THE OBLIVIOUS PRINCE : เจ้าชายผู้ลืมเลือน - ตอนที่ 11 จิตวิญญาณของยุทธภัณฑ์
” เพ้ง! เพ้ง! เพ้ง! ” เสียงของค้อนที่ได้ทุบลงไปอย่างหนักเเน่นต่อเนื่องอย่างไม่หยุดพัก
” การจะสร้างยุทธภัณฑ์ที่มีจิตวิญญาณนั้น ผู้สร้างต้องสร้างมันขึ้นมาด้วยความปราถนาเเละความมุ่งมั่นอันเเรงกล้าของผู้สร้าง จะทำให้ก่อเกิดเเละปลุกจิตวิญญาณของยุทธภัณฑ์นั้นขึ้นมา ” เขาพูดพร้อมกับทุบค้อนลงยังเกล็ดของเดรก
” ยุทธภัณฑ์ทั้งหลายนั้นต่างมีจิตวิญญาณของตัวมันเอง ”
” จิตวิญญาณยุทธภัณฑ์งั้นหรอ “
” ใช่เเล้วล่ะ “
” เหล่ามอนเตอร์ที่ได้ตายลงที่ถูกทำเป็นชุดเกราะหรืออาวุธต่างๆนั้นพวกนั้นจะมีจิตวิญญาณนั้นหลับใหลหากตัวตนของมันตื่นขึ้นมาเเละเจ้าไม่สามารถควบคุมมันได้เจ้าก็จะถูกครอบงำโดยมัน ยิ่งเหล่ามอนเตอร์ที่เเข็งเเกร่งนั้นได้ตายเเละกลายเป็นยุทธภัณฑ์หากปลุกตัวตนของมันให้ตื่นขึ้นมาพวกมันก็ยิ่งเเข็งเเกร่งกว่าตอนที่มีชีวิตซะอีก ผู้ที่เเข็งเเกร่งเท่านั้นที่จะสามารถครอบครอง ยุทธภัณฑ์ ที่เเข็งเเกร่งได้ ”
จู่ๆ ก็เกิดออร่าสีมืดออกมาจากเกรดของเดรก
” ฟุ่มมม ” ออร่าของเกล็ดเดรกนั้นได้พุ่งกระจายออกรอบทิศ
” เเกนี่มันดื้อด้านชะมัด ” ชายคนนั้นได้พูดพร้อมกับทุบค้อนเหล็กลงไปยังเกล็ดของเดรกอีกครั้งอย่างรุนเเรง เรย์ที่ได้สัมผัสถึงออร่าสีดำที่ได้เเผ่ออกมาความโกรธความเกลียดชังของเดรกนั้นได้พุ่งพวยออกมา
” ฟู่ว! เจ้าตัวนี้มันอะไรกันเนี่ย ” มันคือเดรกจริงๆงั้นหรอชายคนนั้นได้คิดในใจเขาได้ปาดเหงื่อลง เขานั้นสร้างชุดเกราะจากมเดรก มานักต่อนักเเต่ผิดกับ เจ้าเดรกตัวนี้ที่มันมีเเต่ความโกรธเเค้นเเละความเกลียดชังเต็มเเละความอาฆาตเต็มไปหมดเขาได้ใช้ออร่าอันมหาศาลออกมาเเละได้คลุมไปยังค้อนของเขาเเละทุบค้อนอย่างต่อเนื่องเเละรุนเเรง
” เคร้ง!! เคร้ง!! เคร้งง!!! ”
” ในที่สุดก็สงบสักทีนะ ” เขาได้พูดด้วยน้ำเสียงที่เหน็ดเหนื่อยเหงื่อของเขาได้ไหลท่วมตัว
” อีก 3 วันเจ้ากลับมาที่นี้อีกครั้ง ข้าต้องใช้เวลาในการสร้างชุดเกราะเเละซ่อมอาวุธทั้งสองของเจ้า “
” ข้าเข้าใจเเล้วเขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ ” เรย์ได้พยักหน้าอย่างเข้าใจเเละเดินเปิดประตูเดินออกจากร้านไป
” ตอนนี้ข้าคงต้องกลับไปยังที่พักเเล้วสินะ ตอนนี้ก็ใกล้สว่างเเล้วด้วย ” เขาได้กระโจนขึ้นบนหลังคาเเละได้วิ่งออกไปด้วยความรวดเร็ว
” ถ้าหากชายคนนั้นไม่รั้งมือเอาไว้ เขาได้ตายเเน่ เขานั้นเเข็งเเกร่งกว่าเฮมีเทสซะอีก นัยน์ตาสีเเดงเเละผมสีดำทมิฬเเละเเรงกดดันที่เเผ่ออกมาอย่างมหาศาล สายตาที่สามารถบดขยี้เหยื่อด้วยการมอง ” เรย์ได้พูดเเละหรี่ตาลง
” เรายังเเข็งเเกร่งไม่พอ ในโลกใบนี้นั้นยังมีผู้คนที่เเข็งเเกร่งกว่าเขาอยู่มาก ” เรย์ได้คิดเเบบนั้น
เรย์ได้กลับไปยังที่พักของตนเขานั้นนั่งอยู่บนเตียงละคิดเกี่ยวกับเสียงบางอย่างที่ได้เรียกเขาในตอนที่เขาอยู่ที่สำนักงานกิลด์ เสียงของชายคนหนึ่งที่ เขาไม่รู้เลยว่าชายคนนั้นเป็นใคร
” ช่างมันก็เเล้วกัน ” เรย์ได้ถอนหายใจออกมาเขาได้นอนบนเตียงเเละสัมผัสบริเวณใบหน้าของเขา รอยเหมือนเกล็ดของบางอย่างบริเวณใบหน้าทางซ้ายของเขา เมื่อ2ปีก่อนรอยนี้เป็นเพียงรอยเล็กๆเท่านั้น เเต่ตอนนี้มันกลับเป็นรอยที่ยาวออกมา
เขาได้เพียงครุ่นคิดเเละนอนหลับไป
” จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ ” เสียงของนกในตอนเช้าเเละเเสงเเดดในยามเช้าที่ได้สาดส่องลงมายังใบหน้าของเขาเรย์ค่อยๆลืมตาขึ้น ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเหมือนมีใครมาบีบเเก้มของเขาอยู่
” ตื่นได้เเล้วเรย์ เช้าเเล้วน้าา! ” เสียงของราเฟียที่ได้พูด เรย์ได้ลืมตาตื่นละมองเห็นราเฟียกำลังบีบเเก้มของเขาให้ตื่น เขาทำหน้า =_= ใส่ราเฟีย
” ราเฟีย มันยังเช้าอยู่เลย ” เรย์พูดด้วยน้ำเสียงที่ยังง่วงอยู่ เมื่อคืนนั้นเรย์ได้ออกไปหาช่างตีเหล็กเพื่อสร้างชุดเเละซ่อมกริชของเขาเเละกว่าเขาจะกลับมาก็เริ่มเช้าเเล้ว
” เรย์จะนอนต่อไม่ได้ ราเฟียหิวเเล้ว ” ราเฟียพูดพร้อมกับจับมือเรย์เเละดึงขึ้น
” ตื่นๆๆๆๆๆๆ ” เสียงของราเฟียที่ได้พูดไปพร้อมกับสบัดเเขนของเรย์
” ข้าตื่นเเล้ว ” เรย์พูดด้วยน้ำเสียงที่ยังง่วง
เขาได้เดินออกจากห้องไปพร้อมกับราเฟีย
” ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ ” เสียงของเรย์เเละราเฟียที่ได้เดินจากลงมาจากบันได
” อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณเรย์ ” เสียงของหญิงสาวที่มีหูทานุกิได้พูดขึ้น
” รับประทานเมนูอะไรดีคะ ” หญิงสาวได้ถาม
” เอาเป็นเซตอาหารสำหรับตอนเช้า ละก็ไข่เจียวออมเล็ตหนึ่งที่ ”
” ได้เลยค่ะ! ” หญิงสาวได้รับออเดอร์เเล้วเดินไปยังหลังร้าน
อีกไม่กี่นาทีต่อมา
” อาหารที่สั่งได้เเล้วค่ะ ” เสียงของหญิงสาวที่ได้มาเสริฟ์อาหาร
เรย์เเละราเฟียทานอาหารเเล้วออกไปยังนอกที่พัก
” ดูเหมือนเราต้องพักอยู่ที่นี่อีกซัก 2 วัน ” เรย์ได้พูดในใจขึ้นเพราะตอนนี้ชุดเกราะเเละอาวุธของเขานั้นยังไม่เสร็จ
” เราจะไปสำนักงานกิลด์กัน เหมือนเราต้องไปหางานเพิ่มเเล้วล่ะ ” ตอนนี้เงินที่มีของเรย์เริ่มที่จะหมดเเล้ว
” ตอนนี้ข้ายังไม่ได้เป็นนักผจญภัยเลยนี่นาคงต้องไปยังเเผนกการจัดการของกิลด์ก่อน ” หลังจากเรย์ได้พูดเขาก็เดินหน้าตรงไปทันที
เรย์เเละราเฟียเลยตัดสินใจไปยังเเผนกการจัดการของกิลด์เพื่อสมัครเป็นนักผจญภัยก่อนเป็นอันดับเเรก ดูเหมือนจะไปคนละที่กับสำนักงานกิลด์นะ เรย์ได้อ่านป้ายบอกทางอันหนึ่ง
เหมือนต้องตรงไปยังใจกลางเมือง เรย์เเละราเฟียได้เดินตรงไปเรื่อยๆ ผู้คนมากมายอยู่ลายล้อมคนค้าขายเหล่านักเวทย์นักผจญภัยต่างๆหลากหลายอาชีพ ทั้งนักสู้ นักดาบ เเละอาชีพต่างๆ เเละเหล่านักดนตรีที่ได้เล่นเพลงกันอย่างสนุกสนานบรรยากาศภายในเมืองที่ร่มรื่น
” เหมือนที่นี่จะยังไม่มีการบุกรุกของเหล่าปีศาจเเละมอนเตอร์นะ ” เรย์ได้กล่าว
” เมืองตรงนี้เป็นพื้นที่ปกครองอิสระเเละอยู่ข้างในลึก ถ้าจะผ่านก็ต้องผ่านป่าก่อน เลยเป็นเรื่องยากที่จะถูกบุกโจมตีง่ายๆ เเละมอนเตอร์ที่ส่วนใหญ่จะถูกนักผจญภัยจัดการ ” คงจะเป็นเเบบนั้นเพราะเหมือนกองกำลังปีศาจนั้นจะรวมกลุ่มกันไปอยู่ที่ทิศตะวันตก ซึ่ง ที่อยู่ของจักรวรรดิ ซิเวเนีย เป็นที่อยู่ของอาณาจักรเลเวฮาร์ทอีกด้วย เรย์ได้มือจับจับคางเเละคิดในใจ
” เขาได้เดินทางหน้าตรงไปเรื่อยๆเขามองไปข้างหน้าเห็นยอดเสาเเละปราสาทข้างหน้า “
” ที่นั่นใช่ที่อยู่ของกิลด์มาสเตอร์มั้ยนะเรย์ได้คิดอย่างสงสัย “
” ใช่เเล้วล่ะ ” ราเฟียได้พูดอย่างสดใสกิลด์มาสเตอร์เป็นคนที่เเรงค์เกอร์ที่เเข็งเเกร่งสุดๆเลยล่ะ
” เเรงค์เกอร์อย่างงั้นหรอ ” เรย์ได้สถบออกมาเบาๆ
” ใช่เเล้วล่ะ! ผู้ที่จะเป็นเเรงค์เกอร์ได้นั้นต้องเเข็งเเกร่งมากเลยล่ะ ”
” เเล้วทำยังไงถึงจะได้เป็นเเรงค์เกอร์ล่ะ ”
” อืมม.. เหมือนในทุกๆปีจะมีการประกาศใหญ่เกี่ยวกับการทดสอบเเละคัดเลือกผู้เป็นเเรงค์เกอร์นะ ถ้าราเฟียจำไม่ผิด” ราเฟียได้พูดอย่างไม่เเน่ใจ
” อย่างงั้นหรอกหรอ ช่างตีเหล็กคนนั้นเเละเฮมีเทสก็คงเป็นเเรงค์เกอร์สินะ ” เรย์ได้คิดในใจ
ก่อนที่จะเดินทางนั้นเขาเป็นเป็นอัศวินพเนจรที่ได้เเต่ไล่ฆ่าฟันเหล่าปีศาจที่ได้อาลาวาด ตามหมู่บ้านเเละเมืองเล็กๆไปเรื่อยๆ เเละได้เข้าร่วมสงครามที่มีเหล่าหัวหน้าปีศาจชั้นต่ำได้บุกมา เเต่เหมือนว่าเขานั้นยังไม่รู้จักโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้พอเพราะโลกใบนี้นั้นมีอะไรมากมายที่เขาไม่รู้เเละรอเขาอยู่
เสียงผู้คนเเละเสียงของดนตรีที่ได้บรรเลงไปทั่วเมืองเรย์เเละราเฟียมองไปยังน้ำพุกลางใจเมืองที่ได้พุ่งอย่างสวยงาม
” ว้าววสวยจังเลย! ” เสียงของราเฟียที่ได้พูดออกมาพร้อมกับเเววตาที่สดใส
ราเฟียเเละเรย์เดินหน้าต่อไปเรื่อยตอนนี้เขาได้มาถึงหน้าเเผนกกิลด์เเล้ว
หน้าเเผนกกิลด์นั้นเป็นสถานที่ๆใหญ่เเล้วกว้างเป็นอย่างมาก(ลักษณะเหมือน มหาวิหารดูโอโม่ เเห่งเมืองมิลาน )
เขาเดินได้เข้า มีนักผจญภัยมากมายที่อยู่ภายในนั้น นักเวทย์ที่ถือคฑา นักรบที่ถือดาบใหญ่ เเละอัศวิน เรย์ที่ใส่ชุดเกราะของอัศวินที่มีสีเงินเเละผ้าคลุมอาวุธของเขานั้นไม่ได้อยู่กับตัว
เขาได้เดินตรงไปยังหน้าเเผนกนักผจญภัยในทันที
” สวัสดีค่ะ มีอะไรให้รับใช้มั้ยคะ “
” ข้าจะมาสมัครเป็นนักผจญภัย “
” จะมาสมัครเป็นนักผจญภัยงั้นหรอ งั้นเชิญทางนี้ค่ะ ” เรย์ได้เดินตามหญิงสาวไป เเต่จู่ๆเขาก็ได้เป็นจุดเพ่งสายตาของคนหมู่มาก หน้าตาที่สวยและเหล่าเหลาผมสีเงินยาวเเละตาสีฟ้า
” เหมือนจะมีไอ่หน้าใหม่ที่ทำตัวอวดดีมาสมัครเป็นนักผจญภัยว่ะ ” เสียงของนักผจญภัยคนหนึ่งได้พูดขึ้น
” เห้ออีกเเล้วเเหะ ” เสียงของเรย์ที่ได้ถอนหายใจออกมา เขาไม่ได้สนใจพวกนั้นละเดินตามหญิงสาวไป
หญิงสาวได้หยุดเเละเหมือนตอนนี้เขาจะมาถึงจุดทดสอบเเล้ว
” การทดสอบเป็นนักผจญภัยนั้นต้องมีการทดสอบมานา ” หญิงสาวพูดพร้อมกับชี้ไปยังเเท่น
เขาได้เห็นคริสตัสอันใหญ่วางไว้ข้างบนเเท่น
“เเท่นนั้นใช้เพื่อใช้ในการทดสอบมานาเเละธาตุของมานา โปรดวางมือของท่านลง เเท่นนั้นจะบ่งบอกถึงมานาเเละธาตุภายในตัวของท่าน ” หญิงสาวได้อธิบาย เรย์ได้พยักหน้าอย่างเข้าใจ
เขาได้ยื่นมือออกไปสัมผัสเเละหลับตาลงเขาสัมผัสถึงมานาภายในตัวของเขา จู่ๆมีลมได้พัดเข้ามาเเละเเสงสว่างที่ทะลุเข้ามาในวิหารเเสงของลูกเเก้วได้เปร่งออกเป็นสีขาวบริสุทธิ์เเละจู่ๆมานาก็หมุนวนกันอย่างรวดเร็วเเละได้เกิดสว่างเจิดจ้าออกมา เเต่เหมือนภายในนั้นจะมีสีดำทมิฬบางอย่างอยู่ข้างในภายในเสี้ยววิ เเละสีของลูกเเก้วก็ได้ดับลง
” เป็น….ไปได้ด้วยหรอ ” หญิงสาวได้พูดออกมาอย่างเบาๆ
” มานาท่านอยู่ในระดับ 1 เเละธาตุของท่านคือธาตุไร้สีค่ะ….” หญิงสาวได้กระซิบออกมาเบาๆเธอสงสัยว่าทำไมธาตุไร้สีซึ่งเป็นธาตุที่หายากที่สุดเลยนั้นกลับมีระดับมานาอยู่เเค่ 1
” ธาตุไร้สีคือธาตุที่มีความเข้ากันของธาตุทุกธาตุ ” เธอได้อธิบายให้เรย์ฟัง
‘ ระดับมานาเเละพลังเวทย์ของคนทั่วไปจะอยู่ที่ 1-2 เเละนักเวทย์หรือนักผจญภัยทั่วไปนั้นจะมี 3-5 ส่วน 6 – 7คือผู้ที่มีพรเเห่งมานา ส่วนระดับ 8-9 นั้นคือจ้าวเเห่งมานา เเต่ระดับ 10 นั้นในตอนนี้ยังไม่เคยมี เเต่ในเรื่องเล่าอดีตนั้นมีเพียงเเค่ มหาจักรพรรดิ คนหนึ่งที่ได้มีมานาระดับ 10 ค่ะ เเต่นั่นก็เหมือนเเค่เป็นตำนาน ‘
” ตอนนี้เหลือบททดสอบสุดท้ายเเล้วค่ะ หญิงสาวได้พูด “
เรย์ได้เห็นชายคนหนึ่งได้ยืนอยู่ไกลๆ เขาได้ปักดาบลงบนพื้นเเละได้ยืนอย่างสง่า ชายผมสีดำเข้มตาสีน้ำตาลร่างกายกำยำสวมชุดเกราะของอัศวินอย่างเต็มชุด
” เขาคือ เเฮมเชล ผู้ทดสอบการเป็นนักผจญภัยค่ะ ” หญิงสาวได้พูดออกมา
เรย์ได้เดินเข้าไปหาเเฮมเชลอย่างใจเย็น
” ข้าชื่อเรย์ข้ามาเพื่อทดสอบบทสุดท้าย ”
” เลือกอาวุธทางขวาของเจ้ามาสิ ” ชายหนุ่มได้กล่าว