The Revenge of My Youth: My Re Life with a Girl Who Was Too Much of an Angel - ตอนที่ 1 แรงงานทาสผู้ก้าวข้ามกาลเวลา
- Home
- The Revenge of My Youth: My Re Life with a Girl Who Was Too Much of an Angel
- ตอนที่ 1 แรงงานทาสผู้ก้าวข้ามกาลเวลา
“ชีวิตของฉัน…ทำไมมันถึงกลายมาเป็นแบบนี้ได้นะ…”
ในพื้นที่สำนักงานช่วงดึกที่ว่างเปล่า ผม…นิอิฮามะ ชินอิจิโร่ ถามกับตัวเอง
เบื้องหน้าของผมคืองานจำนวนมากจนกองเป็นภูเขาเลากา
งานจำนวนขนาดนี้มันเห็นกันอยู่ชัดๆว่าต้องใช้คนหลายคนเพื่อจัดการให้เรียบร้อย
แล้วแต่เดิมนี่ก็เป็นงานของหัวหน้าของผมด้วย แต่หมอนั้นพอเลิกงานก็เดินมาโยนงานให้ผมแล้วพูดว่า 『ทำให้เสร็จภายในพรุ่งนี้ด้วยล่ะ』
“ฮะๆ…มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้วนี่นะ”
ผมเข้ามาทำงานที่บริษัทแห่งนี้ตั้งแต่เรียนจบชั้นม.ปลาย และมันยังเป็นแบล็คคอมพานีแบบสุดโต่งด้วย ตั้งแต่ผมทำงานมาจนถึงทุกวันนี้ ผมต้องเจอกับการทำงานล่วงเวลาโดยไม่ได้รับค่าจ้าง การทำงานติดต่อกัน 30 วันโดยไม่ได้หยุดพัก การจัดการกับงานที่มีเนื้อหาบ้าๆ การถูกบังคับให้ทำงานที่มีเดทไลน์เร่งด่วนแบบไร้เหตุผลให้เสร็จทันเวลา และอื่นๆอีกเยอะ
“ดันโง่หลงเชื่อคำลวงโลกของบริษัทมาจนอายุ 30 แล้วสินะ…ไหนบอกว่าถ้ายอมอดทนทำงานให้หนัก สักวันมันจะเป็นวันของเราไม่ใช่รึไง…”
และเพราะการโหมทำงานอย่างหนักตลอดเวลาที่ผ่านมา ทำให้ช่วงนี้ร่างกายมีสุขภาพที่ไม่ดี และยังปวดหัวอยู่บ่อยๆด้วย
ผมก็หงอกก่อนวัย แล้วก็ฝันร้ายอยู่บ่อยๆ
แต่ทำไมถึงไม่ลาออกงั้นเหรอ? ที่ไม่ลาออกก็เพราะไม่มีความกล้าพอที่จะลาออกยังไงล่ะ
“ทั้งมืดมน ขี้ขลาด ไม่มีปากมีเสียง แถมไม่ชอบการทำงานหนัก…เป็นพวกไร้ตัวตนมาตั้งแต่สมัยมัธยม…แล้วนอกจากนี้ยังเป็นไอหนุ่มเวอร์จิ้นอยู่ด้วย…ฮะๆ…ฮ่าๆๆ….”
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาอย่างไม่ตั้งใจ
เป็นเวลากว่า 12 ปีแล้วที่ผมเข้ามาสู่การทำงานในสังคม…และนับเป็นร้อยๆครั้งที่ผมจมอยู่กับความสิ้นหวังอันแสนดำมืด
ทำไมล่ะ? ทำไมมันถึงกลายมาเป็นแบบนี้?
ก็รู้อยู่แล้วว่าตัวเองเลือกทางเดินผิด
แต่ตัวเองกลับไม่มีความกล้ามากพอที่จะยอมรับมัน ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง
ผมควรจะทำยังไงต่อไปดี…จะหาหนทางที่ถูกต้องได้ยังไง?
“ดูเหมือนว่าม.ปลายจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของเราใช่ไหมนะ…”
ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วเปิดดูรูปถ่ายรวมรุ่นเมื่อในอดีต
ผมมองไปที่เด็กสาวคนหนึ่ง เป็นสาวสวยที่มีผมยาวสีดำสนิท
“ชิโจอินซัง…”
ชิโจอิน ฮารุกะ เธอเป็นสาวสวย แถมยังใจดีมาก…เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นที่ผมแอบชื่นชมตอนสมัยเรียนอยู่ม.ปลาย
ผมกับชิโจอินซัง พวกเราเป็นสมาชิกของคณะกรรมการของห้องสมุดด้วยกัน เราจึงได้คุยกันบ่อยๆ…ถึงจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่นั่นก็เป็นความทรงจำที่สวยงามที่สุดในชีวิตของผม
“ทั้งๆที่ชอบชิโจอินซังมากแท้ๆ…แต่ฉันกลับลังเลและไม่มีความกล้ามากพอ ทั้งๆที่ควรจะไปสารภาพแล้วยอมรับผลของมัน…แต่ฉันกลับเอาแต่วิ่งหนี…”
และความเสียใจนี้ก็ยิ่งทวียิ่งขึ้นไปอีกเมื่อได้ทราบข่าว “เรื่องนั้น” ของชิโจอินซังจากเพื่อนสมัยมัธยมที่ยังเหลือเพียงคนเดียวของผม
“12 ปีผ่านไป สุดท้ายเราก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ยังมืดมนอยู่เหมือนเดิม แม้แต่ความกล้าที่จะพูดความต้องการของตัวเองออกมายังไม่มี…ไอมืดมนเอ้ย…!”
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป สิ่งที่รอผมอยู่ในอนาคตมีเพียงแต่หายนะเท่านั้น
“ถึงอายุแค่ 30 แต่เพราะทำงานหนักเกินไป ร่างกายทั้งภายในและภายนอกก็พังไปหมดแล้ว! แม่ที่เลี้ยงฉันมาเพียงลำพัง แต่เพราะว่าแม่เป็นห่วงฉันมากเกินไปจนสุขภาพทรุดโทรม สุดท้ายแม่ก็ต้องจากไปก่อนวัยอันควร!”
ผมคิดไม่ออกเลยว่าชีวิตที่ผ่านมาของผมได้อะไรดีๆตอบแทนมาบ้าง
12 ปีที่ผ่านมา ชีวิตของผมมีแต่ความสุญเสีย
“เพราะอย่างนั้นมันก็เลยทำให้น้องสาวเกลียดฉัน ก็เลยถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง! นอกจากไม่มีเงินแล้ว…สุดท้ายก็คงไม่มีใครมานั่งเสียใจกับการตายของฉันด้วยสินะ!”
มีแต่เรื่องนี้ที่จะไม่เปลี่ยน
ผมหนีจากการต่อสู้หรือการพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอด และยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งกลายเป็นหมารับใช้มากขึ้นไปเรื่อยๆ
“…อยากกลับไป…! อยากย้อนเวลากลับไปในตอนนั้น…!”
ผมร้องไห้และกรีดร้องออกมาเหมือนเด็กๆอยู่ในสำนักงานที่ว่างเปล่า
“ตอนนี้…ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว! ว่าช่วงเวลานั้นมันมีค่าขนาดไหน!”
“ถ้าอยากจะได้อะไร ก็ต้องต่อสู้เพื่อที่จะได้มันมา…โตมาจนถึงตอนนี้…ในที่สุดก็เข้าใจสักที!!”
ผมต้องการเริ่มต้นใหม่ในสมัยนั้น
ชีวิตที่ผ่านมาของผมมีแต่ความล้มเหลว
เหมือนมีความรู้สึกเสียใจอันหนาวเหน็บวิ่งผ่านหัวใจของผมไป ดูเหมือนชีวิตของผมจะ…
“อุ…อะ กะ…!?”
อยู่ๆผมก็รู้สึกแน่นหน้าออก และหายใจไม่ออก
(นี่..มัน…อะไร…!)
ผมเคยรู้สึกเจ็บหน้าอกจากการทำงานหนักมาก่อนหลายครั้ง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่รู้สึกเหมือนครั้งนี้…!
“หะ…อะ…อะ…คิ…”
ผมรู้สึกว่าร่างกายกำลังสูญเสียความร้อนไป ความหนาวเย็นแทรกเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ผมหายใจไม่ออก ร่างกายกำลังกำลังพยายามตะเกียจตะกายที่จะหายใจเอาอากาศเข้าไป
(อะ อา…นี่คือ…ความตาย สินะ…)
ผมรู้ได้ทันที เพราะว่าเคยมีอาการแน่นหน้าอก หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะมาแล้วหลายครั้ง
แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป
เมื่อสติค่อยๆจางหายไป ผมก็ตระหนักได้ว่าร่างกายที่ใช้ทำงานอย่างหนักของตัวเองมาถึงขีดจำกัดแล้ว
ในขณะที่สติกำลังจะจมลงไปสู่ความมืดมิด หน้าจอโทรศัพท์ของผมก็สว่างขึ้น
ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอคือภาพของชิโจอินซังที่กำลังยิ้มอย่างงดงาม…
(ฮะ ฮะๆ ดีจริงๆที่ได้เห็นคุณก่อนตาย…)
นั่นคือความคิดสุดท้ายของผม…
ก่อนที่ผมจะจมดิ่งสู่ความมืดมิดและหายไปในที่สุด
.
.
.
.
“…..อืม…อือ….?”
แสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาดึงสติของผมให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง
นกส่งเสียงร้องกันจิ๊บๆในตอนเช้า ผมค่อยๆลุกขึ้นจากที่นอน
“เอ๊ะ…? ฉัน…ไม่ใช่ว่า…”
ผมพยายามนึกย้อนไปในความทรงจำ
ผมชื่อนิอิฮามะ ชินอิจิโร่ อายุ 30 ปี ทำงานเป็นแรงงานทาสให้กับบริษัทแบล็คคอมพานีแห่งหนึ่ง
และเมื่อวานก็ต้องอยู่ทำโอทีจากงานจำนวนมากที่ถูกโยนมาให้จนดึกดื่น….
“จะ จริงด้วย! ฉันจำได้ว่าตัวเองควรจะหัวใจวายตายไปแล้วไม่ใช่เรอะ…!”
ผมตื่นขึ้นมาโดยที่ยังจำความรู้สึกเจ็บปวดและความรู้สึกของคนที่กำลังจะตายได้อย่างชัดเจน
ผมมั่นใจว่าตัวเองกำลังจะตาย…หรือว่าจะยังไม่ตาย ถ้าอย่างนั้นที่นี่ก็คือโรงพยาบาลสิ…ใช่ไหม?
“….เอ๊ะ…ที่นี่มัน…?”
เมื่อผมมองไปรอบๆ ก็รู้ได้ทันทีว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องพยาบาล
และมันไม่ใช่ห้องในอพาร์ทเมนต์ของผมด้วย
“นี่มันบ้านแม่…ห้องของฉัน…?”
กล่องใส่เกมจำนวนมาก โปสเตอร์ตัวละครในอนิเมะ โต๊ะเรียนที่รกจนเหมือนชั้นวางของ แล้วก็ชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยมังงะ และไลท์โนเวล…นี่มันห้องของผมตอนเรียนสมัยมัธยมนี่
“เรื่องบ้าๆแบบนี้มัน…นี่ฉันกำลังฝันอยู่งั้นเหรอ?”
บ้านของแม่น่าจะโดนรื้อไปแล้วหลังจากที่แม่เสียไปนี่นา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…?”
เมื่อผมหันไปมองที่หน้าต่างของห้องนอน ภายในหัวของผมก็กลายเป็นความว่างเปล่า
เพราะภาพสะท้อนที่ปรากฎในกระจกนั้นไม่ใช่ใบหน้าที่แสนอ่อนล้าของตัวผมในวัย 30 ปีแต่อย่างใด
“…นี่มัน…ตัวฉันตอนสมัยวัยรุ่น….?”