The Rise of Otaku - ตอนที่ 117 สายลับ
บทที่ 117 สายลับ
อนิจจากลุ่มคนที่กลายเป็นซอมบี้แบบนี้ ด้วยภาพรวมแล้วดูท่าว่าการทํางานวันนี้คงต้องหยุดลงไว้เท่านี้ก่อน
คนที่กลายเป็นซอมบี้ยังรวมไปถึงมู่ลี่และหิงห้อยลูกสาวของโจวหยูเช่นกัน แต่ยังถือว่าโชคดีที่บุคลิกของพวกเธอได้เปลี่ยนไปเล็กน้อยเท่านั้น และดูเหมือนว่าพวกเธอดูเหมือนจะไม่สนใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มากนัก พวกเธอยังรู้สึกว่าการเปลี่ยนไปของตัวเองนั้นมันตลกอีกด้วย
โชคดีที่ดูเหมือนว่าโจวหยูจะไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้เหมือนกับคนในโลกACG ไม่อย่างนั้น การที่เขามีก้อนเนื้อหรือเนื้อเน่าบนใบหน้าคงเป็นอะไรที่หน้าเกลียดอย่างแน่นอน
เมื่อทําการสอบถามกับนกอมตะเฒ่าก็ทําให้รู้ว่ามีหลายวิธีในการลบเอฟเฟกต์ของยาพิษนี้ออกไป เช่นการสร้างรูปปั้นของนักฆ่าซอมบ์ในตํานานอย่างดีจุง หรือใช้เซรั่มของอลิซ สิ่งพวกนี้สามารถซื้อได้ที่ร้านขายของในเมื่อสตาร์ไลน์เท่านั้น ซึ่งในเรื่องนี้เซี่ยฮวนบอกว่าเขาจะไม่ยอมเสียเงินซื้อมันมาอย่างแน่นอน
เหตุผลนั้นก็เป็นอะไรที่เข้าใจง่าย นั้นก็คือค่าใช้จ่ายที่สูงนั้นเอง หากพวกเขาต้องซื้อการรักษาทุกครั้งที่เกิดเรื่องพวกนี้ มันจะคิดเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป แน่นอนเว้นเสียแต่ว่างานที่พวกเขากําลังทําอยู่นั้นมันมีเวลาที่จํากัดหรืออาจจะส่งผลเสียต่อคุณภาพของภาพยนตร์ ถ้านอกเหนือจากเรื่องพวกนี้มันจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าที่เขาจะอยู่เฉยๆและรอให้ตัวยาหายไปเอง
มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะทั้งตัวเขาและเซี่ยฮวนนั้นต่างก็เป็นคนจนทั้งคู่ ถึงแม้ว่าเอฟเฟกต์ของยาพิษสามารถลบออกได้ แต่มันก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่ใช้เทคนิคประเภทอื่นๆต่อไปอนาคต ไม่มีใครสามารถทนต่อการถูกลอบโจมตีไปมาได้หลายต่อหลายครั้ง ดังนั้นในครั้งหน้าพวกเขาจะต้องเพิ่มมาตรการป้องกันที่ดีกว่านี้
ความสามารถในการป้องกันของหมู่บ้านมินิลู่หัวนั้นค่อนข้างยากจน มีเพียงคุกและนักล่าเงินรางวัลเท่านั้น และทั้งสองอย่างนี้เองก็ยังเป็นเพียงระดับมือใหม่ทั้งคู่ ซึ่งพวกมันเป็นการยากที่จะหยุดอาชญากรและจัดการกับปัญหาสายลับในเวลาเดียวกัน
โจวหยุที่คิดไปคิดมาก็ได้จ้างนักล่าเงินรางวัลระดับ C – ดีน เพิ่มเข้ามา
คุกระดับเริ่มต้นสามารถมีนักล่าเงินรางวัลได้สองคนเท่านั้น และคุกไม่ใช่กระท่อมของเกษตรกรที่สามารถสร้างได้โดยไม่มีข้อจํากัดในการสร้างคุกที่สองโจวหยูจะต้องอัพเกรดหมู่บ้านมินิลู่หัวเสียก่อนถึงจะสามารถทําได้
หิงห้อยได้ส่งมอบงานการจับกุมอาชญากรให้กับดินเป็นการชั่วคราว ก่อนที่เธอจะมุ่งเน้นไปที่การจับสายลับในเชิงพาณิชย์มากขึ้น
ทุกคนที่ได้รับพิษจากน้ํายาพิษผีดิบได้ไปที่โรงพยาบาลของแม่มดขาวเพื่อทําการรักษา แม้ว่าวิธีการนี้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในทันที แต่อย่างน้อยก็สามารถเร่งเวลาการกู้คืนได้เร็วขึ้น
ในวันถัดไปเมื่อเอฟเฟกต์ของน้ํายาซอมบี้จบลงในที่สุดทีมงานทั้งหมดก็พร้อมที่จะถ่ายทําอีกครั้ง และสายลับที่ซ่อนอยู่เองก็เคลื่อนไหวเช่นกัน
โดยที่ในครั้งนี้มันได้ใช้เทคนิคที่เรียกว่า “สามผีตัวป่วน” ซึ่งเป็นการอัญเชิญวิญญาณออกมาสามตัวเพื่อทําให้เกิดปัญหา ซึ่งวิธีนี้มันได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่องานถ่ายทํา
ทันทีที่เปิดกล้องผีทั้งสามที่มองไม่เห็นจะออกมาทําลายฉากต่างๆ ทําให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นเล็กๆ น้อยๆเพื่อขัดขวางการถ่ายทําในระยะสั้นมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะถ่ายทําในสถานการณ์แบบนี้ และเมื่อกล้องถูกปิดพวกเขาจะซ่อนตัวในที่ลับไม่ยอมไปไหน
หากพวกเขาต้องการถ่ายทําต่อ พวกเขาก็จําเป็นที่จะต้องจับพวกมันให้ได้เป็นอันดับแรก
ดังนั้นทีมงานและชาวบ้านในมินิลู่หัวทั้งหมดจึงได้รวมตัวกัน เพื่อเล่นเกมซ่อนหาในสตูดิโอแห่
โต๊ะทรายขนาดใหญ่และแบบจําลองอาคารที่หลากหลาย มันค่อนข้างเป็นเรื่องยากที่จะหาผีตัวจิ๋วทั้งสามตัวนี้ โจวหยูได้จ้องจนปวดตาแล้วก็ยังไม่สามารถหาพวกนั้นได้
ในที่สุดเขาจึงได้ตัดสินใจใช้แว่นขยายเพื่อตรวจสอบพวกมันแทน
แต่คนแรกที่เจอมันกับไม่ใช้เขา แต่เป็นชายขี้เมาเฒ่าที่เป็นคนเจอหนึ่งในวิญญาณพวกนั้น
ผีหมายเลข 1 ได้ซ่อนตัวอยู่ในภาพวาดในแบบจําลองอาคารอันหนึ่ง มันเผยให้เห็นเป็นเงาเบลอๆเท่านั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องยากมากที่จะสังเกตเห็น นี้ต้องขอบคุณสายตาที่ดีของชายขี้เมาเฒ่า ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นเรื่องยากมากที่จะหามัน หลังจากจับมันได้แล้วผีที่ถูกจับก็เปล่งเสียงคร่ำครวญออกมาเป็นระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะจางหายไป
จากนั้นก็เหลือวิญญาณอีกสองตัวเท่านั้น
ตัวที่สองฉลาดแกมโกงเป็นอย่างมาก มีทะเลสาบเล็กๆบนโต๊ะทราย เนื่องจากความต้องการของฉากบางฉากจึงมีปลาบางส่วนของโลก ACG อยู่ในนั้น และผีตัวที่สองได้ทําการแนบติดอยู่กับเกล็ดของปลาตัวหนึ่งและเคลื่อนไหวไปกับปลา
“เฮ้อ! มันจะมีใครคิดบ้างว่าการซ่อนตัวของพวกนั้นจะเป็นอะไรที่สุดยอดแบบนี้! ฉันขอท้าเลยว่าแม้แต่คนที่มีสมองที่สุดยอดที่สุดก็อาจไม่สามารถหาพวกมันพบได้ : โจวหยุรู้สึกว่าเขาควรยอมแพ้เกี่ยวกับเรื่องนี้
ผีตัวที่สองเป็นนิ่งห้อยที่พบมันในทะเลสาบ ต้องขอบคุณสาวน้อยผู้กล้าหาญคนนี้ ผู้ที่มีพลังที่สามารถคิดนอกกรอบ(ไม่มีสามัญสํานึก)ได้โจวหยูรู้สึกประหลาดใจเมื่อเขาได้ยินว่าเธอได้ว่ายน้ําลงไปที่ก้นทะเลสาบเพื่อค้นหาผีพวกนี้
เป็นผลให้ปลากะรังเสือตัวเล็กๆ ซึ่งตอนแรกว่ายน้ําอย่างมีความสุขใต้ทะเลสาบถูกเธอเคาะด้วยไม้
ดังนั้นในตอนนี้จึงเหลือวิญญาณเพียงตัวเท่านั้น และนั้นทําให้แจ็คและบูบูต่างก็เริ่มแข่งขันกันรุนแรงมากขึ้น พวกเขาต่างก็พนันกันว่าใครจะเป็นคนแรกที่จับผีตัวนี้ได้ โดยที่คนแพ้นั้นจะต้องฟังสิ่งที่ผู้ชนะพูดเป็นเวลาหนึ่งเดือน
ด้วยการเดิมพันในครั้งนี้ ทําให้พวกเขาเริ่มค้นหามันอย่างจริงจังมาก
ที่น่าสาวใช้ไม่ได้เข้าร่วมกับกองทัพค้นหาในครั้งนี้ แต่เธอก็ช่วยเหลือในเรื่องการให้กําลังใจ และการบริการน้ําดื่มเย็นๆให้กับทุกคนที่ออกไปค้นหาด้วยการกระทําแบบนี้ของเธอ มันจึงทําให้เหล่าผู้ชายทั้งกองถ่ายต่างก็มองว่าเธอช่างเป็นผู้หญิงที่น่ารักคนหนึ่ง อย่างไรก็ตามระหว่างที่เธอถือน้ําชาร้อนๆไปให้มู่ลี่นั้น เธอก็ได้ซุ่มซ่ามสะดุดขาตัวเอง และนั้นทําให้น้ําเรื่องที่เธอถือมานั้นตกไปบนพรมผืนหนึ่ง
“อ่า” ได้เกิดเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของผีตัวสุดท้ายดังขึ้น ก่อนที่มันจะกระโดดขึ้นจากพรมผืนนั้น
ปรากฏว่าผีตัวสุดท้ายซ่อนตัวอยู่ในพรมสกปรกมาโดยตลอด แน่นอนว่าไม่มีใครคิดว่าผีตัวสุดท้ายจะซ่อนอยู่ที่นั่น โดยไม่คาดคิดโชคของมันแย่มากที่ต้องมาเจอกับน้ําชาร้อนๆที่ตกลงบนหัวของตัวเอง
ใบหน้าของแจ็คและบูบได้กระตุกไปมาอย่างต่อเนื่อง แต่ในที่สุดพวกเขายังคุกเข่าลงบนพื้นข้างหนึ่งอย่างกล้าหาญต่อหน้าที่น่า ซึ่งบ่งบอกว่าพวกเขาจะเชื่อฟังคําพูดของเธออย่างสมบูรณ์ภายในหนึ่งเดือน
มันช่างเป็นเรื่องที่ทั้งน่ายินดีและน่าเศร้าไปพร้อมๆกัน
ด้วยวิญญาณทั้งหมดที่ถูกจับมา ในที่สุดการถ่ายทําก็จะเริ่มขึ้นได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตามมันเป็นตอนเที่ยงแล้วในตอนเวลานี้ ดังนั้นทั้งหมดจึงได้หยุดกองและมาทานอาหารกลางวันกันก่อน
โจวหยุไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นเรื่องยากมากที่จะสร้างภาพยนตร์ในโลก ACG อย่างไรก็ตามในครั้งนี้สายลับไม่ได้มาวางยาเหมือนครั้งที่แล้ว ซึ่งหลังจากที่เขาถามเรื่องนี้กับเซี่ยฮวน อีกฝ่ายก็บอกว่าการกระทําใดๆที่ส่งผลต่อด้านลบของอีกฝ่ายนั้น สามารถกระทําได้เพียงวันละครั้งเท่านั้น ถ้าผู้ใดฝ่าฝืนกฏนี้จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนทันที
แม้ว่าวันนี้พวกเขาจะชนะการต่อสู้เล็กๆ แต่สายลับยังไม่ถูกจับซึ่งทําให้หิงห้อยรู้สึกรำคาญมาก
อันที่จริงสิ่งนี้ไม่สามารถตําหนิเธอได้ นอกจากนี้เธอยังได้ใช้ความสามารถพิเศษของนักล่าเงินรางวัลเพื่อตามล่าสายลับเช่นกัน แต่มันกับไม่ส่งผลอะไรเลย ซึ่งนั้นทําให้เธอจําเป็นต้องคอยออกไปลาดตระเวนบ่อยขึ้น เธอสามารถพึ่งพาการทํางานหนักเพื่อชดเชยความสามารถได้เท่านั้น
ในวันที่สามดวงตาของหิงห้อยก็ได้เปิดกว้างและจ้องมองทุกคนในสตูดิโอ มันเกือบจะทําให้ผมของทุกคนตั้งขึ้นด้วยความตกใจ ด้านอาหารการกินเองก็ยังถูกของให้ชาวบ้านในมินิลู่หัวเป็นคนกินก่อนคนแรก ก่อนที่จะมอบให้กับทีมงาน
ผลของความพยายามนี้คือในวันที่สามของการถ่ายทําไม่มีอุบัติเหตุใดๆเกิดขึ้น ซึ่งมันถือว่าประสบความสําเร็จอย่างมาก
อย่างไรก็ตามราคาที่จะต้องจ่ายออกไปก็สูงมากเช่นกัน
การเฝ้าระวังอย่างสูงตลอดทั้งวันทําให้นิ่งห้อยเหนื่อยมาก ทันทีที่เธอกลับไปที่กระท่อมเธอก็นอนหลับไปทันที โจวหยูที่รู้เรื่องนี้รู้สึกเป็นห่วงลูกสาวคนโตคนนี้เป็นอย่าง เขากลัวว่าถ้าเธอทําแบบนี้ไปจนจบการถ่ายทํา มันอาจจะทําให้ร่างกายของเธอพังลงได้
แน่นอนว่าในฐานะพ่อของเธอ โจวหยูไม่สามารถทนเห็นลูกสาวของเขาต้องทนทุกข์ทรมานไปมากแบบนี้ได้
อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่มีวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับปัญหานี้
ในระหว่างที่โจวหยูกําลังใช้ความคิดอยู่นั้น รูบินเดอะเฮดจ์ฮอกผู้ให้บริการประตูวาปได้เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับข้อมูลบางอย่างผู้
รูบินเดอะเฮดจ์ช็อกเป็นสมาชิกของหมู่บ้านที่ลึกลับที่สุด ทุกวันเขาจะปรากฏตัวและหายไปในหมู่บ้านเหมือนเงา นอกเหนือจากการบํารุงรักษาประตูวาปเป็นครั้งคราวแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขากําลังทําอะไรอยู่
บ่อยครั้งที่โจวหยุเกือบลืมไปแล้วว่ามีสมาชิกคนนี้อยู่ในหมู่บ้านนี้ เฉพาะเมื่อมีงานเลี้ยงในหมู่บ้านหรือง่านสําคัญเท่านั้นที่เขาจะสามารถเห็นอีกฝ่าย
“นี่คือรายชื่อของผู้ต้องสงสัยตลอดสามวันมานี้ พวกสายลับพวกนี้จะใช้เทคนิคลับอย่าง – เงามืด เพื่อซ่อนตัวอยู่ในความมืด แน่นอนว่าสายลับพวกนั้นจะซ่อนอยู่ในหมู่ผู้ต้องสงสัยทั้งสิบคนนี้”
หลังจากรูบินเดอะเฮดจ์ช็อกพูดจบลง เขาก็ได้หายตัวไปในความมืดอย่างไม่คาดคิดเหมือนที่เขาเคยทํา เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการรักษาอุดมการณ์ลึกลับของเขาจนถึงที่สุด
อย่างไรก็ตามโจวหยูอยากรู้มากว่าว่าจริงๆแล้วอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่คนดูแลประตัววาปจริงหรือเหรอ? ทําไมเขาถึงสามารถระบุบตัวคนร้ายได้ง่ายๆแบบนี้กัน?