The Rise of Otaku - ตอนที่ 103
บทที่ 103 ศิษย์คนแรก
เนื่องจากไม่มีใครสามารถค้นหาสมาชิกที่อยู่เบื้องหลังโจวหยูได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทําได้เพียงหันมาขุดข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโจวหยูได้เท่านั้น อย่างไรก็ตามข้อมูลที่พวกเขาพบนั้นกับมีน้อยเข้าไปใหญ่ นอกจากข้อมูลที่พวกเขารู้ก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาก็ไม่ได้รับข้อมูลอะไรใหม่เลย
ลูกไก่และนกพิราบตัวน้อยเองก็ได้รับการฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก โดยที่ข้างสนามเองก็มี “พ่อ แม่” ยืนอยู่ข้างๆเหมือนกับว่าพวกมันกําลังให้กําลังใจลูกๆของตัวเอง แต่มันก็ดูขัดๆกับภาพของเจ้านายหนุ่มที่แสดงการนอนอย่างขี้เกียจในขณะออกคําสั่งแบบสุ่มๆ
ภาพนี้ดูแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก!
ไม่มีการหลอกล่อด้วยอาหารหรือการใช้แส้ แล้วทําไมสัตว์ทั้งสามตัวถึงได้เชื่อฟังมากแบบนี้ ภาพที่เกิดขึ้นนี้มันได้ล้มล้างสามัญสํานึกเกินไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อทั้งสองตัวอย่างเจ้าเดียนเดียนและเจ้าเซอร์แบล็ก พวกมันนั้นต่างก็ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสง่าผ่าเผยเหมือนยามรักษาการณ์ ตามข่าวลือที่พวกเขาได้รับจากชาวบ้านทั้งหลาย ต่างก็บอกว่าพวกมันเคยร่วมมือกันเอาชนะสุนัขจรจัดในป่าได้ ดังนั้นอาจจะพูดได้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของพวกมันนั้นจึงค่อนข้างน่าทึ่ง
ตามที่โจวฟูผู้จัดการสวนสนุกแห่งนี้ได้พูดเอาไว้ เมื่อสัตว์พวกนั้นได้ผ่านการฝึกแล้วพวกมันจะมีส่วนร่วมในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสัตว์รอบพิเศษที่กําลังจะจัดขึ้นใน “โครอสเซียม” ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมในไม่ช้า ข่าวนี้มันทําให้นักข่าวที่ได้ยินถึงกับตะลึงไปเกือบหนึ่งนาทีเลยที่เดียว
“นี่เรื่องตลกใช่ไหม?”
การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสัตว์มีเพียงในนิทานหรือในละครทีวีเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงมันเป็นเรื่องยากมากที่จะทําให้พวกมันอยู่ในการควบคุม พวกเขาหวังว่าขอเพียงให้ พวกมันวิ่งแข่งด้วยไม่ออกนอกลู่วิ่งได้แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ถึงพวกเขามีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย แต่ช่วงเวลาต่อมาพวกเขาก็ยังนําเรื่องนี้กลับไปออกอากาศข่าวทางโทรทัศน์ของตัวเอง และนั้นทําให้สวนสนุกเล็กๆของโจวหยูก็กลายมีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างรวดเร็วและโฆษณาต่างๆที่จางฟูทําออกมาก็ทําให้กระแสของผู้คนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นอกเหนือจากการเปิด “อาณาจักรผจญภัย” ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากสระว่ายน้ําคลื่นแล้ว โครงการ “ราชอาณาเทพนิยายเอง” ก็ถูกเปิดขึ้นเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คนเช่นกัน
ในจํานวนนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวกับดึงดูดความสนใจของโจวหยูเป็นอย่างมาก
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สังเกตเห็นเธอ เพราะนักท่องเที่ยวคนนี้เป็นอะไรที่เปร่งประกายราวกับดาวที่เปล่งประกายบนท้องฟ้าที่มืดมิด “หากพวกคุณกําลังคิดว่านี้เป็นเหตุการณ์อย่างการตกหลุมรักในรักแรก ผมต้องบอกว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น นี่ไม่ใช่ละครแนวโรแมนติกซะหน่อย”
เธอซึ่งเป็นผู้หญิงที่ดูธรรมดามากกําลังไปที่ส่วนจัดแสดงอาณาจักรเทพนิยาย สําหรับในสายตาของคนธรรมดาเธอไม่มีอะไรน่าดึงดูดเลย แต่ในสายตาของโจวหยูในตอนนี้ตัวของเธอมันช่างเปล่งแสงอย่างต่อเนื่อง มันเป็นเหมือนกับเขาได้เจอการ์ดโปเกมอนที่หายากมากอย่างกะทันหันปรากฏขึ้นในแพ็คการ์ดโปเกมอนธรรมดา มันเกือบจะทําให้ดวงตาของเขาต้องหลบไปเมื่อมองเธอตรงๆ
“พระเจ้า! ฉันไม่เคยเห็นการ์ดในตํานานแบบนี้มาก่อนเลย?! หรือว่าวันนี้ฉันจะโชคดีนะ?”
เมื่อเห็นแบบนี้โจวหยูก็กลายเป็นคนกระตือรือร้นอย่างมากที่จะค้นหาสาเหตุนี้ เขาได้เดินตามเป้าหมายไปอย่างช้าๆ มันเป็นเรื่องที่หน้าอึดอัดอย่างมากในตอนนี้ นอกจากโจวชูวหยูและเหอหยวนหยวนแล้ว เขาไม่เคยคุยกับผู้หญิงคนอื่นเลย และก็เป็นพวกเธอเช่นกันที่เป็นฝ่ายเข้ามาชวนเขาคุยกัน ดังนั้นอาจจะพูดได้ว่าการเข้าไปคุยกับผู้หญิงซักคนนั้นเป็นเรื่องยากอย่างมากสําหรับเขานั้นเอง
ผู้หญิงที่กําลังเปล่งแสงอยู่ดูเหมือนว่าเธอจะอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆเท่านั้น เธอดูเหมือนคนที่พึ่งจะจบจากวิทยาลัย มันเป็นเรื่องที่แปลกอยู่บ้างที่เธอได้มาที่นี่เพียงคนเดียว มันทําให้เขาไม่รู้ว่าเธอมา ที่นี่เพื่อผ่อนคลายตัวเองหรือมาเพื่อสาเหตุอื่นกันแน่ แต่เมื่อเขาได้ดูข้อมูลสถานะของเป้าหมายมันก็ทําให้เขาถึงกับตกตะลึงทันที
ชื่อ: ???
พลังโอตาคุ: 8.5 ติดการสร้างโมเดล
ทักษะ: ผู้สร้างโมเดล
ข้อมูลเพิ่มเติม: เธอรักโมเดลทําด้วยมือมากกว่าแฟนของเธอเอง
“พระเจ้า! เธอเป็นโอตาคุฮาร์ดตัวจริงเหมือนกับฉัน! เรื่องค่าพลังโอตาคุของเธอเองก็สูงเป็นอย่างมาก มันสูงกว่าโจวฟูและเจ้าเด็กโจวเฮาเสียอีก”
ในช่วงเวลาเดียวกันก็ยังมีพวกโอตาคุจํานวนหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในสวนสนุกเช่นกัน แต่พวกเขาเกือบทั้งหมดต่างก็มีพลังโอตาคุไม่เกิน 5.0 ซึ่งมันทําให้โจวหยูหัวเราะออกมาดังๆว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่จะสามารถเอาชนะเขาได้ ด้วยพลังโอตาคุ 7.8 ที่เขามีมันทําให้เขาเป็นอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตามเมื่อเขามาเจอผู้หญิงปริศนาคนนี้ มันก็ทําให้ความภูมิใจของเขาพังลง
เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าพฤติกรรมแปลกๆของโจวหยูก็เริ่มที่จะดึงดูดความสนใจของคนอื่นขึ้นมา นอกจากหญิงสาวเป้าหมายที่ดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนที่ผ่านไปผ่านมาต่างก็สังเกตเห็นการกระทําเหมือนพวกโรคจิตของโจวหยูได้ทั้งหมด
จนถึงตอนนี้โจวหยูก็ยังไม่ได้เข้าไปพูดคุยกับเป้าหมาย เขายังคงเดิมตามเธอไปอย่างใกล้ชิด จนระหว่างทางที่เขาได้พบกับลุงฟูเขาจึงได้ขอให้อีกฝ่ายช่วยเขาในครั้งนี้ เขาได้ชี้ไปยังผู้หญิงเป้าหมายและพูดว่า “ลุงฟู! ลุงช่วยไปบอกกับเธอได้ไหวว่าผมมีบางอย่างที่จะคุยกับเธอ”
โจวฟูที่ได้ฟังแบบนั้นก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาอย่างลึกลับ ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นว่า “เอาละ! ดูสิว่าฉันจะช่วยอะไรเธอได้บ้าง”
แต่เขาไม่ได้รีบที่จะเข้าไปหาเป้าหมายโดยตรง เขากลับเลือกที่จะดูเธออย่างระมัดระวังก่อน และเขาก็พบว่าถึงแม้ว่าผู้หญิงตรงหน้าจะดูดีแต่เธอไม่ได้สวยหรือน่ารักอะไรขนาดนั้น ถ้าจะเทียบเป็นคะแนนเธอก็ได้คะแนนเพียง 5-6 เท่านั้น ซึ่งมันอยู่ในระดับกลางๆ ดังนั้นเขาจึงถามโจวหยูอีกครั้งว่า “เออ! ลุงดูแล้วเธอก็ไม่ได้สวยมากนัก ลุงไม่คิดว่าเธอจะชอบอะไรแบบนี้? หรือว่าตัวเธออยู่ติดบ้านมานานมันจึงทําให้ความสามารถในการชื่นชมความงามของเธอลดลงไป? ถ้างั้นจะให้ลุงคนนี้แนะนําหญิงสาวสวยๆและน่ารักให้เธอเอาไหม? “
‘เอ้อ … นี้ลุงไปเอาความมั่นใจผิดๆแบบนี้มาจากไหนกัน? แล้วทําไมความคิดของลุงถึงยังสกปรกแบบนี้นะ?’
“มันไม่ใช่อย่างที่ลุงคิดนะครับ! เฮ้อ! ผมไม่สามารถอธิบายได้ในขณะนี้ แต่ถ้าลุงช่วย ผมให้รู้จักกับเธอในอนาคตผมสัญญาว่าผมจะบอกเหตุผลในวันนี้กับลุง เอาละครับ! ผมจะไปรอที่บูธหมายเลข 1 ข้างสระน้ํา เราจะพูดคุยกันในขณะที่รับทานอาหารไปด้วย “
โจวฟูที่ฟังแบบนั้นก็แสดงสีหน้างงงวยออกมา ถึงเขาจะไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแต่เขาก็ยังเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นตามคําร้องขอของโจวหยู หลังจากอธิบายให้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอแล้ว เขาก็พาเธอไปพบกับเด็กโจวตามที่อีกฝ่ายพูดเอาไว้ และเขามีความคิดว่าจะนั่งฟังการพูดคุยระหว่างทั้งสองอีกด้วย ที่เป็นแบบนั้นเพราะเขากลัวว่าเจ้าเด็กโจวอาจจะทําเรื่องบ้าๆลงไป ดังนั้นมันจะดีกว่าถ้ามันเกิดอะไรที่ผิดปกติเกิดขึ้น เขาจะได้แก้ปัญหาได้ทัน
เนื้อเรื่องตรงนี้ให้ความรู้สึกเจ้านายหนุ่มที่หล่อเหล่าและเป็น CEO ที่มีความสามารถมาก ได้พบกับหญิงสาวที่ถูกใจ เขาจึงได้ใช้ทุกวิธีทางที่จะจีบเธอ แต่มันน่าเสียดายที่โจวหยูไม่เคยดูละครเกาหลีเรื่องนี้ และเขาก็ไม่รู้ว่า “CEO ที่มีความสามารถมาก” นั้นคือยังไง?
สวนเหตุผลหลักที่ผู้หญิงคนนี้เห็นด้วยกับคําเชิญของโจวหยูก็เพราะ เขาเป็นคนสร้างอาณาเทพนิยายพวกนี้ขึ้นมา
เมื่อโจวหยูเห็นว่าลุงโจวฟูเองก็อยู่ด้วย มันจึงทําให้ความกังวลก่อนหน้านี้ของเขาได้หายไปหมด หลังจากการแนะนําสั้นๆ เขาก็ได้พูดถึงหัวข้อหลักทันที
หญิงสาวคนนี้ชื่ออู๋หยุน เธอเป็นบัณฑิตจบใหม่จากมหาลัยศิลปะ ที่เธอเลือกเรียนด้านนี้เพราะเธอต้องการศึกษาการวาดภาพและการแกะสลัก แต่สิ่งที่เธอชอบจริงๆก็คือแบบจําลองอาคารและงานฝีมือทุกประเภทและบ่อยครั้งที่เธอทําแบบร่างอนิเมะขึ้นมา การได้เห็นโมเดลเรือที่สวยงามของโจวหยูและฐานทัพเรือที่ยอดเยี่ยมในทีวี เธอก็ถูกดึงดูดโดยพวกมันทันที เธอไม่กลัวที่จะเดินทางไกลมาที่สวนสนุกนี้เพื่อดูผลงานชิ้นเอกเหล่านั้นด้วยตนเอง
เหตุผลหลักที่โจวหยูต้องการพูดคุยกับอู่หยุนคือเขาต้องการจ้างเธอให้ทํางานในสวนสนุกแห่งนี้ งานหลักๆที่เขาจะให้เธอทําก็คือสร้างโมเดลเรือและแบบจําลองอาคารบางส่วนของอาณาจักรเทพนิยายนี้
ต้องพูดว่างานของโจวหยูเริ่มมีค่ามากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาต้องการอิสระดังนั้นจนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้สร้างโมเดลเรือหรืออะไรขึ้นมาอีก มันเป็นความผิดหวังถึงที่สุดของโจวฟู แต่เมื่อเขาได้พบว่าอู๋หยุนมันก็ทําให้เขาเกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมา เขาสามารถให้เธอเป็นคนสร้างโมเดลเหล่านั้นขึ้นมาแทนเขาได้ ส่วนเขาก็ทําเพียงคอยปรับแก้ไขเล็กๆเท่านั้นก็ใช้ได้แล้ว
เมื่อความคิดนี้เกิดขึ้นมา เขาก็ถึงกับชมในความฉลาดของตัวเองไม่ได้ “เฮ้อ! ไม่เพียงแต่ฉันจะเป็นโอตาคุที่แท้จริงเท่านั้น แต่ฉันยังเป็นโอตาคุที่ฉลาดอีกด้วย”