The Rise of Otaku - ตอนที่ 114
บทที่ 114 การสร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นด้วยตัวเองครั้งแรก
ทักษะการตั้งชื่อของโจวหยูนั้นติดลบเสมอ ดังนั้นชื่อแรกที่เขาคิดออกเลยก็คือชื่อ “สวรรค์น้อย” และแน่นอนว่าเมื่อชื่อนี้ได้ไปถึงหูของลุงฟู อีกฝ่ายก็จะหัวเราะออกมาทันทีที่เป็นแบบนั้นก็เนื่องจากชื่อนี้มันเป็นชื่อที่โหลเกินไป มีบริษัทจํานวนมากที่ใช้ชื่อนี้เป็นชื่อของตัวเอง ขนาดร้านขายของเล็กของหมู่บ้านอู่ตงเองก็ได้ใช้ชื่อนี้ตั้งเป็นชื่อร้านตัวเอง
ชื่อของบริษัทนั้นสามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลาถ้าหากว่าเจ้าของนั้นรู้สึกว่ามันใช้ไม้ได้หรืออะไรที่คล้ายๆกัน แต่การตั้งชื่อให้บริษัทอมิเมชั่นนั้นไม่เหมือนกัน เมื่อได้ตั้งชื่อไปแล้วมันจะไม่สามารถเปลี่ยนได้อีกตลอดกาล ดังนั้นเมื่อโจวหยู่ไม่สามารถคิดชื่อดีๆได้ เขาจึงได้เรียกระดมคนของหมู่บ้านมินิลู่หัวมาช่วยกันคิดชื่อดีๆทันที
แต่ดูเหมือนว่าความคิดการระดมสมองคิดชื่อของเขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เมื่อมีคนมากขึ้นแน่นอนว่าจํานวนชื่อก็ต้องมากตามไปด้วย แต่เรื่องของการตัดสินใจเลือกชื่อเองก็ปัญหาเช่นกันเช่นเจ้าชาบอ้วนได้เสนอชื่อว่า “ธาราแห่งความรัก และ บูบ ได้เสนอชื่อว่า “นภาที่สดใส่” ฯลฯและหลังจากนั้นทุกคนต่างก็เสนอชื่อที่ตัวเองคิดออกมาจํานวนมาก เมื่อเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นแน่นอนว่าโจวหยุไม่สามารถตัดสินใจได้ เขาจึงได้ใช้วิธีแก้ปัญหาที่ทั้งง่ายๆและตรงจุดนั้นก็คือการจับฉลากนั้นเอง
เมื่อความคิดนี้ถูกเสนอขึ้นมา ทุกคนต่างก็เขียนคําเพียงหนึ่งคําลงบนกระดาษ ก่อนที่พวกเขาจะพับและส่งลงในกล่องรอให้โจวหยูเป็นคนจับพวกมันขึ้นมา
“เอาละ! ครั้งนี้คงต้องหวังพึ่งเจ้ามือแห่งปาฏิหาริย์อีกครั้งแล้วละ!”
คําแรก – ฉิน;
คําที่สอง – โจว
อืม … ฉินโจว? นี้มันหมายความว่าอะไรกัน? งั้นก็ช่างมันละกัน แต่ชื่อนี่มันก็ฟังดูดีใช้ได้เลยนะ? ”
หลังจากคิดได้แบบนั้นโจวหยูก็ได้นําชื่อนี้มาตั้งเป็นชื่อของบริษัทอย่างเป็นทางการ และแน่นอนว่าการแกะสลัดชื่อนั้นจะต้องให้พี่ชายของช่างไม้บีเวอร์เป็นคนรับผิดชอบ ทันทีที่ลิงช่างหินได้แกะสลัดชื่อของบริษัทลงบนฐานตั้งของบริษัทอนิเมชั่นสําเร็จ นั้นก็หมายความว่าการอัพเกรดครั้งนี้เสร็จสมบรูณ์แล้ว
แต่เดิมเขาก็คิดว่าบริษัทแอนิเมชันที่อัปเกรดแล้วจะสามารถสร้างอนิเมชั่นระดับสี่หรือห้าได้และที่สําคัญที่สุดสิ่งที่เขาต้องการคือทีมงามเพิ่มเติม เช่นพวกนักแสดง ตากล้องและคนที่มีความสามารถพิเศษอื่นๆ
เขาได้เห็นคุณภาพของอนิเมชั่นระดับสามที่ทําให้โลกแห่งความจริงตกตะลึงมาแล้ว เมื่อการอัพเกรดครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์เขาจึงได้ตั้งความหวังว่าอนิเมชั่นระดับสี่จะมีคุณภาพขนาดไหน?
อย่างไรก็ตามความฝันนี้ของโจวหยูก็ได้ถูกทําลายลงไปเมื่อ เจ้าตัวทําการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด
บริษัทอนิเมชั่นที่ได้รับการอัพเกรดแล้วยังคงสามารถสร้างอนิเมชั่นสามระดับแรกซึ่งเป็นเงื่อนไขที่จําเป็นก่อนหน้านี้ได้อย่างเดิม แต่ในระดับนอกเหนือจากนั้นกับไม่มีการเปลี่ยนแปลงมันเพียงเพิ่มคุณสมบัติอย่างเดียวขึ้นหลังจากการอัพเกรดนี้จบลงนั้นก็คือ “การสร้างอนิเมชั่นด้วยตัวขึ้นเอง” ขึ้นมา
เงื่อนไขขั้นพื้นฐานสําหรับการสร้างอนิเมชันคือ : ต้องมีผู้กํากับ นักแสดง และช่างกล้องนอกจากนั้นจะต้องรับสมัครทีมผลิต และ ข้อกําหนดสุดท้ายหรืออาจจะพูดได้ว่าสําคัญที่สุดนั้นก็คือต้องมีสคริปต์ที่ดี
ในอดีตพล็อตเรื่องทั้งหมดของภาพยนตร์และการ์ตูนนั้นถูกสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติโดยบริษัทแอนิเมชัน สิ่งที่เขาต้องทําก็เพียงแค่การเขียนเรื่องสั้นๆ เนื่องจากมันถูกสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ บทสนทนาในเนื้อเรื่องจึงไม่ค่อยดีนักและลักษณะของตัวละครแต่ละตัวนั้นก็ไม่ค่อยโดดเด่น
แต่อนิเมชั่นที่สร้างขึ้นเองนั้นมีความเข้มงวดมากขึ้น มันจะต้องมีสคริปต์ที่ดีซึ่งจําเป็นต้องอยู่ในรูปแบบที่ถูกต้องเช่นกัน ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่สามารถทําได้
และมีสองวิธีในการรับสคริปต์ หนึ่งคือการหานักเขียนบท อีกวิธีหนึ่งคือการจ้างนักเขียนบทอิสระหรือไม่ก็จ้างนักเขียนบทจากบริษัทจัดการ
จริงๆแล้วก็เคยมีนักเขียนบทละครหลงมาที่หมู่บ้านมินิลู่หัวมาก่อนเช่นกัน ในเวลานั้นโจวหยูก็แค่ต้องการเพิ่มจํานวนประชากรของหมู่บ้านของเขา ดังนั้นเขาจึงต้องการให้นักเขียนบทละครอยู่ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาจะพยายามทุกวิธีทางแล้วก็ตาม ก็ไม่สามารถทําให้นักเขียนบทละครที่เรียกว่า “เลือดมีศักดิ์ศรี” อยู่ที่หมู่บ้านได้
ดังนั้นแผนการนี้จึงเบนไปยังการซื้อแทน ถ้าเขาจําไม่ผิดราคาซื้อขายของบทสคริปต์นั้นสูงมาก แค่สคริปต์ที่ได้รับการจัดอันดับ C ก็มีราคาตั้ง 1,000 เหรียญโม และมันก็จําเป็นต้องมีรายการพิเศษก่อนที่เขาจะสามารถซื้อได้ ตัวอย่างเช่น มีสคริปต์จัดอันดับที่ชื่อว่า “การตัดสินใจขั้นสุดท้าย” นอกเหนือจากราคาที่แพงมากแล้ว มันจําเป็นต้องมีรายการทอล์คโชว์เป็นของตัวเองก่อน ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถซื้อได้
ก่อนหน้านี้เขาเองก็เคยคิดที่จะสร้างนักเขียนบทขึ้นมาเองเช่นกัน แต่เมื่อเขาคิดไปไกลมากขึ้นมันก็ทําให้ความมั่นใจในการสร้างนักเขียนบทของเขาเริ่มลดลง มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหลังจากที่การฝึกจบที่มีค่าใช้จ่ายจํานวนมากจบลง และเขาได้เพียงนักเขียนบทระดับธรรมดามาหรือแย่ยิ่งกว่าระดับธรรมดา? มันไม่ใช้ว่าเขาจะต้องขาดทุนจํานวนมากจากเรื่องนี้หรือไง?
เมื่อคิดได้แบบนั้นการเลือกซื้อบทสคริปต์ควรจะเป็นทางเลือกที่เข้าท่ามากที่สุดแล้วในตอนนี้และเมื่อเร็วๆนี้เขาเองก็ได้ทําข้อตกลงกับเซี่ยฮวนไป เขาอาจจะให้อีกฝ่ายช่วยในการหาซื้อสคริปต์ที่มีระดับ B ให้ได้ และเรื่องนี้คงเป็นเรื่องง่ายๆสําหรับอีกฝ่าย
แผนของโจวหยูในครั้งนี้เป็นอะไรที่ตรงไปตรงมานั้นก็คือ เขาจะร่วมมือกับบริษัทจัดการของโลก ACG ก่อนที่เขาจะมีนักเขียนบทละครเป็นของเขาเอง ในส่วนของหมู่บ้านมินิลู่หัวเองนั้นจะรับหน้าที่จัดสถานที่ถ่ายทํารวมไปถึงตัวนางเอก ผู้กํากับ ช่างกล้อง และทีมงานผลิตอื่นๆทั้งหมดด้วยวิธีนี้เขาก็สามารถสร้างแอนิเมชั่นของตัว
อย่างไรก็ตามวิธีนี้ไม่สามารถนําไปเทียบได้กับบริษัทยักใหญ่ในอุสาหกรรม ด้วยเงินจํานวนมากที่พวกเขามีมันเป็นเรื่องง่ายๆที่จะได้รับบทดีๆหรือการจ้างผู้กํากับดีซักคน
ถึงแม้ว่าการเปิดตัวของลูกสาวคนเล็กอย่างมู่ลี่จะทําให้เป็นที่รู้จัก แต่มันก็เป็นเพียงช่วงเริ่มต้นเท่านั้นดังนั้นจํานวนแฟนคลับของเธอจึงมีน้อยมากเมื่อเทียบกับนักแสดงรุ่นพี่และการมีเธอร่วมแสดงในเรื่องก็ไม่ได้แปลว่าการสร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นจะประสบความสําเร็จเช่นกัน
บริษัทจัดการหลายแห่งไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้ช่วยเหลือในเรื่องการเงินไปก่อนหน้านี้ แต่นั้นก็เป็นเพียงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอีกฝ่ายเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาต่างก็ตั้งตารอดูความล้มเหลวของโปรเจ็กต์ภาพยนตร์นี้! พวกเขาหลังว่าหมู่บ้านมินิลู่หัวจะล้มเลิกเรื่องนี้และยินดีขายตัวมู่ลี่ตัวน้อย
แต่ไม่ใช้สําหรับเซี่ยฮวน เพราะถ้าพูดกันตามหลักแล้วการที่บริษัทของอีกฝ่ายยังไม่ล้มละลายก็มาจากการช่วยเหลือของโจวหยุและชาวบ้านมินิลู่หัวนี้ ดังนั้นเมื่อมีการพูดถึงความร่วมมือในครั้งนี้ เซี่ยฮวนจึงยินดีตกลงช่วยอย่างรวดเร็ว
เมื่อการพูดคุยเงื่อนไขต่างๆจบลงแล้ว โจวหยูจึงได้ขอยืมตัวนักแสดง ผู้กํากับ รวมไปถึงที่มงานในด้านต่างก็ของเซี่ยฮวนเช่นกัน มันเป็นเรื่องดีกว่าที่จะใช้ทรัพยากรของอีกฝ่าย เพียงแค่ผู้กํากับดราก้อนเพียงคนเดียวก็ดีกว่าคนที่เขามีแล้ว
ก่อนหน้านี้ทางเซี่ยฮวนเองก็มีความคิดที่จะใช้ประโยชน์จากความนิยมของภาพยน ตร์อนิเมชั่นเรื่องโจรสลัดผลไม้เพื่อสร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องใหม่ ดังนั้นเมื่อเขาได้รับการติดต่อจากโจวหยูและได้ฟังข้อเสนอทั้งหมด เขาก็ตัดสินใจรวมมือกับอีกฝ่ายทันที
เมื่อทุกอย่างเริ่มลงตัวแล้ว โจวหยูก็คิดว่าการสร้างอนิเมชั่นคงจะใช้เวลาไม่นาน มันอาจจะใช้เวลาหนึ่งหรือสองวันในการสร้าง เมื่อคิดตามเวลาที่ใช้สร้างอนิเมชั่นระดับสาม แต่ในไม่ช้าเขาก็รู้ว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นมันผิดไปถนัด
ในวันถัดไปเซี่ยฮวนได้พาทีมงานของเขามาถึงหมู่บ้านมินิลู่หัว โจวหยูได้จัดที่พวกของพวกเขาไว้ใกล้ๆกับบริษัทอนิเมชั่น จากนั้นเขาก็เลือกสคริปต์ ทีมผู้ผลิต ฯลฯ ก่อนที่จะคลิกปังปุ่มเริ่มการผลิต
อย่างไรก็ตามแสงสีแดงซึ่งระบุสถานะปัจจุบันของบริษัทแอนิเมชันไม่ได้สว่างขึ้นอย่างที่เคยเป็นและมันยังไม่ปรากฏตัวเลขนับถอยหลังอีกด้วย
“มันเงียบสนิด
“แปลกมาก! หรือว่ามีบางอย่างผิดพลาดขึ้นระหว่างการอัพเกรดกัน?”
เมื่อโจวหยูคิดได้แบบนั้นเขาก็รีบเรียกช่างไม้บีเวอร์มาเพื่อตรวจสอบมัน แต่เมื่ออีกฝ่ายได้เดินไปรอบๆพร้อมกับก้มๆเงยๆ อีกฝ่ายก็ได้ส่ายหัวเพื่อแสดงว่าไม่มีปัญหากับบริษัทแอนิเมชั่น
แปลกจัง…”
หลังจากนั้นครึ่งวัน หัวหน้าของทีมของฟูซ่ง ซึ่งเพิ่งได้รับการคัดเลือกจากโจวหยู ได้พูดออกมาด้วยความโมโหว่า “เจ้านาย! คุณยังต้องการให้เราทํางานอยู่หรือไม่? ถ้าใช้แล้วทําไมคุณยังไม่งานอะไรเลยละ? คุณปล่อยให้เรารอมาตลอดครึ่งเช้าเพื่ออะไร? ”
“มันไม่ใช่ว่าฉันไม่ต้องการให้พวกแกทํางาน แต่ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนต่างหาก
ในท้ายที่สุดผู้นําคนนี้ก็ได้อธิบายขั้นต้อนพื้นฐานให้โจวหยูรู้ อย่างแรกเลยนั้นมันจําเป็นจะต้องมีฉากที่เหมาะสมสําหรับแต่ละบท ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถเริ่มถ่ายทําได้และยังมีเงื่อนไขอีกด้วยว่าฉากทุกชิ้นนั้นจําเป็นที่จะต้องได้รับการสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง
เมื่อได้รู้เรื่องนี้แล้วโจวหยูก็เรียกช่างไม้บีเวอร์และลิงช่างหินมาช่วยกันทํางานทันที เมื่อทางด้านฟูซ่งเห็นว่าฉากที่จําเป็นอันแรกได้ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว เขาก็บอกให้ทีมงานเริ่มลงมือถ่ายทําเช่นกัน