The Rise of Otaku - ตอนที่ 130
บทที่ 130 ลูกแฝดสุดแปลก
จากข้อมูลของเซี่ยฮวนให้มา มันมีกิจกรรมมากมายทั่วโลก ACG และมีเทศกาลท้องถิ่นที่น่าสนใจมากมาย ในฐานะที่เป็นไอดอลมู่ลี่จําเป็นต้องมีส่วนร่วมในกิจกรรมและเทศกาลดังกล่าวเพื่อให้เป็นการยกระดับความนิยมให้มากขึ้น และยังเป็นนโยบายของตัวบริษัทจัดการ
อย่างไรก็ตามหมู่บ้านมินิลู่หัวไม่ใช่บริษัทจัดการ ดังนั้นมันจึงไม่จําเป็นที่โจวหยูจะต้องทําตามของพวกนั้น และนั้นทําให้เขาสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายรวมไปถึงลดปัญหาที่ไม่จําเป็นได้มากมาย อย่างไรก็ตามมันก็ยังมีบางโอกาสที่สําคัญมากที่เขาเองจําเป็นต้องมีส่วนร่วมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นการประกวดไอดอลประจําปี พิธีมอบรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด – พิธีมอบรางวัลสตาร์ไลท์ และอื่นๆ
แม้ว่าความสําเร็จเล็กๆน้อยๆของมู่ลี่นั้นจะไม่เพียงพอที่จะชนะรางวัลใดๆในตอนนี้ แต่ในฐานะสมาชิกของพันธมิตรไอดอลแล้วเธอไม่มีทางเลือกมากนัก และเธอทําได้เพียงเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้เท่านั้น
เซี่ยฮวนตระหนักดีว่าโจวหยูไม่ใช่แฟนตัวยงของการทํากิจกรรมดังกล่าว แต่เขาก็ยังให้คําแนะนําว่า “นายไม่ต้องกังวลไป! แม้ว่ามันจะเป็นอะไรที่จําเป็น แต่มันก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานของเวลา ถ้านายไม่มีเวลาว่างหรือติดธุระที่สําคัญ นายก็ไม่ต้องเข้าร่วมก็ได้ ขอเพียงแค่นายส่งมู่ลี่ไปร่วงคนเดียวก็เพียงพอแล้ว “
ที่จริงแล้วการเข้าร่วมพิธีกรที่ยิ่งใหญ่ทุกประเภทของโลก ACG อาจเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจ บวกกับพิธีอย่างพิธีมอบรางวัลสตาร์ไลน์อาจจะมีการเชิญผู้กํากับระดับ S มาเข้าร่วม หรือแม้กระทั้งนักเขียนบทมืออาชีพระดับตํานานมาเช่นกัน ด้วยผู้คนจํานานมากแบบนั้นมันก็ถือเป็นโอกาสอันดีเช่นกัน
ตามปกติแล้วพนักงานในสํานักงานพันธมิตรไอดอลจะแจ้งเวลาของกิจกรรมขนาดใหญ่ต่างๆ และถือว่าเป็นโชคดีที่เหตุการณ์เหล่านั้นมักจะไม่ถูกจัดในช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการยากที่จะหาเวลาว่างไปเข้าร่วม
ในแง่ของส่วนที่เหลือมันไม่มีปัญหาอะไรที่สําหรับมากนัก งานประจําวันของพันธมิตรไอดอลเองก็เป็นอะไรที่ง่ายมากๆ มันเป็นแค่ภารกิจการฝึกอบรมรายวันที่หลากหลายเพื่อหลีกเลี่ยงการลดลงของคุณมาตรฐานของไอดอลเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้มันก็ได้ช่วยโจวหยูพอดี ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คัดค้านอะไรที่จะส่งมู่ลี่ไปฝึกอบรบทุกวัน
เมื่อโจวหยูกําลังตรวจสอบภารกิจประจําวันของวันนี้ที่สํานักงานพันธมิตรไอดอลอยู่นั้น หิ่งห้อยตัวน้อยก็ได้รีบวิ่งเข้าหาเขาที่ด้านหลังของเขาพร้อมกับสีหน้าเป็นกังวลอย่างมาก
ในขณะเดียวกันระหว่างที่เธอวิ่งมานั้น เธอก็ตะโกนว่า “พ่อ! มีอะไรบางอย่างที่เลวร้าย เกิดขึ้น! น้องชายตัวน้อยของฉันได้กลายเป็นเหมือนคนบ้า! พวกนั้นพยายามโจมตีฉันด้วยเมื่อกี้!”
“น้องชายที่ไม่ดีสองคน?”
โจวหยูงงงวยเมื่อได้ฟังอย่างนั้น เพราะหิ่งห้อยเป็นลูกคนที่สามของเขาและเธอมีน้องสาว คนเล็กเพียงคนเดียว ดังนั้นมันตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เธอมีน้องชาย?
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่าเธอหมายถึงอะไร อาจจะเป็นต้นไม้ปริศนาต้นนั้นก็ได้ที่ออกผล ก่อนหน้านี้เขาได้ขอให้ลุงกวนเออร์ให้ความสนใจมันเป็นพิเศษ ตราบใดที่มันต้องการแร่อะไรเพิ่มก็จัดหาให้ทั้งหมด ดังนั้นน้องชายที่หิงห้อยพูดถึงนั้นอาจจะเกิดมาจักต้นไม้ปริศนา
แต่นั่นเป็นเพียงดอกไม้ต้นเดียว ส่วนต้นไม้อย่างต้นล่วงหล่นนั้นเขายังไม่พบตาน้ําตกที่มันต้องการ แล้วทําไมในตอนนี้หิงห้อยถึงพูดว่าน้องชายทั้งสองกัน?
เมื่อไม่สามารถหาคําตอบได้ เขาจึงได้รีบกลับบ้านอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะเห็นว่าในตู้ทําความเย็นนั้นยังมีต้นไม้อยู่อย่างเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่กลับกันต้นไม้ที่อยู่บนระเบียงได้ บานสะพรั่งอย่างยอดเยี่ยมไปแล้ว และไม่ไกลจากตรงนั้นมากนักได้มีหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างแปลกประหลาดที่สูงครึ่งเมตรอยู่ หากใครต้องการที่จะเข้าใกล้มัน มันก็จะตอบสนองอย่างรุนแรงทันที เช่นสัตว์ร้ายที่บากเจ็บ
“เด็กน้อยผู้น่าสงสาร” พวกเขาไม่ได้เห็นพ่อแม่” เมื่อเกิดมาก คนแรกที่พวกเขาเห็นคือผู้หญิงอย่างนิ่งห้อย จากนั้นเธอต้องการที่จะแสดงให้เห็นถึงอํานาจอันน่าสะพรึงกลัวของพี่สาวที่ตัวเองมี ทันใดนั้นผลที่ตามมาก็คือเกิดการต่อสู้ที่น่ากลัวเกิดขึ้น และระหว่างการต่อสู้กันนั้นคนที่เสียเปรียบคือตัวเธอ ดังนั้นเมื่อเห็นว่าตัวเองไม่สามารถทําอะไรน้องทั้งสองที่พึ่งเกิดมาได้ เธอจึงรีบไปฟ้องพ่อของเธอให้มาจัดการแทน
“ เออ! ทําไมถึงเห็นแค่คนเดียวละ? แล้วไหนอีกคน?”
อันที่จริงโจวหยูคิดว่าเด็กอีกคนอาจจะหนีไปแล้วก็ได้ แต่เมื่อคิดตามตะกละในโลกของ ACG แล้วมันไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เขาก็ยังไม่สามารถตัดสมมติฐานนี้ไปได้เช่นกัน
ดวงตาของหิ่งห้อยได้สว่างขึ้นและตอบทันทีว่า “นี่ชายชรา! พวกเขาก็ตรงหน้านั้นไง! ก่อนหน้านี้ลุงกวนเออร์บอกฉันว่าน้องชายของฉันกําลังจะเกิดในไม่ช้า ดังนั้นฉันจึงได้มารอดู น้องชายคนหนึ่งธรรมดามากและตัวเล็กมาก อีกคนหนึ่งนั้นใหญ่และโง่มาก แต่พวกเขาสามารถเปลี่ยนร่างตัวเองได้ พวกน้องเป็นเหมือนหุ่นยนตร์ที่เห็นในภาพยนตร์เลย ”
โอ้! ที่แท้พวกเขาก็เป็นฝาแฝดนี้เอง! ไม่น่าแปลกใจที่ก่อนเกิดจะกินอาหารไปมากขนาดนั้น ที่แท้ในดอกตูมนั้นก็มีเด็กถึงสองคนอยู่ข้างใน
ในปัจจุบันเด็กๆได้ซ่อนตัวอยู่ในท้องของหุ่นยนต์สูงครึ่งเมตรที่เห็น หลังจากถูกหิงห้อยทําให้หวาดกลัวก่อนหน้านี้ พวกเขาก็เริ่มที่จะสงบลงได้เล็กน้อย
โจวหยูได้ตบหลังมือของหิ่งห้อยเบาๆเพื่อเป็นการลงโทษสําหรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเธอ จากนั้นเขาก็พยายามที่จะเรียกลูกทั้งสองของเขาให้ออกมา
บางทีมันอาจเป็นกลิ่นของโจวหยูที่ทําให้เด็กน้อยทั้งสองรู้สึกผ่อนคลาย หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งหุ่นยนต์ก็หยุดตอบโต้อย่างรุนแรง จากนั้นก็เกิดเสียงเชิงกลหลายชุดขึ้น ก่อนที่เด็กๆทั้งสองจะกลับสู่รูปลักษณ์เดิม การได้ดมฝ่ามือของโจวหยูสองสามครั้งในที่สุดพวกเขาก็จําได้ว่าโจวหยูเป็นพ่อของพวกเขา
ตลอดเวลาที่พวกเขาเป็นเมล็ดอยู่นั้น พวกเขาก็สามารถรับรู้ได้จากกลิ่นที่ติดบนเมล็ดว่าโจวหยูนั้นเป็นพ่อของตัวเอง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายอย่างมากที่จะยืนยันว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
ลูกชายที่มีลักษณะเหมือนหนูแฮมสเตอร์ชื่อว่า กาก้า เขานี้มีขนาดเล็กมากเพียงประมาณ 10 เซนติเมตรสั้นกว่าคนปกติของโลก ACG แต่เขาเป็นพี่ชายของฝาแฝด เขาฉลาดและพูดเก่งมากเหมือนกับกระรอกบูบูและชอบเล่นแผลงๆเช่นกัน
ลูกชายอีกคนมีลักษณะเหมือนหมีแพนด้าชื่อว่า เบ็นเบ็น อันนี้สูงประมาณ20 เซนติเมตร เด็กคนนี้เป็นคนที่ซื่อตรงของแท้และยังไม่ชอบพูดคุยเท่าไหร่นัก อาจจะพูดได้ว่าเขาตรงกันข้ามกับพี่ชายทุกด้าน และสิ่งที่แปลกอีกอย่างของเบ็นเท็นก็คือชุดที่เขาสวมใส่นั้นทําจากโลหะที่ไม่รู้จัก มันได้เปล่งประกายตลอดเวลา ดูแล้วมันเหมือนชุดเกราะมากกว่าชุดใส่ตามปกติ
“เอาละ! เบ็นเบ็น กาก้า พวกลูกมีความสามารถอะไรอีก? แล้วพวกลูกต้องการอะไรอีกไหม?
เพราะก่อนหน้านี้เขาได้ตลอดสอบข้อมูลของเด็กทั้งสองแล้ว แต่มันก็ปรากฏเครื่อง หมาย ??? ตลอดเวลานั้นจึงมีทางเดียวที่ทําได้นั้นก็คือการถามจากพวกเขาโดยตรง
เบ็นเบ็นไม่พูดอะไรเหมือนเดิม แต่เป็นพี่ชายอย่างกาก้าที่พูดแทนว่า ” พวกเราเป็นเชฟครับ ทั้งผมและน้องชายต่างก็เป็นพ่อครัวที่ดีมาก ถ้าได้รับการฝึกฝนละก็รับรองได้ว่าพวกเราต้องเป็นเชฟที่เก่งที่สุดในโลกได้อย่างแน่นอน”
“เชฟสองคน?
การมีพ่อครัวเป็นสิ่งที่ดี ในอนาคตหมู่บ้านมินิลู่หัวก็ได้มีพ่อครัวเป็นของตนเองเพื่อเตรียมอาหารในงานปาร์ตี้เสียที แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าด้วยรูปร่างของทั้งคู่จะทําอาหารได้ยังไง?
เมื่อได้เห็นการแสดงออกของผู้เป็นพ่อ กาก้าก็ได้พูดขึ้นว่าขอให้เตรียมพวกวัตถุดิบมาให้พร้อม เขาและน้องชายจะสาธิตการทําอาหารของพวกเขาให้ดู
เมื่อคําพูดของกาก้าจบลง โจวหยูก็เห็นว่าเป็นเป็นได้เริ่มปล่อยไอน้ําออกมาเหมือนเครื่องจักรไอน้ํา ก่อนที่จะเปลี่ยนรูปร่างของตัวเอง หลังจากเกิดเสียงเชิงกลหลายชุดดังขึ้นมา เขาก็ได้กลายเป็นตู้ครัวเคลื่อนที่ซึ่งมีอุปกรณ์ทําอาหารหลายชนิด
“พระเจ้า! นี้มันทรานฟอร์เมอร์ชัดๆ!”
จากนั้นก็ถึงเวลาสําหรับการแสดงการทําอาหาร พี่น้องทั้งสองได้แสดงถึงความร่วมมือกันอย่างดี ใช้เวลาไม่นานก่อนที่อาหารพวกผัดและทอดจะถูกนําออกมาเสิร์ฟตรงหน้าโจวหยู
แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ว่ารสชาติอาหารเป็นอย่างไง แต่การได้เห็นวิธีการทําอาหารของทั้งคู่มันก็เพียงพอแล้วที่จะมีความสุข มันเป็นเรื่องอยากมากที่จะได้เห็นอะไรแบบนี้ในช่วงเวลานี้