The Rise of Otaku - ตอนที่ 118 การจับสายลับ
บทที่ 118 การจับสายลับ
โจวหยูไม่สามารถถามอะไรเพิ่มจากเม่นรูบินได้ ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะทันทีที่เขาส่งมอบรายชื่อของผู้ตั้งอสงสัยให้แล้วก็ได้เดินไปยังหลุมที่ขึ้นมาทันที มันทําให้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายก็อาจจะเป็นโอตาคุในโลกของ ACG ก็ได้ด้วยลักษณะที่ต้องการอยู่อย่างเงียบๆในที่บ้านของตัวเอง แต่ก็ยังให้ความสนใจกับโลกภายนอกเสมอมันเป็นกฏพื้นฐานของการเป็นโอตาคุที่ดี
อีกฝ่ายเป็นคนลึกลับมาก แต่ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของหมู่บ้านมินิลู่หัว โจวหยูก็เต็มใจที่จะเชื่อคําตัดสินของเขา ดังนั้นเขาจึงส่งรายชื่อผู้ต้องสงสัยไปยังนิ่งห้อยทันที ด้วยจํานวนคนที่ต้องเฝ้าดูจึงได้ลดลงเหลือเพียง 10 คนเท่านั้น เมื่อเป็นแบบนี้ภาระงานของเธอก็จะลดลงอย่างมากเช่นกัน อย่างน้อยมันก็จะไม่เหนื่อยมากเหมือนช่วงสามวันก่อนหน้านี้อีกแล้ว
ภายใต้สายตาของเหยี่ยวที่คอยจะโฉบลงมาบนตัวเหยือตลอดเวลา มันจึงทําให้สายลับทําตัวเป็นเด็กดีมากขึ้น ทําให้หลายวันที่ผ่านมานั้นไม่เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา
เมื่อพูดถึงการถ่ายทําภาพยนตร์แนวแฟนตาซี มันก็เป็นเรื่องจําเป็นที่จะต้องมีฉากระเบิดเกิดขึ้น แน่นอนว่าการทําแบบนี้จําเป็นต้องใช้มืออาชีพในการทํา ถึงแม้ว่าโจวหยูจะเคยทําอะไรที่คล้ายแบบนี้มาบ้าง แต่มันก็เพียงแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ดังนั้นหลังจากการหารือกันเซี่ยฮวนจึงได้พูดขึ้นว่า “น้องหยู! ผู้เชี่ยวชาญด้านการระเบิดของฉันไม่สามารถทําลายวัตถุในโลกแห่งความเป็นจริงได้ ฉันคิดว่าเราควรจะไปหาอุปกรณ์ช่วยอื่นในเมื่องนําสตาร์ไลท์ไหม?”
แม้ว่าเซี่ยฮวนจะไม่ได้ถือว่ารวยมากนัก แต่เขาก็ไม่ใช้คนจนที่เช่นกัน เพื่อให้ได้เอฟเฟ็กต์การถ่ายทําที่ดีขึ้น การเช่าสตูดิโอเฉพาะจึงเป็นเรื่องที่จําเป็นอย่างไรก็ตามโจวหยูที่กําลังมีช่วงเวลาที่ดี ไม่ต้องการทําแบบนั้น เพราะถ้าเป็นเรื่องการใช้เงินแก้ปัญหาแล้วทางเขาเองก็สามารถทําได้ เช่นกัน
เมื่อมาถึงฉากถ่ายทําที่ต้องใช้ระเบิดเป็นส่วนประกอบ มันก็จําเป็นต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญด้าน การระเบิดมาช่วย ซึ่งการถ่ายภาพยนตร์ในครั้งนี้ของโจวหยูนั้นได้ทําการประกาศออกไปและยังได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นเขาสามารถจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการระเบิดได้ในโลกแห่งความเป็นจริงอย่างไรก็ตามมันเป็นครั้งแรกที่เขาทําอะไรแบบนี้ มันจึงจําเป็นที่จะต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญการระเบิดก่อนการตัดสินใจจ้างพวกเขา
หลังจากเห็นเป้าหมายที่นายจ้างต้องการจะระเบิด ‘ถังฝู’ ผู้เชี่ยวชาญการระเบิดก็อดไม่ได้ที่จะเกาหัวของตัวเอง เขาได้ทําฉากการระเบิดมาแล้วจํานวนมากในอาชีพของเขา แต่นี้มันเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่จะระเบิดกองทหารจําลองแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะประมาทในการกระทําใดของตัวเอง หลังจากเขาใช้เวลาสองสามวันเพื่อหาปริมาณผงที่ถูกต้องที่เขาต้องการใช้ เขาก็เริ่มทํางานทันที
ทันใดนั้นสตูดิโอก็เต็มไปด้วยเสียงดัง ในบางครั้งก็จะมีเสียงดังราวกับว่าเป็นวันปีใหม่ดังขึ้นมา
หลังจากวันแรกของการถ่ายทํา ฉากระเบิดนั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นการสร้างความเสียหายให้กับตัวโมเดลมากที่สุด อย่างไรก็ตามซากปรักหักพังพวกนั้นก็มีเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์เช่นกัน ในการถ่ายภาพระยะไกลและระยะใกล้ มันยิ่งทําให้มีความสมจริงมากขึ้นเกี่ยวกับตัวเนื้อเรื่อง
ในครั้งนี้คนที่ทุกข์มากที่สุดในกับไม่ใช่โจวฟู แต่เป็นอ๋หยุนแทน เธอถูกเรียกตัวให้มาช่วยทําฉากประกอบฉาก และเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างการระเบิดขึ้น มันก็ทําให้เธอเสียใจอย่างยิ่งที่ได้ เห็นโมเดลชั้นเยี่ยมมากมายถูกไฟไหม้หรือระเบิด อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกประทับใจกับเรือบินลําใหม่ที่สร้างโดยอาจารย์ของเธอเช่นกัน ดังนั้นการทํางานของเธอในครั้งนี้จึงเต็มไปด้วยคราบน้ําตาและ รอยยิ้มของความสุขไปพร้อมๆกัน แต่หลังจากที่โจวหยุสัญญาว่าหลังจากจบเรื่องนี้แล้วเขาจะยกเจ้าเรือเหาะนี้ให้เป็นรางวัล เธอก็ไม่รู้สึกเสียใจกับการทําลายโมเดลอีกเลย
การถ่ายทําที่ละฉากนั้นทําให้โจวหยูนั้นเหนื่อยมาก การถือกล้องตลอดวันทําให้ไหล่ของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงความสําเร็จในที่สุดเขาก็ได้เข้าร่วมในการผลิตภาพยนตร์อนิเมชันอย่างเป็นทางการ การถ่ายทําภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องโจรสลัดผลไม้นั้นเขามีส่วนร่วมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในครั้งนี้เขากับมีส่วนรวมตั้งแต่ต้นจนจบ
การแสดงของลูกสาวคนเล็กอย่างมู่ลี่น้ําเองก็ถือว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ ขนาดผู้กํากับในตํานานอย่างดราก้อนก็ชมไม่หยุดเกี่ยวกับการแสดงของเธอ เขาถึงกับยกย่องตลอดเวลาว่ามีเพียงมู่ลี่เท่านั้นที่เป็นนักแสดงที่แท้จริง โชคดีที่นักแสดงทุกคนคุ้นเคยกับความรุนแรง และนิสัยของผู้กํากับดราก้อนแล้วไม่อย่างนั้นด้วยประโยคนี้อาจกระตุ้นความไม่พอใจของทุกคนที่มีต่อมู่ลีได้ง่ายๆ
แม้ว่ามันจะเป็นครั้งแรกสําหรับมู่ลี่ที่มีส่วนร่วมในการถ่ายทําบางที่อาจเป็นเพ ราะพ่อของเธออยู่ที่นี้ด้วยตลอดเวลา มันจึงทําให้ความกลัวเวทีของเธอลดน้อยลง มันจึงทําให้เธอสามารถเข้าใจในบทบาทของตัวนางเอกได้มากขึ้น ด้วยนิสัยที่รักการผจญภัยและดื้อรั้น ทําให้ตัวละครนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าดึงดูด
หลังจากถ่ายทําไปตลอดหนึ่งสัปดาห์ ในที่สุดสายลับก็อดใจรอไม่ไหวแล้ว สายลับที่ไม่สามารถทํางานได้จะต้องกลับไปที่โรงเรียนสายลับเพื่อรับการฝึกฝนอีกครั้ง เมื่อคิดถึงเรื่องการฝึกเหมือนสายลับในโรงเรียนสายลับ สายลับหมายเลข 1 ก็ได้ตัดสินใจที่จะลงมืออีกครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทําไมนักล่าเงินรางวัลถึงได้จ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องนี้แล้ว
คราวนี้เขาวางแผนที่จะปล่อย “กาวสีดําและสีขาว” ซึ่งเมื่อเปื้อนแล้วจะทําให้สีของภาพยนตร์กลายเป็นสีดําและสีขาวทั้งหมด ลองคิดดูสิว่าเมื่อหนัง CG ที่มีสีสันมากมายกับต้องกลายเป็นภาพยนตร์สีขาวดํา มันจะทําให้เกิดความเสียหายมากขนาดไหน?
อาจจะพูดได้ว่าวิธีนี้เป็นการรอบโจมตีที่รุนแรงที่สุด มันรุนแรงกว่าการใช้พิษซอมบี้และการปล่อยผีก่อนห้านี้มากอย่างไรก็ตามด้วยเหตุนี้ข้อกําหนดในการใช้กาวขาวดําจึงค่อนข้างยุ่งยาก เช่นกัน
มันจะต้องใช้ในช่วงเวลาของการถ่ายภาพและผู้ใช้จะต้องสามารถเข้าถึงกล้องทั้งหมดได้เท่านั้น
ตําแหน่งสายลับหมายเลข 1 ในทีมคือผู้จัดการเวที ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายสําหรับเขาที่จะเข้าถึงกล้องส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามมีกล้องสองตัวที่เขาไม่สามารถเข้าถึงได้ นั่นคือกล้องของโจวหยู และกล้องของฉียูลิน
กล้องทั้งสองถูกเก็บรักษาด้วยเจ้าตัวตลอดเวลา โดยเฉพาะกล้อง “ข้ามมิติ” ของโจวหยู ไม่ว่าใครจะแตะต้องมันจะทําให้เกิดการเตือนทันที มันยากมากที่จะทําโดยไม่ให้เป็นที่สังเกต
นี่อาจเป็นงานที่ยากที่สุดที่สายลับหมายเลข 1 เคยทําก็ว่าได้
อย่างไรก็ตามเขาก็ยังเป็นสายลับชั้นยอด เขาจะหนีไปด้วยความกลัวปัญหาได้อย่างไร?
ในวันถัดไปพวกเขาต้องถ่ายทําฉากต่อสู้ทางอากาศ ดังนั้นพวกเด็กๆจึงได้ถูกเรียกตัวมาเป็นผู้ช่วยในครั้งนี้ ด้วยที่พวกเด็กจําเป็นต้องเคลื่อนตัวเรือบินไปอย่างช้าๆตามคําแนะนําของพี่หยู โดยในครั้งนี้พวกเขาจําเป็นต้องแกล้งทําเป็นว่าเรือบินกําลังถูกไล่ล่าโดยมังกรไฟที่ร้ายกาจ อันที่จริงแล้วมันมีมังกรจริงๆที่กําลังบินอยู่กลางอากาศพร้อมกับพ่นลมหายใจที่เป็นไฟออกมา และผู้คนบนเรือเหาะก็กําลังกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวพยายามต่อสู้หรือหลบหนีจริงๆ
การถ่ายทําในครั้งนี้ตึงเครียดมาก ทําให้โจวหยูต้องคอยฟังคําแนะนําจากผู้กํากับดราก้อนตลอดเวลา ทางด้านพวกเด็กๆเองก็ให้ที่ความร่วมมือที่ดีเช่นกัน ถึงแม้ว่าในช่วงแรกๆการบังคับ ของพวกเขาจะมีปัญหาเล็กน้อย แต่ด้วยการปรับแก้ไขตลอดเวลาของโจวหยูมันจึงทําให้ช่วงหลังๆของการถ่ายทําเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น
ด้วยสิ่งนี้ทําให้โจวหยูรู้สึกว่าเขาต้องให้รางวัลพวกเด็กๆหลังจากจบงานนี้
ในที่หนึ่งในฉากที่ยากที่สุดและเป็นฉากสําคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เสร็จสมบูรณ์ มันทําให้โจวหยุถึงกับหมดแรงไปทันที แต่ด้วยความหิวที่มีมากกว่ามันจึงทําให้เขาและพวกเด็กๆต่างก็เดินไปยังโรงอาหารเพื่อทานอาหารดีๆมากกว่า
ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึง ก็ความสนใจของหิ่งห้อยได้ถูกดึงดูดด้วยเวลาอาหารและเธอก็มุ่งหน้าไปยังโรงอาหารพร้อมกับทุกคนอย่างกระตือรือร้น ในฐานะผู้จัดการเวที่สายลับหมายเลข 1 ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังเพื่อทําความสะอาดสตูดิโอ แต่ในขณะที่เขากําลังทําความสะอาดอยู่นั้น สิ่งที่ทุกคนไม่ได้สังเกตก็คือเขากําลังเข้าใกล้กล้อง ” ข้ามมิติ” อย่างช้าๆ
ขณะที่เขากําลังจะสัมผัสถึงกล้องขามมิติ หิงห้อยก็ได้ก้าวออกจากสตูดิโออย่างช้า แล้วก็เข้ามาจับกุมผู้จัดการเวที
“ฮ่าฮ่า! ฉันจับสายลับได้แล้ว! ฉันรอช่วงเวลานี้มานานมากแล้ว”
เทคนิคการควบคุมผู้ร้ายของหิ่งห้อยเป็นสิ่งที่พิเศษเสมอ มันจึงทําให้สายลับหมายเลข 1 ที่ต้องการต่อต้านได้หยุดต่อต้านในเวลาอันสั้น จากนั้นเขาก็ยอมจํานนและยอมรับว่าเขาเป็นสายลับที่ถูกส่งมา จากนั้นก็ถูกส่งไปยังคุก
แทนที่จะอีกฝ่ายจะกลายเป็นชาวบ้านของหมู่บ้านมินิลู่หัว หลังจากที่ออกมาจากคุก กับว่าอีกฝ่ายเลือกที่จะมอบเงินให้กับโจวหยูพร้อมกับของแปลกๆแทน