The Rise of Otaku - ตอนที่ 128
บทที่ 128 ความเกลียดชัง
แฟนๆที่ชอบสตูดิโอสตาร์และแฟนๆที่ชอบสตูดิโอฉินโจนต่างก็ได้ถูกทรมานจากสตูดิโอเหล่านั้นด้วยความบ้าคลั่ง เห็นๆอยู่ว่าไอดอลของพวกเขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างชัดเจน แต่มันก็เป็นเหมือนเงาสองอันที่ทําได้เพียงมองเห็นได้ แต่ไม่สามารถสัมผัสได้ ซึ่งมันทําให้เหล่าแฟนๆจํานวนมากคลั่งแทบตายแต่ก็ไม่สามารถทําอะไรได้
มีการคาดเดามากมายเกี่ยวกับสาเหตุที่สตูดิโอสองแห่งนี้ที่เลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวตน แต่ข้อมูลทั้งหมดนั้นไม่ค่อยน่าเชื่อถือ
ตั้งแต่ความสําเร็จของภาพยนตร์ “โจรสลัดผลไม้” โจวหยูได้รับการร้องขอความร่วมมือจากหลายบริษัท ซึ่งส่วนใหญ่มีความสนใจในทักษะการกํากับและการตัดต่อของสตูดิโอสตาร์ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือการให้เสียงพากย์ที่มีเอกลักษณ์ของสตูดิโอฉินโจ ทําให้เหล่าบริษัทยักใหญ่จํานวนมากต่างก็ต้องการรวมมือกับทั้งสองสตูดิโอ
หลังจากเสียงของมู่ลี่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน คําร้องขอให้ทําเสียงพากย์อนิ เมชั่นของเธอก็เป็นเหมือนพายุใต้ฝุ่นและมีบางบริษัทที่ยากจะเซ็นสัญญาให้เธอเปิดตัวในฐานะนักร้องมืออาชีพ
เมื่อข่าวนี้ได้ลอยไปถึงหูของโจวหยู เขาต้องยอมรับว่าเสน่ห์ของลูกสาวมู่ลี่ตัวน้อยคนนี้นั้นไม่อาจต้านทานได้จริงๆ แต่มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ไม่มีใครในโลกแห่งความจริงสามารถเห็นเธอได้
ความดังของมู่ลี่ไม่เพียงแต่เกิดในโลกแห่งความจริงเท่านั้น แม้แต่โลก ACG ก็ได้เกิดกระแสคลั่งไคล้มู่ลี่เช่นกัน
ภาพยนตร์อนิเมชั่น ” ล่าขุมทรัพย์มังกร” ได้รับการประเมินระดับ B ในเมืองสตาร์ไลท์ แต่เดิมภาพยนตร์ที่ได้รับการจัดอันดับที่ทําให้เกิดกระแสร้อนแรงได้นั้นจะจัดอยู่ในระดับ S เท่านั้น ส่วนภาพยนตร์ระดับ B นั้นทําได้เพียงการชื่มชมในวงแคบๆเท่านั้น ดังนั้นนี้จึงถือเป็นครั้งแรกที่ภาพยนตร์ที่ถูกจัดอันดับในระดับที่ B กลายเป็นกระแสดังแบบนี้ นี้
เมื่อข่าวออกมาสื่อของโลก ACG ทุกชนิดต่างก็เริ่มรีบมาที่หมู่บ้านมินิลู่หัวทันที เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจากโลกแห่งความจริงไม่สามารถหยุดนักข่าวจากโลกACGเหล่านี้ได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น โจวหยูจึงได้ทําการสร้างห้องประชุมเล็กๆ สําหรับสื่อของโลก ACG เอาไว้
และเนื่องจากกระแสที่ร้อนแรงของมู่ลี่ทําให้ในเวลาไม่นาก็เกิดกลุ่มแฟนคลับที่ใช้ชื่อว่า “กลุ่มผู้สนับสนุนมู่ลี่ ” ขึ้นมา เพื่อเป็นการป้องการอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น โจวหยูจึงได้จัดให้นักล่าเงินรางวัลทั้งสองคนอย่างนิ่งห้อยและดีนทําหน้าที่ป้องกัน
โดยไม่คาดคิดว่าจักเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ มีหนึ่งในบันดาแฟนๆของมู่ลี่ที่สามารถแอบเข้ามายังด้านหลังเวทีได้ อีกฝ่ายไม่พูดอะไรก็ได้ทําการเทของเหลวสีขาวปริศนาไปทางมู่ลี่ทันที
แต่ถือว่ายังที่โชคดีอยู่บ้าง เพราะหิ่งห้อยได้ยืนอยู่ใกล้กับมู่ลี่มากที่สุดและเธอได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้อน ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกที่จะรีบคว้าดีนซึ่งยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นใช้เขาไปเป็นเกราะป้องกันของเหลวปริศนานี้ ก่อนที่เธอจะรีบเข้าไปจับกุมตัวการที่ก่อเรื่อง
“โอ้! มันเกิดอะไรขึ้นกับนายกัน?!” เมื่อหิ่งห้อยได้กลับมายังจุดเกิดเหตุ เธอก็ได้เห็นว่าคู่หูของเธอได้ลงไปนอนกองกับพื้นพร้อมกับมีฟองเกิดขึ้นเต็มปาก มันทําให้เขาดูน่าสงสารอย่างแท้จริง
น้ํายาเปลี่ยนนิสัย – ไอเท็มที่มีเฉพาะของเมืองหลอกลวง สามารถลดความบริสุทธิ์ของเป้าหมายและเพิ่มการแสดงด้านลบต่อเป้าหมาย
“อนิจจา! มันช่างเป็นไอเท็มที่ชั่วร้ายจริงๆ!”
การที่อีกฝ่ายต้องการทําให้มู่ลี่ตัวน้อยเปลี่ยนจากเด็กผู้หญิงบริสุทธิ์และไร้เดียงสา ไปเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามนั้นเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าต้องการลดชื่อเสียงของเธอ
แต่เป็นอะไรที่แย่หน่อยที่คนที่ได้รับยาตัวนี้ไปไม่ใช้เธอ แต่เป็นดีน นักล่าเงินรางวัลที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีนี้ เดิมดีนนั้นหน้าตาออกแนวคาวบอยตะวันตก ซึ่งเป็นอะไรที่ดูดีและเข้ากับสไตล์การแต่งตัวของเขาเป็นอย่าง แต่หลังจากที่เขาได้รับยาตัวนี้ไป มันก็ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น จากหน้าตาที่ดูดีแบบคาวบอยตะวันตกได้กลายเป็นหนุ่มหล่อเกาหลีไปแทน ซึ่งนี้มันเป็นความอัปยศที่คาวบอยผู้กล้าหาญอย่างดีนจะยอมรับได้
โชคยังดีที่การเป็นนักล่าเงินรางวัลนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปร่างหน้าตาของพวกเขา มันขึ้นอยู่กับความสามารถขั้นพื้นฐานในการจับโจรเท่านั้น และงานส่วนใหญ่ของดีนยังอยู่ที่คุกมืดๆเกือบทั้งหมด ดังนั้นผลของยาตัวนี้จึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทํางานมากนัก
ในทางกลับกันถ้าเกิดว่ายาตัวนี้สามารถเข้าถึงมู่ลี่ได้จริงๆ มันอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ มันอาจจะทําให้ลูกสาวที่แสนดีอย่างมู่ลี่กลายเป็นลูกสาวที่มีอารมณ์ร้อนแรงอย่างพี่สาวก็เป็นไปได้?
เมื่อจับโจรร้ายคนนี้ มันก็ถูกถูกสอบปากคําโดยหิ่งห้อยทันที
เมื่อได้ยินคําว่าสอบสวน โจวหยูก็นึกถึงฉากทรมานที่มักจะมีในภาพยนตร์หรือซีรี่ย์ทางทีวีทันที แต่ความเข้าใจของเขากับตรงกันข้ามอย่างมากเมื่อได้มาเห็นการสอบสวนของโลก ACG จริงๆ แน่นอนว่าการสอบสวนของโลก ACG นั้นไม่โหดร้ายอย่างที่คิด แต่มันเป็นอะไรที่ไร้สาระมากเกินไป ยกตัวอย่างโจรร้ายที่ติ่งห้อยเข้าไปสอบสวนนั้น เธอทําเพียงนําโปสเตอร์ที่มีรูปของมู่ลี่ออกมา และขู่ว่าเธอจะแต่งหน้าบนโปสเตอร์นี้ออกมาให้หน้าเกลียดหน้ากลัวที่สุด เพียงแค่นี้ผู้ชายถูกจับ มาก็สารภาพทุกอย่างออกมาแล้ว
น่าประหลาดใจที่อีกฝ่ายเป็นถึงหัวหน้าทีมสนับสนุนกลุ่มที่ 11 ของกลุ่มแฟนคลับมู่ลี่ ซึ่งรับผิดชอบสมาชิกเกือบ 100 คน
“พระเจ้า! กลุ่มเจ้ากรรมนี้มันใหญ่ขนาดไหนกันแน่?
หลังจากที่การสอบสวนเสร็จลง ตัวแทนจากเมืองแบล็กสตาร์ก็ได้มาเยือนอีกครั้ง โดยที่ครั้งนี้ พวกเขาเองก็ต้องการแลกตัวผู้ร้ายเหมือนเดิม แต่คราวนี้พวกเขาไม่เพียงแต่จ่ายเงินเท่านั้นแต่ยังได้มอบพิมพ์เขียวของดันเจี้ยนระดับ 2 – “ปราสาทที่ร่วงหล่น” มาให้อีกด้วย
“ดันเจี้ยนอีกอันหนึ่ง!”
มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะได้รับพิมพ์เขียวดังเจียนอีกอันจากเครื่องขายอัตโนมัติ และยิ่งในตอนนี้ทางแจ็คและบูบูเองก็ได้รับอัศวินสัตว์เข้ามาเพิ่มจํานวนหนึ่ง การที่มีเพียงดันเจียนระดับหนึ่งอย่างคุกมืดนั้นเห็นได้ชัดว่ามันไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นการได้รับดันเจียนระดับสองอย่างดันเจี้ยนที่ร่วงหล่นมานี้ ก็สามารถช่วยแก้ปัญหาที่อาจจะตามมาได้พอดี
และเมื่อไม่นานมานี้รูปปั้นเทพธิดาที่ล้มเหลว ซึ่งจากเอฟเฟคที่มีอยู่ของมันแล้ว มันเป็นอะไรที่เข้าคู่กับดันเจี้ยนอันนี้เป็นอย่างมาก
ดันเจี้ยนระดับ 2: ปราสาทที่ร่วงหล่น เป็นปราสาทยุคกลางตะวันตกซึ่งมีแวมไพร์บางตัวอาศัยอยู่ มีความเป็นไปได้ที่จะมีเคานต์แดรกคิวลาในนั้นเช่นกัน
การสร้างดันเจียนนี้ต้องใช้ลิงช่างหินและช่างไม้บีเวอร์เพื่อทํางานร่วมกัน และยังต้องมีแร่บางชนิดเป็นส่วนประกอบอีกด้วย เมื่อเห็นรายละเอียดทั้งหมดแล้วโจวหยูรู้สึกได้ว่ามันได้ยุ่งยากกว่าการสร้างดันเจียนระดับหนึ่งมากนัก
หลังจากสร้างเสร็จ ตัวดันเจี้ยนก็ได้ถูกย้ายไปยังอาณาจักรแฟนตาซีทันที ด้วยรูปลักษณ์ของปราสาทมืดครึ้มยืนอยู่บนขอบหน้าผา มันช่างดูเท่เป็นที่สุด ถ้าโจวหยูต้องการถ่ายภาพยนตร์อะไร ที่เกี่ยวกับปราสาทผีสิงในอนาคต เขาจะเลือกปราสาทนี้อย่างไม่ลังเล
ถึงแม้ว่าโจวหยูจะไม่ชอบปัญหาที่เกิดจาก ”กลุ่มแฟนคลับมู่ลี่” แต่คนเหล่าก็ยังสามารถช่วยการเพิ่มชื่อเสียงให้กับมู่ลี่และหมู่บ้านมินิลู่หัวได้ ดังนั้นเขาจึงทําได้เพียงป้องกันเรื่องร้ายๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้เท่านั้น
ในเบื้องต้นเขาคิดว่าคงมีเพียงกลุ่มแฟนคลับกลุ่มนี้เท่านั้นที่เข้ามาสร้างปัญหาที่นี้ แต่เขาไม่คิดว่าจะมีคนอีกกลุ่มหนึ่งได้เข้ามาสร้างปัญหาเช่นกัน
กลุ่มคนเกลียดชัง: คนเหล่านี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเมืองแบล็กสตาร์ พวกเขาจะคอยก่อปัญหาให้เหล่าไอดอลต่างๆไม่ว่าจะอยู่ระดับใดก็ตาม พวกเขาจะหลบซ่อนตัวอยู่ในบันดาแฟนคลับ และค่อยใช้เทคนิคลึกลับของตัวเองเพื่อทําลายชื่อเสียงของไอดอล
ความเกลียดไม่มีเหตุผละ เทคนิคลับ ด้วยการคํารามเสียงอันดังทําให้เหล่าแฟนๆที่ได้ยินเสียงต่างรู้สึกด้านลบต่อไอดอลขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ก่อนที่จะแยกย้ายกันออกไปและไม่สนใจไอดอลคนนั้นอีกต่อไป
เห็นได้ชัดว่าทักษะนี้จงใจโจมตีความนิยมของไอดอล ถึงแม้ว่ามันจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อไอดอลโดยตรง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทําให้ความนิยมของไอดอลลดลงเป็นอย่างมาก ถ้าถึงขั้นร้ายแรงมันอาจจะทําให้ระดับไอดอลตกลงเลยก็ได้
นอกเหนือจากทักษะความเกลียดไม่มีเหตุผลที่กลุ่มคนเกลียดชังชอบใช้แล้ว พวกมันยังมีทักษะอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่าการทิ้งระเบิดของผู้เกลียดชัง เอฟเฟคก็คือไอดอลเป้าหมายจะถูกถล่มด้วยข่าวลือต่างๆ และนั้นทําให้เหล่าแฟนๆที่ไม่รู้ความจริงต่างก็เกิดเกลียดชังขี้นมาแทน
ในเบื้อต้นมู่ลี่ไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาของคนกลุ่มนี้ เพราะในปัจจุบันนี้เขาไม่มีแผนที่จะทําอะไรมากนัก ไม่ว่าจะเป็นการจัดกรรมอย่างคอนเสิร์ตหรือการจับมือ ฯลฯ เนื่องจากโจวหยูเป็นห่วงว่ากลุ่มแฟนคลับมู่ลี่อาจจะใช้โอกาสนี้แอบลงมืออีกครั้ง
แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าถึงเขาจะไม่ทําอะไรก็ยังถูกกลุ่มคนเกลียดชังโจมตีอยู่ดี