The Rise of Otaku - ตอนที่ 127
บทที่ 127 ชื่อเสียงของมู่ลี่
มีแร่มากมายในโกดังเก็บของ ซึ่งแร่ส่วนมากเกือบทั้งหมดมาจากเจ้าเครื่องกาชาปิง และชาม สมบัติของเจ้าชายมังกรอีกเล็กน้อย ถ้าไม่มีโรงงานผลิตหินวิเศษแล้ว พวกแร่เหล่านี้ก็เป็นเพียงของไร้ค่าเท่านั้น ดังนั้นจึงมีก้อนแร่ดิบจํานวนมากที่นอนรอให้ฝุ่นเกาะอยู่ในโกดังหลังนั้น
ด้วยจํานวนของแร่ที่โจวหยูมีตอนนี้มันเป็นอะไรที่เพียงพอสําหรับการแก้ปัญหาของเมล็ดดอกไม้ปริศนา ดังนั้นมันจึงเหลือเพียงเรื่องของตาน้ำน้ำตกในเมืองแบล็กสตาร์เท่านั้นที่เขาไม่รู้ว่าจะได้รับมันมายังไง
ไอเท็มชิ้นนี้มันฟังดูเหมือนวัสดุบางอย่าง แต่หลังจากค้นหาในเครื่องขายของอัตโนมัติดูหลายครั้งเขาไม่พบเบาะแสอะไร เขาก็ล้มเลือกที่จะสืบหาเรื่องนี้ต่อไปและปล่อยให้มันเป็นไปตามโชคชะตากําหนดได้เท่านั้น
การทดสอบโครงงาน “เมืองล่าขุมทรัพย์มังกร” ได้เข้าใกล้วันสุดท้าย คราวนี้มันจะเป็นเกม สุดท้ายของเนื้อเรื่อง โดยที่ในครั้งนี้ราชาแห่งโจรได้ขโมยหัวใจมังกรและรวมตัวกับมันเพื่อสร้างร่างกายที่เป็นอมตะและทรงพลังขึ้นมา ซึ่งนั้นทําให้ทั้งสามเผ่าต้องรวมตัวกันและต่อสู้กับราชาแห่งโจรในฉากสุดท้ายนี้
แน่นอนว่าโจวหยูต้องแพ้เกมนี้ในเวลานี้ ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์สุดท้ายก็คือฝ่ายร้ายเป็นผู้ชัยชนะซึ่งมันจะเป็นอะไรที่ผิดจากเนื้อเรื่องหลักมากเกินไป
ด้วยความ ประมาท” ของราชาแห่งโจรที่ได้เปลี่ยนร่างจากมนุษย์ไปเป็นมังกรแล้วนั้น ทําให้อัศวินผู้หล้านายหนึ่งสามารถล้มเขาลงได้ และก่อนที่ราชามังกรผู้ชั่วร้ายจะตายนั้น มันได้ทําการเปล่งเสียงคํารามอย่างเสียใจออกมาก่อนที่จะล้มลงบนพื้นในที่สุด พวกเด็กๆก่อนหน้านี้ต่างก็ถูกรังแกโดยราชาแห่งโจรมาโดยตลอด ในที่สุดพวกเขาก็ทําการแก้แค้นได้สําเร็จ ส่วนคนที่ฆ่ามังกรได้อย่างเจ้าเด็กน้อยโจวเฮานั้นก็ได้ถูกโยนขึ้นไปบนท้องฟ้าอยู่หลายครั้งโดยกลุ่มเด็กๆ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ของเขา
ในวันถัดไปเป็นพิธีรับปริญญาจบอย่างเป็นทางการ
พ่อมดขาวได้เป็นผู้มอบรางวัลให้กับผู้เข้าร่วมที่ทําคะแนนได้ดีที่สุดในการทดสอบที่ละคน จากนั้นคนที่ได้ยินชื่อตัวเองก็รีบวิ่งไปยังเวทีเพื่อรับมอบรางวัลด้วยความยินดี ที่
ห้องนิทรรศการของเมืองล่าขุมทรัพย์ในตอนนี้ก็ไม่ได้ว่างเปล่าอีกต่อไป หน้าต่างแสดงผลงานบานแรกในห้องนิทรรศการก็ได้เปิดอย่างเป็นทางการ โจวเฮาได้รูปปั้นแกะสลักไม้ที่สวยงามมากสวมชุดเกราะของนักดาบเป็นของตัวเองหลังจากที่เขาเป็นคนฆ่ามังกรได้เป็นคนแรก ซึ่งรูปปั้นนี้เองก็ได้ถูกวางไว้ในตําแหน่งกลางห้องจัดงานนี้อย่างเด่นชัดที่สุด และกลายเป็นจุดสนใจของห้องจัดแสดงและยังเป็นฮีโร่คนแรกที่ได้รับฉายาว่า “มังกรสเลเยอร์”
นอกจากนั้นยังมีภาพถ่ายจํานวนมากในห้องนิทรรศการซึ่งทั้งหมดต่างก็เป็นไฮไลท์ของเกมทั้งหมด ภาพถ่ายซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเด็กๆนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์มากมายขนาดไหนในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา มันทําสวนสนุกแห่งนี้เต็มไปด้วยความทรงจําอันมีค่าของพวกเขา
ภายใต้เสียงเชียร์ของนักท่องเที่ยวจํานวนมากที่มาดู ทําให้เจ้าเด็กโจวเฮากลายเป็นจุดสนใจอีกครั้ง มีนักท่องเที่ยวจํานวนมากที่เข้ามาขอถ่ายรูปกับมังกรสเลเยอร์ ราวกับว่าตอนนี้เจ้าตัวได้กลายเป็นดาราดังไปแล้ว
ส่วนนักผจญภัยคนอื่นเองก็ได้รับความสนใจเช่นกัน โดยเฉพาะกับโลลิตัวน้อยจํานวนหนึ่ง ซึ่งนั้นทําให้โจวหยูรู้สึกกังวลขึ้นมาว่าจํานวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอาจจะไม่เพียงพอ
“เพราะท้ายที่สุดแล้วเราไม่รู้เลยว่ามีจะมีคนประเภทไหนที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้บ้าง”
ในที่สุดภาพยนตร์เรื่องล่าขุมทรัพย์มังกร ก็ออกฉายอย่างเป็นทางการ แม้ว่าโจวหยูจะคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่สามารถสู้ภาพยนตร์เรื่องโจรสลัดผลไม้ได้ในระดับสคริปต์ แต่คุณภาพของภาพก็ดีพอๆกัน โดยเฉพาะ CG ในเรื่องที่ทําออกมาได้ดีพอๆกัน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายมากที่จะทําให้ผู้ชมชื่นชอบมัน
ด้วยชื่อเสียงที่ได้มาจากภาพยนตร์เรื่อง “โจรสลัดผลไม้” ประกอบกับคุณภาพของภาพยนตร์เรื่อง “ล่าขุมทรัพย์มังกร” เองก็ทําได้ดีเป็นอย่างมาก มันจึงทําให้ผลประเมินบ็อกซ์ออฟฟิศเลยจุดของภาพยนตร์เรื่อง “โจรสลัดผลไม้” ไป ซึ่งนั้นทําให้โจวหยูรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าเรื่องนี้จะมีการพูกคุยกันหลังจากการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ผ่านไประยะเวลาหนึ่ง
ลูกทีมลึกลับและหัวข้ออื่นๆที่คล้ายๆกันก่อนหน้านี้ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นเรื่องราวพวกนี้จึงเริ่มได้รับความนิยมน้อยลง แต่ในครั้งนี้มันกับมีหัวข้อใหม่เด้งขึ้นมาแทน นั้นก็คือคนพากย์เสียงของตัวนางเอกของเรื่อง ด้วยน้ำเสียงที่มีเอกลักษณ์และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ทําให้เหล่าคนดูไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงต่างก็หลงรักเข้าอย่างแรง
หลังจากที่พวกเขารอดในช่วงท้ายเคดิตว่าเจ้าของเสียงพากย์ตัวนําหญิงนั้นคือใคร มันก็ทําให้พวกเขารู้ว่าคนพากย์เสียงนั้นมีชื่อว่ามู่ลี่ และนั้นทําให้เธอกลายเป็นชื่อที่ถูกค้นหามากที่สุกทันที
ผู้ชมไม่เพียงแต่รู้สึกชอบในการให้เสียงพากย์ของเธอเท่านั้น แต่พวกเขายังชอบเสียงร้องของเธอเช่นกัน มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เป็นฉากร้องเพลงของตัวเอกทั้งชายหญิง ด้วยเสียงที่ทรงพลังและมีเอกลักษณ์ทําให้เธอนั้นสื่ออารมณ์ของเพลงอย่าง “ทะเลในท้องฟ้าสีคราม” ออกมาได้ทรงพลังเป็นอย่างมาก และนี้เองก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ทําให้คะแนนในบ็อกซ์ออฟฟิศนั้นพพุ่งขึ้นสูง
เสียงของเธอนั้นทรงพลังมากจนทําให้ผู้คนไม่สามารถหยุดคิดถึงได้ ดังนั้นผมชมหลายคนจึงแสดงความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับนักพากย์คนนี้ว่าเป็นใคร แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่แม้ว่าพวกเขาจะพยายามสืบค้นทุกมุมของอินเทอร์เน็ต พวกเขาก็ยังไม่พบว่าใครคือนักพากย์ที่ชื่อว่ามู่ลี่ สิ่งเดียวที่พวกเขารู้ก็คือเธอเป็นพนักงานของบริษัทฉินโจว
และสตูดิโอฉินโจวนี้เองก็เป็นอย่างที่สองที่ดึงดูดความสนใจของทุกคนรองลงมาจากนักพากย์ มู่ลี่ มันได้ถูกเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนในช่วงเครดิตภาพยนตร์ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ร่วมผลิตโดยสตูดิโอสตาร์และสตูดิโอฉินโจว
บางคนได้วิเคราะห์อย่างรอบคอบเกี่ยวกับภาพยนตร์ที่ออกมาทั้งสองเรื่องว่า ภาพยน ตร์อนิเมชั่น “โจรสลัดผลไม้” นั้นเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นสไตล์ตะวันตก แต่ภาพยนตร์อนิเมชั่น ” ล่าขุมทรัพย์มังกร” กับมีสไตล์แบบจีนมากกว่า ดังนั้นด้วยสองสไตล์ที่แตกต่างกันนี้เอง จึงทําให้ทั้งสองสตูดิโอทั้งสองร่วมมือกัน
ด้วยแนวคิดนี้ทําให้ทฤษฎีนี้ได้รับการยอมรับจากทุกคนในเวลาไม่นาน
อย่างไรก็ตามการผู้ชมทั้งชายและหญิงจํานวนมาก ต่างก็ต้องการให้ทางสตูดิโอต้นสังกัดอย่างสตูดิโอฉินโจนออกมาแสดงข้อมูลเกี่ยวกับนักพากย์อย่างมู่ลี่มากขึ้น มีพวกเขาบางคนถึงกับเรียกร้องให้ทางสตูดิโอผลักดันให้เธอกลายเป็นักร้องมืออาชีพแทนการเป็นนักพากย์ที่อยู่เพียงหลังฉากเท่านั้น ด้วยน้ำเสียงและการแสดงอารมณ์ที่เธอได้แสดงออกมาในภาพยนตร์เรื่องนี้ มันก็เพียงพอที่จะทําให้เธอกลายเป็นนักร้องมืออาชีพได้!
อย่างไรก็ตามทางสตูดิโอฉินโจวกับทําเพียงเงียบไว้ และเช่นเดียวกันทางสตูดิโอสตาร์เองก็ไม่เคลื่อนไหวอะไร นี้อาจจะเป็นกลวิธีหนึ่งของทั้งสองหรือเป็นเพียงการไม่สนใจอะไรเลย แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากับเป็นเรื่องดีอย่างไม่คาดคิด เพราะในตอนนี้จํานวนแฟนคลับของมู่ลี่ได้พุ่งขึ้นไปถึงหลักตัวเลขห้าหลักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ ข้อละ! พวกคุณทั้งสองบริษัทช่วยออกมาพูดอะไรบ้างเถอะ! พวกผมจะบ้าตายอยู่แล้วคู่หรืออะไรนะ!”
มีชาวเน็ตจํานวนนับไม่ถ้วนที่ส่งข้อความมาบ่นกับบริษัทที่ได้รับสิทธิ์ฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อยู่ดี โดยหัวเรือหลักอย่างโจวหยูนั้นทําเพียงนิ่งเงียบไม่ทําอะไรที่เป็นการพยายามเพิ่มชื่อเสียงของตัวเอง มันก็ทําให้ชาวเน็ตทั้งหมดต่างก็ใกล้จะเป็นบ้าเข้าไปทุกที
พวกเขาต่างก็ไม่เข้าใจว่าทําไมทั้งสองสตูดิโอถึงได้เชื่อใจชายที่ชื่อว่าโจวหยูคนนี้มากนัก เพราะไม่ว่าจะเป็นอํานาจการตัดสินใจรวมไปถึงผลกําไรทั้งหมดต่างก็มอบให้ชายคนนี้เป็นคนจัดการทั้งหมด มันเป็นไปไม่ได้ที่บุคลากรธรรมดาจะได้รับสิทธิ์มากมายขนาดนี้
อย่างไรก็ตามดูจากสิ่งที่อีกฝ่ายทํามาตลอดนั้น มันก็ยิ่งทําให้พวกเขาไม่เข้าใจมากขึ้น อะไรคือการสร้างสวนสนุกขนาดใหญ่ อะไรคือการสร้างบ้านรูปร่างต่างๆ อะไรคือการนอนนิ่งอยู่บนชายหาดจําลอง ยิ่งพวกเขาสืบค้นเกี่ยวกับชายคนนี้มากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทําให้พวกเขาไม่เข้าใจเท่านั้น
พวกเขาไม่สามารถเชื่อมโยงได้ว่าทําไมสตูดิโอที่ดีที่สุดในประเทศจีนทั้งสองสตูดิโอถึงรวมมือกับชายคนนี้ได้ ทําไมทั้งสองสตูดิโอถึงไม่ไปร่วมมือกับบริษัทยักใหญ่รายอื่น อย่าหลังนี้จะไม่ส่งผลดีกว่าหรอกเหรอ?!
ยิ่งพวกเขาคิดมันมากเท่าไหร่ พวกเขาก็รู้สึกว่ามันยิ่งไม่สมเหตุผลมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้นหลังจากเกิดกระแสต้องการให้ทางสตูดิโอฉินโจนออกมาเปิดตัวมู่ลี่ อีกฝ่ายทําเพียงพูดประโยคเดี่ยวออกมาก่อนที่จะไม่สนใจอะไรอีก ประโยคที่ว่านั้นก็คือเขาไม่ต้องการสัมภาษณ์ใดทั้งสิ้นและยังได้ไล่พวกนักข่าวทั้งหมดออกไปจากสวนสนุกทันที
นั้นทําให้ผู้จักการอย่างโจวฟูต้องรีบเข้ามาแก้ไขสถานการณ์โดยด่วน สิ่งแรกที่เขาก็คือการจัดตั้งสถานที่สําหรับการสําภาษณ์และขอโทษในเวลาเดียวกัน
แต่ยังไงก็ตาม จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าจริงๆแล้ว นักพากย์ที่ชื่อว่ามู่ลี่นั้นมีหน้าตายังไงกันแน่?