดพร้อมกับทุบค้อนไปเรื่อยๆ
“ ข้าชื่อเรย์ “ เรย์ได้พูดด้วยเสียงที่นิ่งเฉย
“ หืมมเรย์งั้นหรอ “
“ เจ้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไง “
“ ข้า… “
“ ข้าได้มองไปยังสัญลักษณ์หนึ่งผ่านรูบนหลังคาหนะ
“ เจ้าทำเเค่นั้นหรอ? “เสียงของชายได้พูดตอบ
“ ใช่เเล้วล่ะ “เขาได้ตอบด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเฉยเขาจะบอกเกี่ยวกับความลับของเขาไม่ได้
จู่ๆ ชายคนนั้นก็หยุดตีดาบอย่างกระทันกัน
ภายในเสี้ยววินาทีชายคนนั้นก็ได้หายตัวไปจากสายตาของเขา
“….!!! “ จู่ๆ เรย์ก็รู่สึกเสียวสันหลังวาบ
“ เจ้าพูดโกหกไม่เก่งเลยนะเรย์ “ เสียงของชายคนนั้นได้พูดขึ้นอย่างเย็นนะเยือก
เขาได้หันหลังไปอย่างรวดเร็ว
“ อึก “ เขาไวมาก ไวมากกว่าเฮมีเทสซะอีกเรย์ได้พูดออกในใจพร้อมกระอึกน้ำลาย
ชายคนนั้นได้ถือค้อนไว้ในมือตัวไหล่ที่กว้างกล้ามที่เเขนเเน่นร่างกายกำยำ สีผมที่ดำสนิท เเละสายตาสีเเดงเข้มที่น่ากลัวของเขา เขาเเผ่ออร่าจิตสังหารออกมาเพียงเเค่สบตากัน เรย์ได้เหงื่อตก
เรย์ได้พุ่งตัวถอยหลังไปเขาได้ยกกริชขึ้นมาเตรียมท่าตั้งรับการโจมตีในทันทีที่เขารู้สึกถึงจิตสังหาร
“…!!!” กว่าเขาจะรู้สึกตัวมันก็สายไปเสียเเล้ว
ตอนนี้ชายคนนั้นได้มาอยู่ข้างเขาขณะที่เขาพุ่งถอยหลัง
“ เจ้ามีเซ้นการต่อสู้ที่ดีนะเรย์ “ เขาพูดพร้อมกับจับค้อนตีเหล็กที่อยู่ในมือเขาได้เหวี่ยงการโจมตีออกมาเเนวขวาง
“ เขาไวมาก” เรย์เเค่พุ่งถอยหลังออกมายังไม่สุดระยะเเต่ชายคนนั้นมาอยู่ด้านข้างเขาเเล้ว เรย์ได้ยกกริชขึ้นมาเพื่อรับเเรงกระเเทกจากการโจมตีที่เหวี่ยงเข้ามา
“ เพ้งงง!! “ เสียงของค้อนตีเหล็กที่ได้เหวี่ยงใส่เรย์อย่างจัง เรย์ถูกเเรงกระเเทกเเละได้ปลิวออกเล็กน้อย เข้ารู้สึกจุกเเละมึนหัวจากการรับเเรงปะทะของค้อนตีเหล็กที่เข้ามาอย่างจัง จู่ๆ ช่างตีเหล็กก็ได้หายจากสายตาเขาไปอีกครั้ง
“ บ้าเอ้ย มองตามเเทบไม่ทันเลย “ เรย์ในตอนนี้นั้นเริ่มเกิดอาการจุกอกเเละมึนหัว เขาเริ่มขาดสมาธิกับการตั้งรับการโจมตี
“ อย่าขาดสมาธิ “ ชายคนนั้นได้โพล่มาอยู่ด้านข้างของเรย์ เขาได้ใช้ค้อนตีเหล็กฟาดไปยังศีรษะของเขา
“ ก้าวพริบตา! “ เขาใช้สกิลในขณะที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวเเละเขาได้อาศัยจังหวะหลอกล่อศตรูในจังหวะที่คิดว่าเขาเสียจังหวะ เเละเสียสติไปเเล้ว
ก่อนหน้านั้น
ในขณะที่เรย์กำลังรู้สึกจุกเเละรู้สึกมึนหัวเขาได้กัดปากตัวเองจนเลือดออกเพื่อตั้งสติอีกครั้ง
เเต่ขณะนั้นเดียวกันเรย์ได้ใช้ออร่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นเเละเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วให้ไวมากยิ่งขึ้น
“ เคร้งง!! “ เสียงของดาบที่กระทบกับค้อนอย่างรุนเเรง
“ เจ้าทำได้ดีนิ “ ชายหนุ่มยิ้มพร้อมพูดออกมาอย่างสนุก เขาได้ใช้ค้อนกันการโจมตีจากทางต้นคอได้อย่างง่ายดายเหมือนเขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของเรย์ ในจังหวะนั้นชายคนนั้นได้เหวี่ยงค้อนไปทางด้านหลัง
เรย์ตั้งรับการโจมตีไม่ทันเขาได้ถูกค้อนนั้นฟาดที่กลางคออย่างรุนแรง
“ ตุ้มม!! “ เสียงของค้อนที่ได้ทุบลงอย่างหนักหน่วงเเละรุนแรง
“ ครึ่มม!! “ เสียงของเรย์ที่ถูกกระเเทกกับพื้นจนเป็นรู เขาไม่มีแรงเเม้จะลุกขึ้นด้วยซ้ำ เขานั้นพยายามที่จะคงสติให้คงอยู่เเต่ตาของเขานั้นเริ่มดับลงเเต่ในที่สุดเขานั้นก็หมดสติไป..
เวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง เรย์ได้ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น เขารู้สึกเจ็บหลังคอเป็นอย่างมาก
“ รู้สึกเหมือนคอข้าจะหักยังไงยังงั้น “
“ ใช่ ถ้าข้าไม่รั้งมือไว้คอเจ้าได้หักจริงๆ เเน่ “ เสียงของชายคนนั้นได้พูดขึ้นมา
“ คุณเป็นใครกันเเน่ “
“ ข้าก็เป็นเเค่ช่างตีเหล็กคนหนึ่งเท่านั้นเเหละ “
“ ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เคยเจอคนที่เเข็งเเกร่งเท่าคุณขนาดนี้ ยกเว้นคนๆ หนึ่ง “
“ หืมม? “
“ ใครงั้นหรอ “
“ คนสำคัญของข้าหนะ “ เรย์พูดด้วยน้ำเสียงที่เบา ชายคนนั้นได้พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ พลังนั่นเจ้าได้ใช้มันบ้างรึป่าว “
“ พลังของเดมิทิสงั้นหรอ…“
“ ใช่เเล้วล่ะ เจ้าควรที่จะใช้พลังนั้น พลังของ เดมิทิสหรือเหล่ากลุ่มดาว ผู้คนที่จะได้รับพลังนั้นต้องได้รับเลือกหรือมีปณิธานที่เเรงกล้า เเละเป็นที่จับตามองเขาเหล่ากลุ่มดาวทั้งหลาย พลังนั้นเป็นสิ่งที่สามารถช่วยเจ้าได้หากเจ้าไร้ทางเลือก อย่าคิดที่จะเก็บซ่อนพลังของตัวเจ้าเอง “ เขาได้พูดพร้อมกับทุบค้อนไปยังเเท่งตีเหล็ก
“ เก็บซ่อนพลังอย่างงั้นหรอ “ เรย์ได้คิดในใจ
“ ในตอนนี้ข้ามีเรื่องที่ข้าต้องทำ ข้าเลยอยากที่จะปกปิดพลังเเละตัวตนนี้ไว้ “ ชายหนุ่มได้พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ เเล้วเจ้าเข้ามาที่นี้ด้วยธุระอะไรล่ะ “ ชายหนุ่มได้ถาม
“ ข้าต้องการสร้างชุด “
“ หืมชุดอย่างงั้นหรอ “
“ เจ้าต้องการไปเพื่ออะไรล่ะ ปกปิดตัวตน หรือ สร้างตัวตนใหม่ขึ้นมากัน “
“…..” เรย์ได้สงสัยว่าเขานั้นเดาหรือรู้ได้ยังไง
“ หนทางของข้าหลังจากนี้นั้นจะเต็มไปด้วยกองเลือดเเละการฆ่าฟัน “
“ ข้าอยากที่จะสร้างตัวตนเหล่านั้นขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องเเละจัดการเรื่องเลวระยำเเละสิ่งที่ไม่เท่าเทียมในโลกเเห่งนี้จากมุมมืด “ เรย์ได้พูดพร้อมกับกำหมัดเเน่น
” เจ้ามีปณิธานที่ดีนิ ” ชายหนุ่มได้พูดพร้อมกับยืนขึ้น
” เจ้าต้องการสร้างชุดเเบบไหนล่ะ “
” ข้าต้องการชุดที่มีสีดำทมิฬเเละเป็นชุดที่มีลักษณะเป็นเกล็ดเเละผ้าคุมที่มีสีดำยาว ” เรย์ได้พูดพร้อมกับยื่นเกล็ดเเละส่วนหนึ่งของปีกเดรกให้
” หืม เกล็ดของเดรกงั้นหรอ “
” เดรกทมิฬ “
” นั่นเป็นชื่อเรียกของมัน “
ย้อนกลับไป เมื่อ1ปีก่อน
ในตอนที่เขาออกเดินทางไปเรื่อยๆในฐานะของอัศวินพเนจรเเละจู่ๆเขาก็ได้เจอกับเดรกตัวหนึ่งที่มีลักษณะสีดำทมิฬทั้งตัวมันได้เข้าทำลายหมู่บ้านเเห่งหนึ่ง เขาจึงเข้าต่อสู้เเละสังหารเดรกตัวนั้นหากว่าเดรกตัวนั้นเป็นเพียงเดรกที่อยู่ในช่วงกำลังเติบโตหากมันเติบโตเต็มที่อาจจะเป็นเรื่องยากในการจัดการมัน หลังจากที่เขาสังหารมันลงเขาได้เก็บเกล็ดเเละปีกส่วนหนึ่งของมันเอาไว้เพราะมันอาจจะมีประโยชน์ในอนาคต
ตัดมาที่ปัจจุบัน
” หืมม “
” ข้าขอดูกริชของเจ้าหน่อย “
” กริชนี้งั้นหรอ ” เรย์ได้พูดขึ้นพร้อมกับหยิบกริชทั้งสองขึ้นมา
” เจ้าได้กริชนี้มายังไง “
” ข้าได้มาจากคนๆหนึ่ง คนที่สำคัญสำหรับข้า “
” กริชนี้มีลักษณะที่เด่นชัด ใบมีดที่มีลักษณะเป็นสีดำเเสมทองเเละตัวมีดทีมีลักษณะดำทมิฬ
” ส่งมาให้ข้า ข้าจะซ่อมแซมให้ ” กริชของเขานั้นไม่ได้ซ่อมแซมเลยสักครั้งเขาเพียงเเค่ทำความสะอาดกริช เรย์ได้คิดซักพักเเละได้ยื่นกริชทั้งสองให้ชายคนนั้น
” เป็นกริชที่ยอดเยี่ยมมาก ” ชายคนนั้นพูดพร้อมกับลูบบริเวณใบมีดของกริช
” เอาล่ะได้เวลาเเล้วล่ะ ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเริ่มสร้างชุดเกราะทมิฬเเละผ้าคลุมก่อนเป็นอย่างเเรก
” ฟู่วว!! ” เสียงของกองไฟที่ได้พุ่งกระจายออก ไฟที่ร้อนระอุที่เเทบจะเผาใหม้ผิวของเขา เหงื่อของชายหนุ่มได้ไหลลง
” เพ้งง!! เพ้งง!! “
กล้ามเเขนที่เป็นมัดๆได้ทุบลงไปยังเกล็ดที่หลอมเขาได้สร้างชุดอย่างปราณีต เรย์ได้ดูการสร้างชุดของเขาอย่างใจจดใจจ่อ