The Rise of Otaku - ตอนที่ 106
บทที่ 106 การมาแบบไม่คาดคิด
ตรงหน้าของโจวหยุได้มีกระถางที่ใช้ปลูกกุหลาบแต่ตอนนี้มันได้ถูกใช้เป็นที่ปลูกเมล็ดไอดอลไปแล้ว ไม่ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะพยายามเตรียมความพร้อมเอาไว้ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะได้ลูกสาวอย่างที่ต้องการแล้ว แต่ลูกคนนี้กับเป็นคนป่าเถื่อนมาก เธอมักจะกรีดร้องและตะโกนออกมาอย่างดุเดือดตลอดทั้งวัน เธอดูไม่เหมือนเด็กผู้หญิงเลย และเมื่อเร็วๆนี้เธอได้หมกมุ่นอยู่กับถ้ําแห่งความมืดเป็นอย่างมาก เธอไปที่ถ้ําเกือบจะกลายเป็นกิจกรรมประจําวันของเธอไปแล้ว
เพื่อบอกความจริงกับพวกคุณ โจวหยูไม่รู้ด้วยซ้ําว่าตอนนี้เขามีลูกสาวเป็นนักผจญภัยหรือเป็นโจรกันแน่ เขาได้เห็นสองสามครั้งที่เธอได้ดักคนที่เข้าไปเคลียร์ดันเจี้ยนนั้น
อย่างไรก็ตามต้องเข้าใจว่าอารมณ์ของพวกนักผจญภัยนั้นไม่ดีมากนัก เมื่อพวกนั้นได้รับการกระทบกระทั้งแบบนี้ มันเป็นเรื่องปกติที่พวกนั้นจะต้องแก้แค้น แต่เมื่อพวกนั้นได้เข้าไปหาหิงห้อยเพื่อแก้แค้น พวกนั้นก็จะถูกจับโยนออกมาอย่างง่ายดาย ดูๆแล้วพวกนั้นดูหน้าอนาถาอย่างแท้จริง
‘เฮ้อ! ดูๆแล้วลูกสาวคนนี้คงจะไปทางนักผจญภัยจริงๆแล้วละ น่าเสียดายที่เธอไม่ต้อง การเป็นไอดอล’ ในฐานะที่เป็นโอตาคุที่ค่อนข้างหลงใหลกับไอดอล โจวหยูต้องยอมรับว่าเขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่ลูกสาวคนนี้ไม่เป็นไอดอลอย่างที่หวัง แต่แน่นอนว่าเขาก็เลือกที่จะยอมรับการตัดสินใจของเธอเช่นกัน
ไอดอลคนแรกคือนี้เนียนน้อย เพราะช่วงที่เขาเกิดนั้นเป็นช่วงที่เขาไม่มีเหรียญโมมากพอที่จะสร้างสถานที่ฝึกอบรมต่างๆ นั้นจึงทําให้ในท้ายที่สุดนีเนียนน้อยของเขาก็จบลงด้วยคุณสมบัติที่แย่เป็นอย่างมาก แม้ว่าจะผ่านไปหนึ่งปีแล้ว แต่เขาก็ยังมีเงินเก็บมากนัก ดังนั้นในเดือนนี้ตลอดทั้งเดือนเขาคิดจะใช้มาตรการลัดเข็มขัดจริงจัง
จะไม่มีอนิเมชั่นใหม่อีกต่อไปตลอดทั้งเดือน เด็กทุกคนจะต้องอดทนกับภาพยนตร์เรื่องเก่าใน โรงภาพยนตร์กลางแจ้งบริษัทเกมจะต้องหยุดพักไประยะหนึ่ง เขายังคงอยู่ได้โดยไม่ต้องเล่นเกมใหม่ตลอดหนึ่งเดือนนี้ และเขายังได้หยุดเล่นเจ้าตู้กาชาปองอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นมันสิบครั้งติดต่อกัน นั้นมันจะต้องหยุด แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าการเล่นแบบนี้จะมีเปอร์เซ็นต์ ได้รับไอเท็มที่ดีขึ้นหรือมีเหตุการณ์พิเศษ เขาก็ยังคงติดสินใจที่จะหยุดเล่น
เพื่อที่จะได้รับเงินเก็บให้ได้มากที่สุด เขาจําเป็นต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะหักห้ามตัวเอง
เกี่ยวกับสตูดิโอที่สร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องโจรสลัดผลไม้ ตัวแทนทุกบริษัทยักใหญ่ในโลก แห่งความเป็นจริงต่างก็กําลังเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็น องค์ประกอบ, เนื้อเพลง, นักร้อง, การทําสําเนา, ทีมผู้ผลิต CG, นักเขียน, ผู้กํากับ ตราบใดที่ชื่อเหล่านี้ปรากฏในเครดิตปิดท้ายต่างก็ถูก เหล่าบริษัทสืบค้น แต่ผลลัพธ์ที่พวกเขาได้กับเป็นเพียงอากาศธาตุ
การเคลื่อนไหวที่เงียบสงบของสตูดิโอนี้ทําให้ทุกคนต่างก็รู้สึกทั้งแปลกใหม่และผิดหวังอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้กํากับอนิเมชั่นไท่หลิน เขารู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันเป็นอะไรที่เดจาวูจริงๆ
เรื่องในฤดูร้อนก่อนหน้านี้ ได้มีภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง – ภูเขาแห่งเพลิงปรากฏขึ้น ถึงแม้ว่าพยายามทั้งสองเรื่องนั้นจะมีการดําเนินเรื่องที่ไม่เหมือนกัน แต่การนําเสนอของพวกทั้งสองนั้นกับเหมือนกันเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านั้นเขาและอาจารย์ได้ลองทุกวิถีทางเพื่อค้นหาทีมหรือบริษัทที่สร้างภาพยนตร์อนิเมชั่น แต่จนถึงที่สุดพวกเขาก็ไม่ได้อะไรเลย
โดยไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีกครั้ง
มันเป็นเรื่องน่าแปลกที่มีทีมผู้ผลิตชั้นนําคนหนึ่งได้ปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อของตัวเอง เป็นไปได้ไหมที่ทั้งสองทีมนี้เป็นทีมเดียวกันจริงๆ
ไท่หลินนั้นไม่กล้าตัดสินใจเรื่องนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะการดําเนินเรื่องของทั้งสองนั้นมีความแตกต่างกันเกินไป หนึ่งเป็นสไตล์จีนใน หนึ่งเป็นสไตล์ตะวันตก ด้วยสไตล์การเล่าเรื่องและเทคนิคที่ใช้แตกต่างกันมากเกินไป มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อมโยงสตูดิโอทั้งสองเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ชื่อของพวกเขาเองก็แตกต่างกัน
ไม่ว่าจะเป็นทีมเดียวกันหรือไม่ก็ตามไท่หลินก็ไม่สามารถนั่งนิ่งๆได้ เขาอยากรู้ว่าทีมที่ภาพยนตร์อนิเมชั่นพวกนี้เป็นใครกันแน่ ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาคําถามนี้เกือบจะกลายเป็นฝันร้ายที่คอยหลอกหลอนเขาทุกวัน
ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องโจรสลัดผลไม้จะทํากําไรได้มากมายและคุณภาพของมันเองก็ยังสูงที่สุดในประเทศ แต่เขาก็ยังเชื่ออย่างดื้อรั้นว่าภาพยนตร์ “ภูเขาเพลิง” นั้นสมบูรณ์แบบที่สุด
แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถหาทีมที่สร้างเรื่องภูเขาเพลิงได้ แต่พวกเขาก็ยังสามารถทําความเข้าใจเกี่ยวกับทีมสร้างเรื่องโจรสลัดผลไม้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้ตัดสินใจที่จะเดินทางไปหาโจวหยู ผู้ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทําภาพยนตร์เรื่องนี้และยังเป็นหนึ่งในสามคนที่สามารถติดต่อไป
เมื่อไท่หลินนําเรื่องนี้ไปบอกอาจารย์ของเขา ลูฮันเชงก็ตัดสินใจที่จะไปหาโจวหยูก่อนเป็นอันดับแรก ในความคิดของเขาแล้วอีกฝ่ายดูมีเปอร์เซ็นต์มากที่สุดที่จะรู้เรื่องทั้งหมด
ดังนั้นในเวลาต่อมาก็ปรากฏแขกพิเศษทั้งสองที่สวนสนุก
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้พบกับโจวหยู โจวหยูก็ได้สังเกตเห็นพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว ท้ายที่สุดแล้วมันเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะไม่สังเกตเห็นชายชราผู้น่ารักคนนี้
ชื่อ: ???
พลังโอตาคุ: 8.1;
อนิเมเตอร์ที่หลงใหลภูเขาแห่งเพลิง
ข้อมูลเพิ่มเติม: เบี้ยศิลปินเก่า
อันที่จริงชายชราคนนี้อาจจะเกษียณไปแล้วเมื่อนานมานี้? มันอาจจะเป็นเรื่องยากที่เขาจะจ้างอีกฝ่าย? แม้ว่าอีกฝ่ายะจะตรงกับเงื่อนไขที่เขาตั้งไว้ แต่การรับอีกฝ่ายเป็นศิษย์อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก
แต่ถึงกระนั้นโจวหยูก็ยังแสดงความเคารพชายชราคนนี้อย่างมาก นอกจากนี้คําว่า “ศิลปินเก่า” เพียงอย่างเดียวหมายก็มีค่ามากพอแล้ว ดังนั้นถ้าเขาจะรับอีกฝ่ายจริงๆมันอาจจะจําเป็นที่จะต้องใช้ค่าใช้จ่ายจํานวนมาก และอีกฝ่ายอาจจะไม่ยอมรับเงื่อนไขที่เขาตั้งเอาไว้
โจวหยูจึงได้ปัดความคิดที่จะรับชายชราคนนี้ แต่เขาไม่คาดคิดว่าชายชราคนนี้กับเป็นคนเดินตรงมาหาเขาเพื่อต้องการที่สอบถามเกี่ยวกับสตูดิโอผู้สร้างโจรลัดผลไม้
ด้วยการปล่อยภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องโจรสลัดผลไม้ออกไป มันใช้เวลาไม่นานก่อนที่มันจะได้รับความยอดนิยมแบบนี้ โดยปกติแล้วคนที่มาหาเขาจะถามเรื่องอย่างการขอซื้อลิขสิทธิ์ตัวละคร หรือไม่ก็ความร่วมมือในอนาคต มีจํานวนน้อยมากที่จะมาหาเขาเพื่อถามเกี่ยวกับสตูดิโอ
เพื่อประโยชน์ของตัวเอง โจวหยูจึงตัดสินใจพบพวกเขา ถ้าเป็นคนอื่นเขาจะต้องซ่อนตัวหรือไม่ก็หลบไปยังที่ไกลๆไปแล้ว
“ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ ผมไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกของสตูดิโอนี้ได้จริงๆ ผมเพียงได้รับหน้าที่ในการถ่ายทําฉากตอนสุดท้ายเท่านั้น ผมไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับพวกเขามากนัก ผมต้องขอโทษจริงๆ ” โจวหยูรีบพูดออกมาก่อนที่ชายชราจะถามอะไรเขาเสียอีก
เรื่องพวกนี้พวกเขาเองก็พอรู้มาบ้าง ก่อนหน้านี้ก็เคยมีพวกนักข่าวมาถามเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นทั้งลูฮันเชงและไท่หลินไม่ได้แสดงสีหน้าผิดหวังอะไรออกมา
ยิ่งลูฮันเชงนั้นไม่จําเป็นต้องพูดอะไรออกมา เขาก็รู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมานั้นเป็นความจริง เพราะก่อนหน้านี้เขาได้เจ็บมือของโจวหยูมาแล้ว และนั้นทําให้เขารู้ว่ามือของอีกฝ่ายนั้นไม่ใช้คนในวงการนี้ ดังนั้นเรื่องที่อีกฝ่ายพูดออกมานั้นสมควรเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน
เมื่ออยู่ในอุตสาหกรรมนี้มานานไม่ว่าจะมากหรือน้อย พวกเขาก็ต้องมีอะไรที่บ่งบอกถึงมัน ไม่ว่าจะเป็นศิลปินวาดมังงะ ผู้กํากับ หรือแม้แต่นักเขียนบท พวกเขาจะมีจุดเอกลักษณ์ที่แสดง ว่าพวกเขาอยู่ในวงการออกมา ซึ่งโจวหยูนั้นไม่มีอะไรที่สามารถบอกได้เลยว่าเขาอยู่ในวงการนี้
ไท่หลินยังเป็นผู้กํากับภาพยนตร์อนิเมชั่นของบริษัทยักใหญ่ในประเทศ แต่หลังจากที่เขาส่งนามบัตรโจวหยุไปแล้วอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆเลย ราวกับว่าอีกฝ่ายไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน ดังนั้นเขาจึงตัดสินโดยสัญญาณว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช้คนวงในอุตสาหกรรมนี้
น่าแปลกที่กลุ่มมือสมัครเล่นอย่างนี้สามารถสร้างภาพยนตร์การ์ตูนที่ได้รับความนิยมในประเทศได้ มันเป็นเหมือนกับการตบหน้าพวกเขาจริงๆ
“อ่า! คุณโจว! ที่ผมมาในครั้งนี้ไม่ได้มาหาข่าวเกี่ยวกับสตูดิโอที่สร้างโจรสลัดผลไม้แต่อย่างใด แต่ที่ผมมาที่นี้ก็เพราะต้องการทราบว่าพวกเขาเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับภาพยนตร์อนิเมชั่น เรื่องภูเขาเพลิงหรือไม่? ถึงแม้ว่าสไตล์การทํางานของพวกเขานั้นไม่ค่อนคล้ายกันเท่าไหร่ แต่ผมก็ยังอยากจะมาลองเสี่ยงโชคดูที่นี่ ”
หลังจากนั้นลูฮันเชงก็ขอให้ไท่หลินเปิดแท็บเล็ตและเล่นภาพยนตร์อนิเมชั่นภูเขาเพลิง
โจวหยุไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจของเขาได้ เพราะนั่นเป็นภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องแรกที่เขาอัพโหลดไม่ใช่เหรอ? มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกที่มีคนดูอยู่และพวกเขาก็มองหาทีมที่สร้างมันอีกด้วย นี้มันช่างเป็นอะไรที่น่าประทับใจจริงๆ
“ผมสามารถบอกได้เพียงว่าทั้งสองทีมนี้มีความเกี่ยวข้องกัน แต่ผมต้องขอโทษพวกคุณด้วยที่ไม่สามารถบอกอะไรได้มากกว่านี้ เพราะผมสัญญากับพวกเขาเอาไว้ว่าจะไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาออกไป ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม”
โจวหยูรีบพูดตัดบทของอีกฝ่ายทันที มันเป็นอะไรที่รําคาญจริงๆ ก่อนห้านี้เองก็มีชาว เน็ตจํานวนมากที่คอยถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกนักข่าวเองก็ถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน และ มาตอนนี้ยังมีศิลปินแห่งชาติที่เกษียณอายุราชการไปแล้วยังมาถามเรื่องนี้กับเขาอีก
ลูฮันเชงไม่คาดหวังว่าเขาจะได้รับคําตอบแบบนี้ แม้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลอะไรไปมากกว่านี้ แต่น้ำเสียงของเขาบอกเป็นนัยว่าทั้งสองนั้นเกี่ยวข้องกันจริงๆ และความหมายที่ซ่อนอยู่ก็ชัดเจนมาก นั้นมันหมายความว่าแม้ว่าจะเป็นลูฮันเชง ผู้ที่เป็นศิลปินแห่งชาติ เขาก็ไม่ยอมเปิดเผยเรื่องนี้เช่นกัน
‘พวกนี้เป็นคนแปลกๆจริงด้วย’ ไท่หลินรู้สึกโกรธเล็กน้อยเมื่อเขาได้ฟังคําตอบของโจวหยู แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา นั้นก็เพราะก่อนหน้านี้เขาได้รับคําสั่งจากอาจารย์ตัวเองมว่าหน้าที่ติดต่อนี้จะเป็นอาจารย์ที่เป็นคนรับผิดชอบเอง
ลูฮันเชงหัวเราะออกมาเล็กน้อย และพูดว่า “เอาละ! ชายชราคนนี้ได้ทํางานหนักมามากสําหรับชีวิตนี้ ชายชราคนนี้ก็เพียงแค่ต้องการแสดงให้โลกเห็นถึงความงดงาม ของอนิเมชั่นของประเทศจีนว่ามันก็สามารถสู้กับต่างประเทศได้ ดังนั้นเธอช่วยชายชราคนนี้ส่งข้อความถึงทีมที่สร้างภาพยนตร์ภูเขาเพลิงและโจรสลัดผลไม้ด้วยว่า ถ้าพวกเขาต้องการความช่วยเหลืออะไรขอเพียง แค่บอกชายชราคนนี้ ชายชราคนนี้รับรองว่าจะช่วยพวกเขาอย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าชายชราคนนี้จะเกษียณแล้ว แต่ก็ยังรู้จักบางคนในอุตสาหกรรมนี้เช่นกัน บอกอย่างหน้าไม่อายเลยก็แล้วกัน ถ้าเกิดว่าชายชราคนนี้ใช้พลังที่มีอยู่ จะไม่มีใครในอุตสาหกรรมคนไหนไม่ปฏิบัติตามที่ชายชราพูด…”
เมื่อโจวหยูได้ฟังแบบนั้นก็รู้ว่าชายชราตรงหน้านี้เป็นคนที่รักชาติอย่างแม้จริง เขาไม่รู้สึกว่าการพูดนี้จะทําลายเกียรติของตัวเอง ขอเพียงแค่ว่าเรื่องนี้สามารถช่วยพัฒนาประเทศได้เขาถึงกับยินยอมทําทุกอย่าง