The Rise of Otaku - ตอนที่ 100
บทที่ 100 ฟาร์มขนาดเล็ก
ครอบครัวของเจ้าเซอร์แบล็กนั้นค่อนข้างดุร้าย พวกมันต้องการสร้างรังของตัวเองและตั้งใจว่าจะไม่อยู่ในรังนกที่โจวหยูจัดทําขึ้น ในนกพิราบที่ถูกนํากลับมาโดยเจ้าเซอร์แบล็กมีเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่มีสายเลือดของอัศวินนภา อย่างไรก็ตามอัตราส่วนการสืบทอดสายเลือดของมันยังคงสูงกว่าเจ้าเดียนเดียน นี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นชัยชนะอย่างหนึ่งก็ได้
อย่างไรก็ตามนกพิราบตัวนี้กับทําให้นกพิราบผู้เป็นแม่เป็นกังวลมาก เพราะเจ้าเด็กน้อยตัวนี้เป็นมิตรกับกระรอกแปลกๆมากเกินไป มันยังไม่คิดจะอยู่ในรังเป็นเวลานาน เวลาส่วนใหญ่ของมันจะเป็นการบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและทํากายกรรมแปลกๆ แม่นกพิราบที่เห็นแบบนั้นก็สับสนเป็นอย่างมากว่ามันเกิดอะไรขึ้น? เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทําไมเวลาว่างๆลูกของเธอถึงได้มองท้องฟ้าและพูดกับมัน? มันมีความเป็นไปได้ไหมว่าลูกคนนี้ได้รับการกระทบกระเทือนระหว่างที่ฝักออกมา
ด้วยการเพิ่มขึ้นของจํานวนสมาชิกมาก มันก็ทําให้สนามฝึกกลายมาเป็นมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ตอนนี้ทั้งเจ้าเดียนเดียนและเจ้าเซอร์แบล็กต่างก็ทํางานน้อยลง แทนที่มันจะคอยลาดตระเวนตลอดเวลาพวกมันเลือกที่จะอยู่ในสนามฝึกเพื่อดูแลลูกๆของพวกมันแทน
แจ็คและบูบูยังคงรับผิดชอบในการฝึกนี้ด้วยตัวเอง โดยพื้นฐานแล้วมันไม่มีอะไรที่โจวหยูต้องทําอีก ดังนั้นเขาจึงไปดูเล้าไก่วันนี้ แม้ว่าลูกไก่ตัวเล็กๆเหล่านั้นจะไม่ได้รับสายเลือดของอัศวินมาก็ตาม แต่มันก็ยังถือว่าเป็นลุกผสมระหว่างโลกACGและโลกแห่งความจริงๆ ดังนั้นเขาจึงคาดหวังพวกมันเป็นเป็นพิเศษ
ป้าเซียซานเองก็ดูมีความมั่นใจว่าลูกไก่ตัวเล็กๆเหล่านี้จะเติบโตเป็นไก่ที่ยอดเยี่ยม อาจจะเพราะพวกมันดูมีสุขภาพดีและมีชีวิตชีวามาก จากประสบการณ์การทําฟาร์มมานานหลายปี เธอเห็นว่าลูกไก่เหล่านี้แตกต่างจากลูกไก่ตามปกติ และสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือพวกมันมีเส้นสีแดงที่สามารถเห็นได้ชัดเจนบริเวณท้องของพวกมันเหล่านั้น โจวหยูเชื่อว่านี้เป็นสิ่งที่สืบทอดมาจากเจ้าเดียนเดียน เพราะเจ้าเดียนเดียนเองก็มีเส้นสีแดงบนร่างกายเช่นกัน
จนถึงตอนนี้ป้าเซียซานก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเจ้าเดียนเดียนนั้นเป็นพันธุ์อะไร?
ไก่ส่วนใหญ่ในโรงเลี้ยงไก่ของป้าเชียนั้นเป็นไก่เนื้อ นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้วไก่ส่วนใหญ่ก็ยังสามารถรับประทานได้ แม้แต่ลูกหลานของเจ้าเดียนเดียนก็หนีไม่พ้นจากชะตานี้ และยิงหมู่บ้านอู่ตงในบริเวณใกล้เคียงซึ่งมีร้านอาหารมากมายอยู่แล้วด้วย ดังนั้นมันจะไม่เป็นปัญหาในการขายไก่เหล่านั้นเลย ไม่ต้องพูดถึงว่าสวนสนุกของเขาเองก็ต้องพัฒนาบริการจัดเลี้ยงด้วยเช่นกัน
เมื่อเขามองดูไก่พวกนั้น มันก็อดไม่ได้ที่จะมีน้ําลายไหลออกมา ในอนาคตพวกมันจะ ถือว่าเป็นไก่ที่เลี้ยงในสวนของเขา แม้ว่ามันจะเป็นสายพันธุ์ที่เขาไม่รู้จัก แต่มันก็มีเปอร์เซ็นต์ที่ว่ามันจะมีรสชาติที่ดี เขาหวังว่าในอนาคตเขาจะสามารถลิ้มรองมันได้
วันนี้เป็นวันสําคัญ นักผจญภัยคนแรกของหมู่บ้านมินินลู่หัว – นิ่งห้อยได้เสร็จสิ้น การฝึกฝน! การตรวจสอบโดยแจ็คกับบูบูและชายเฒ่าขี้เมานั้นก็ได้เริ่มขึ้นเช่นกัน
เนื้อหาของการสอบนั้นก็เป็นอะไรที่ง่ายมาก มันก็แค่เธอต้องลงไปเครียดันเจี้ยนระดับต่ำสุดของหมู่บ้านอย่าง – ถ้ำแห่งความมืด
แจ็คซึ่งมักจะไม่สนใจอะไรเลยวันนี้กลับมีสีหน้าตาหงุดหงิดตลอดเวลา แม้แต่บูบูก็บอกวิธีจัดการต่างๆให้กับหิงห้อยตลอดเวลาว่าถ้าเธอไม่ไหวจริงๆก็สามารถหนีออกมาได้ตลอดเวลา เธอไม่จําเป็นต้องเข้าไปเสี่ยงตายด้วยไม่จําเป็น อย่างไรก็ตามโจวหยูไม่คิดว่าลูกสาวของเขาจะให้ความสนใจกับสิ่งที่บูบูพูดมากนัก มีเพียงชายเฒ่าขี้เมาเท่านั้นที่ยังคงเหมือนเดิม ดูเหมือนเขามีความมั่นใจในความสามารถของลูกศิลป์คนนี้มาก
ทางด้านของหิงห้อยนั้นรอวันนี้มานานแล้ว เพราะสถานที่เดียวที่เธอไปไม่ได้รับให้เข้าไปในหมู่บ้านมินิลู่หัว ก็คือถ้ำแห่งความมืดนี้เอง เธอไม่สามารถแอบเข้าไปข้างในเลย แต่มาวันนี้เธอจะได้เข้าไปสํารวจมันแล้ว มันเป็นสิ่งที่เธอต้องการมาตลอด ดังนั้นในการสอบครั้งนี้เธอจึงมีแต่ความตื่นเต้นเท่านั้น ไม่มีความกลัวอยู่เลย
ในฐานะที่เป็นพ่อของเธอโจวหยูจึงได้เข้าร่วมการสอบนี้เช่นกัน เขามาที่นี้เพื่อคอยสังเกตการณ์อยู่ด้านข้าง จากการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับลูกสาวคนนี้จากตัวระบบแสดงให้เห็นว่า คุณลักษณะของอัศวินรากฐานของกังฟู และอัศวินนภานั้นเต็มหมดแล้ว มันเป็นเรื่องปกติอย่างมากด้วยศักยภาพระดับ S ของเธอก่อนหน้านี้
ดังนั้นด้วยคุณสมบัติที่เขาเห็นในตอนนี้มันคงจะไม่มีปัญหาที่เธอจะลงไปเครียดันเจี้ยนระดับต่ำอย่างคุกแห่งความมืด แต่ถ้าเกิดว่ามีเหตุผิดพลาดขึ้นมาจริงๆ ก็ยังมีเจ้าเดียนเดียนที่สามารถวิ่งเข้าไปช่วยเหลือเธอออกมาได้ตลอดเวลา
หลังจากที่หิงห้อยเข้าไปในดันเจี้ยนแล้ว โจวหยูก็ได้ยินพวกอาจารย์ของลูกสาวคุยกันว่า
แจ๊ค “นี้ เจ้ากระรอก! ทําไมเมื่อคืนนี้เจ้าถึงเข้าไปในถ้ำนั้นกัน? หรือว่าเจ้าแอบเข้าไปว่างกับดักในนั้น?”
บูบู “เฮอะ! และทําไมนายถึงอยู่นอกถ้ำเมื่อคืนนี้ล่ะ? ถ้านายไม่อยู่ที่นั่นแล้วนายจะรู้ได้ยังไงว่าฉันเข้าไป?”
ชายเฒ่าขี้เมา “ ฮ่าฮ่าฮ่า! มันเป็นเรื่องเข้าใจได้ที่พวกเราจะเป็นห่วงลูกศิษย์คนแรก แต่การที่พวกนายเข้าไปขู่พวกนั้นในถ้ำก็ออกจากเกินเลยไปหน่อยนะ?”
** เออ * โจวหยูที่ฟังตั้งแต่ต้นก็รู้แล้วว่าพวกอาจารย์ทั้งสามนั้นทําอะไรลงไป สรุปแล้วพวกเขาต่างก็เป็นหางว่าลูกศิษย์คนแรกของตัวเองจะได้รับบาดเจ็บ พวกเขาจึงได้แอบเข้าไปข่มขู่ พวกนั้นในถ้ำเป็นการส่วนตัว
ใช้เวลาไม่นานก่อนที่หิงห้อยจะออกมาอย่างปลอดภัยกับเจ้าเดียนเดียน ในขณะเดีย วกันเธอก็ถือกองอุปกรณ์และสิ่งของทั้งหมดออกมาด้วย นี้อาจจะเป็นการแสดงออกที่ว่าเธอนั้นสามารถผ่านการทดสอบนี้ได้แล้วนั้นเอง
โจวหยูเองก็เห็นของทั้งหมดเช่นกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขามองไม่วางตานั้นก็คือพิมพ์เขียนเครื่องขายเม็ดพืชที่ลูกสาวนําออกมา ด้วยสิ่งที่เธอถืออยู่ในตอนนี้ มันมากพอที่เขาจะขยายส่วนผักขนาดเล็กของเขาให้กลายเป็นขนาดใหญ่ได้สบายๆ
“ยอดเยี่ยม! ในอนาคตฉันก็จะไม่ขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ในฟาร์มอีกแล้ว”
การเครียดันเจี้ยนระดับต่ำเดียวตัวคนเดียวก็สามรถพิสูจน์ได้ว่าหิงห้อยนั้นมีคุณสมบัติที่จะเป็นนักผจญภัย ดังนั้นเธอจึงประสบความสําเร็จในการได้รับตรานักผจญภัย
ดังนั้นการผจญภัยที่แท้จริงของหมู่บ้านมินิลู่หัวจึงเกิดขึ้น
“มาฉลองกันเถอะ!”
เมื่อถึงเวลากลางคืนชายหาดในสระคลื่นก็สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ นอกเหนือจากโจวหยูแล้วก็ไม่มีคนอื่นจากโลกแห่งความเป็นจริงที่นี่
พนักงานของสวนสนุกทุกคนรู้ว่าในบางครั้งเจ้านายตัวน้อยจะขังตัวเองอยู่ที่นั่น ในแง่ของเหตุผลไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไรเช่นกัน
ผักทั้งหมดในโลกของ ACG ตราบใดที่มันสามารถเสิร์ฟได้มันจะถูกนํามาเสิร์ฟบนโต๊ะ อย่างไรก็ตามด้วยเครื่องจักรที่ได้รับมาจากเจ้าตู้ชากาปองก่อนหน้านี้ มันสามารถให้เขาซื้อเมล็ดพันธุ์ผักได้ตลอดเวลา ดังนั้นมันเป็นเรื่องง่ายมากที่ในอนาคตเขาจะปลูกได้มากเท่าที่ตัวเองต้องการ
อย่างไรก็ตามเขาผิด! ถึงแม้ว่าในตอนนี้มันจะมีเมล็ดเพียงพอ แต่กับมีเกษตรกรไม่เพียงพอ ดังนั้นในตอนนี้มันอาจจะพูดได้ว่ามันยังไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก
ในปัจจุบันมีฟาร์มเล็กๆสองแห่งในสวนสนุกแห่งนี้ หนึ่งถูกส่งมอบให้กับพนักงานของสวนสนุกดูแล และอีกอันได้รับการดูแลจากโลก ACG ซึ่งจําเป็นต้องได้รับการดูแลโดยโจวหยูเป็นการส่วนตัว หากในอนาคตเขาต้องการขยายการทําสวนเพิ่มขึ้น เขาจะต้องมีกระท่อมเกษตรกรอย่างน้อย 30 หลัง แต่ในปัจจุบันเขากับมีเกษตรกรเพียงสองคนคือเทียนเนียงและลุงกวนเออร์เท่านั้น
แม้ว่าทั้งคู่จะได้รับการเลื่อนระดับเป็นเกษตรกรระดับ 3 ดาวแล้ว แต่พื้นที่ที่พวกเขาสามารถดูแลครอบคลุมได้นั้นยังไม่เพิ่มขึ้น สิ่งที่เพิ่มขึ้นเป็นเพียงคุณภาพของผักที่ได้รับการดูแลจากพวกเขา แม้ว่ากระท่อมของเกษตรกรจะไม่แพง แต่ด้วยจํานวน 28 หลังนั้นก็ยังคงเป็นเงินจํานวนมาก
เมื่อโจวหยูได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ ในเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เขาซื้อเมล็ดพืชฤดูใบไม้ร่ วงในตู้จําหน่ายเมล็ด เขาก็สังเกตเห็นปัญหาหนึ่งเข้ามา
นั้นก็คือ เงินเงินเงิน! ทั้งหมดที่จะจําเป็นต้องใช้เงิน!
โจวหยูเกือบชี้ไปที่เครื่องขายส่งเมล็ดพันธุ์พืชและตะโกนออกมาดังๆ เมล็ดพวกนั้นมีราคาแพงมาก ถ้าเขาซื้อตามที่คิดเอาไว้นั้นมันจําเป็นต้องใช้เกือบครึ่งหนึ่งของเงินออมของเขา และนั้นจะทําให้เขาเหลือเงินเก็บเพียงสองสามพันเหรียญเท่านั้น ด้วยจํานวนเงินนี้มันยังไม่พอที่เขาจะซื้อบ้านชาวนาทั้งหมดในครั้งเดียว
ในขณะนี้เทียนเนียงได้เดินเข้ามาแล้วพูดว่า “เจ้าของบ้าน จริงๆแล้วคุณสามารถใช้สมาคมสหกรณ์ชนบทได้ หากเจ้าของมีอาคารดังกล่าวประสิทธิภาพในการทํางานของเราจะเพิ่มขึ้นเป็นจํานวนมากและสามารถประหยัดต้นทุนการก่อสร้างได้อีกด้วย”
“ฮะ?! …. ทําไมฉันถึงไม่รู้เรื่องนี้ล่ะ?”
เมื่อโจวหยูได้ฟังแบบนั้นก็รีบกลับไปที่บ้านอย่างรวดเร็ว เปิดสมุดบันทึกคู่มือที่ได้รับก่อนหน้านี้ขึ้นมา ก่อนที่จะพบเนื้อหาของเจ้าสมาคมสหกรณ์นี้
สมาคมสหกรณ์: กระท่อมของเกษตรกรห้าแห่งสามารถจัดตั้งเป็นสมาคมสหกรณ์ได้แห่งหนึ่ง มันจะเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานของพวกเขาเป็นสองเท่าและพื้นที่ที่พวกเขาสามารถครอบคลุมได้ ชาวนาที่เข้าร่วมสมาคมสหกรณ์ในชนบทสามารถยกระดับเป็น“ เกษตรกรที่ทํางานอย่างหนัก” และส่วนใหญ่พวกเขาสามารถเรียนรู้ทักษะการเกษตรได้หนึ่งอย่าง
นี้เป็นสิ่งที่ดี!