The Rise of Otaku - ตอนที่ 133
บทที่ 133 การแต่งงานและรายการบันเทิง
เจ้านายอย่างโจวหยู่เป็นอะไรที่แปลกมาก อาจจะพูดได้ว่าเป็นเจ้านายที่ไม่มีเคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ เขานั้นมีความเป็นกันเองกับพนักงานทุกระดับชั้น เขามักจะพูดกับตัวเองบ่อยในระหว่างวัน หรือแม้แต่สร้างสิ่งของขึ้นมาเป็นบางครั้ง
ในครั้งนี้เขาได้ขังตัวเองเอาไว้ในสตูดิโอพร้อมกับสร้างโมเดลขึ้นมา และในครั้งนี้แม้แต่ลูกศิษย์ของอย่างอู่หยุนเองก็ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในนั้นอย่างเด็ดขาด ซึ่งนั้นทําให้ตัวของเธอทําได้เพียงวนอยู่ด้านนอกประตูเท่านั้น
ราชาแห่งอินดี้เป็นอีกชื่อหนึ่งของเจ้านายที่พนักงานทั้งสวนสนุกตั้งให้
วันนี้เจ้านายได้ทําตัวแปลกๆอีกครั้ง เขาได้เริ่มตกแต่งโต๊ะเพื่อจัดงานอะไรบางอย่าง
ในฐานะที่เป็นการเฉลิมฉลองงานแต่งงานครั้งแรกของหมู่บ้านมินิลู่หัว และมันยังถือว่าเป็นการแต่งงานที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย ด้วยจํานวนคนที่เข้าพิธีในครั้งนี้มีถึง 15 คู่ ดังนั้นสถานที่จัดงานนี้จึงเต็มไปด้วยสีสันมากมาย และยังมีการจัดงานแบบประเพณีของตะวันออกและตะวันตกผสมกันที่เป็นแบบนั้นเพราะมีเกษตรกรต่างชาติ 5 คนในฟาร์ม
เจ้าภาพของงานแต่งงานเองก็เป็นใครไปไม่ได้ นอกจากผู้อาวุโสที่สุดในหมู่บ้านนั้นคือราชามังกรเฒ่า หมู่บ้านมินิลู่หัวไม่ได้จัดพิธีแต่งงานมานานแล้ว ดังนั้นในช่วงสองสามวันมานี้ราชามังกรเฒ่าจึงมีความสุขมาก ถึงแม้ว่าเขาจะยุ่งอยู่ทุกหนทุกแห่ง สั่งให้คนอื่นประดับสถานที่หรือการแก้ไขสิ่งต่าง แต่ทุกคนต่างก็สังเกตเห็นได้ว่าใบหน้าของอีกฝ่ายประดับไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา
หลังจากที่สถานที่ถูกจัดเสร็จแล้วนั้น มันก็ได้กลายเป็นสถานที่แต่งงานที่สวยงามเห มือนฝันมันอาจอธิบายได้อีกอย่างว่าเป็นงานแต่งงานสไตล์เทพนิยายที่จัดแสดงให้เห็นถึงประเพณีดั้งเดิมและทันสมัย ในชุดแต่งงานสไตล์จีนสีแดงสดและชุดแต่งงานสไตล์ตะวันตกสีขาวบริสุทธิ์คู่แต่งงานใหม่ทั้งสิบห้าคู่ที่นําโดยราชามังกรเฒ่า พิธีกรได้กล่าวถึงขั้นตอนต่างๆและจบพิธีบูชาในวิ หารแห่งสวรรค์ที่สร้างขึ้นชั่วคราว
กาก้าและเย็นเป็นเองก็มีส่วนร่วมในงานนี้เช่นกัน พวกเขาทั้งสองกําลังเล่นดนตรีอย่างเป็นเรื่องเป็นราวอยู่ในระหว่างนี้ มันไม่ใช่เพลงเร็วหรือเพลงฮิป – ป๊อปที่พวกเขาชอบ แต่มันเป็นเพลงช้าและแสดงให้เห็นถึงความสุขตลอดเวลา
หลังจากพูดคําสวดอ้อนวอนที่ไม่สามารถเข้าใจได้จบลง ราชามังกรเฒ่าก็ขว้างผ้าไหมสีขาวพร้อมชื่อของคู่แต่งงานสิบห้าคู่บ่าวสาวเข้ามาในเตาอั้งโล่ที่จัดเอาไว้ ก่อนที่จะมีควันค่อยๆลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า และนั้นมันเป็นสัญญาณว่าข้อความของการแต่งงานของคู่แต่งงานใหม่ได้ถูกส่งไปยังพระเจ้าเป็นที่เรียบร้อย และนี้ยังแสดงให้เห็นอีกว่าคู่แต่งงานนั้นได้เป็นคู่สามีภรรยากันอย่างถูกต้อง
เมื่อพิธีการได้สิ้นสุดลง มันก็ถึงเวลาของงานเลี้ยงในที่สุด และคู่ฝาแฝดเองก็ได้ถูกปลดปล่อยจากสถานการณ์หน้าอึดอัดก่อนหน้านี้เช่นกัน พวกเขาได้เริ่มเล่นเพลงที่ร่าเริงทันทีจากนั้นก็ร้องเพลงและเต้นรําพร้อมกับ แน่นอนว่านักร้องนํานั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากมู่ลี่พี่สาวของพวกเขาส่วนทีน่า แม่มดสีขาว และหิงห้อย ต่างก็ได้ถูกจัดหน้าที่เป็นพนักเสิร์ฟอาหารในครั้งนี้ พวกเธอต่างก็วิ่งวุ่นไปมาเพื่อส่งจานอาหารไปยังโต๊ะต่างๆ
เมื่อถึงช่วงเวลานี้ทุกคนต่างก็ได้เพลิดเพลินกับอาหารและหัวเราะอย่างมีความสุข
เพราะขนาดของร่างกายที่แตกต่างกันมากเกินไป ทําให้โจวหยูนั้นไม่สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ได้เขาจึงทําเพียงถ่ายภาพเหตุการณ์นี้เก็บเอาไว้โดยกล้องข้ามิติ
หลังจากที่เขาได้ดูวิดีโอทั้งหมดตั้งแต่ต้น เขารู้สึกว่าเหตุการณ์นี้มันถือว่าเป็นคอนเทนต์ที่น่าสนใจมากอันหนึ่งเลยที่เดียว
เนื่องจากโจวหยได้ใช้กล้องถ่ายภาพยนตร์และล็อคตัวเองในสตูดิโอ มันจึงทําให้โจวฟูคิดว่าอีกฝ่ายกําลังวางแผนที่จะสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ขึ้นมา ดังนั้นเมื่อเขารู้เรื่องนี้เขาจึงรีบไปที่สตูดิโอและรออยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน จนกระทั่งโจวหยูถ่ายทําเสร็จแล้วเขาจึงรีบวิ่งเข้าไปถามเรื่องที่ เกิดขึ้น ” เธอกําลังถ่ายทําภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องใหม่อยู่เหรอ?”
ต้องบอกว่ากําไรที่ได้จากการเปิดสวนสนุกตลอดทั้งปีนั้นไม่อาจจะเทียบได้กับผลกําไรของภาพยนตร์เรื่องใดเรื่องหนึ่งที่โจวหยุได้ปล่อยออกไป ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เมื่อโจวฟูได้ยินการกระทําแปลกๆแล้วจะต้องรีบเข้ามาสอบถามด้วยความตื่นเต้น
“ หนังเรื่องใหม่อะไร? ผมแค่ถ่ายเล่นๆเท่านั้นเอง มันไม่ใช่อย่างที่ลุงคิดหรอก! อ้อ! อ๋หยุน!โมเดลบนโต๊ะนั้นฉันยกให้เธอเลยนะ เธอจะจัดการมันยังไงก็ขึ้นอยู่กับเธอ”
ทันทีที่โจวหยูพูดจบลงลูกศิษย์อย่างอู๋หยุนที่รออยู่ข้างนอกมาพักหนึ่งก็ส่งเสียงเชียร์ดังๆออกมาก่อนที่เธอจะรีบวิ่งเข้าไปในสตูดิโอทันทีดวงตาทั้งสองข้างของเธอเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นเมื่อเธอมองดูผลงานล่าสุดของอาจารย์ของเธอ
โจวฟูถึงกับพูดไม่ออก เห็นได้ชัดว่าเจ้าคนตรงหน้านั้นมีความสามารถที่จะทํามัน แต่เขากับเป็นคนที่ขี้เกรียดมากเช่นกัน หรือจะพูดง่ายๆก็ถ้ามันไม่ใช้เรื่องที่อีกฝ่ายสนใจ ถึงจะโยนเงินให้มากเท่าไหร่เขาก็ไม่ทํามันมี
“ เออ! มันยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันต้องพูดกับเธอ! คือมีรายการวาไรตี้สําหรับครับครัวที่ชื่อว่าพ่อแม่และลูกต้องการเข้าร่วมโครงการเมืองล่าขุมทรัพย์มังกรของเรา ฉันเลยคิดว่ามันเป็นโอกาสดีที่เราจะใช้มันในการประชาสัมพันธ์ ถ้าเธอเห็นด้วยกับเรื่องนี้พวกเขาจะมาที่นี่ในฤดูร้อนนี้เออ.เธอก็รู้ว่าเราใช้เงินไปเยอะมากในโครงการนี้ ดังนั้นถ้าเราสามารถประหยัดอะไรได้ฉันก็คิดว่าเราก็ควรจะประหยัดมันเอาไว้กัน”
ปรากฏว่าเพราะชื่อเสียงของสตูดิโอสตาร์ไลน์และสตูดิโอฉินโจว ทําให้คลิปวิดีโอ โปรโมตก่อนหน้านี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากดังนั้นนอกเหนือจากนักข่าวที่ต้องการสัมภาษณ์แล้วยังมีรายการโทรทัศน์บางรายการที่ต้องการเช่าพื้นที่เพื่อถ่ายทํารายการเช่นกัน
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวและทีมงานโทรทัศน์ทั้งหมดต่างก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่สวนสนุกแห่ง นี้ตามใจชอบ ยกเว้นแต่จะได้รับการอนุญาตจากโจวหยู ถึงแม้ว่าการบริหารงานทั้งหมดของสวนสนุกแห่งนี้จะทําโดยโจวฟู แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีอํานาจตัดสินใจขั้นเด็ดขาดอยู่ดีดังนั้นทุกครั้งที่จะตัด สินใจอะไรจึงจําเป็นต้องได้รับการเห็นชอบจากโจวหยูก่อน
จากมุมมองของธุรกิจแล้วโครงการเมืองล่าขุมทรัพย์นั้นมีราคาแพงมากและหากพวกเขาสามารถทํางานร่วมกับสถานีโทรทัศน์ได้ พวกเขาจะกลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามโจวหยูไม่ชอบวิธีการนี้เพราะหลังจากที่ทั้งสองอนิเมชั่นได้โด่งดังแล้ว พวกสื่อต่างๆพยายามเข้ามาขอสัมภาษณ์เขาเป็นจํานวนมาก และเขาได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการสร้างกําแพงสูงรอบสวนสนุกเพื่อป้องกันพวกเขาออกไป ด้วยเหตุนี้แล้วทําไมเขาต้องให้พวกนั้นเข้ามาหาเขาอีกกัน?
อย่างไรก็ตามโจวฟูเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับความร่วมมือนี้ แม้ว่าสวนสนุกนี้จะไม่ได้ทําเงินมากในขณะนี้ แต่มันก็มีศักยภาพมากมาย เนื่องจากชื่อเสียงของสตูดิโอของทั้งสองได้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และมันมีความเป็นไปได้มากว่าในอนาคตจะมีภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องใหม่เกิดขึ้นมาดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายอย่างมากที่จะพัฒนาให้สวนสนุกแห่งนี้กลายเป็นสวนสนุกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงวิสัยทัศน์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตหรืออาจเป็นเพียงความฝันเท่านั้น
เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์นี้ โจวฟูได้พยายามอย่างหนักที่จะเกลี้ยกล่อมโจวหยูให้ร่วมมือในครั้งนี้เขาถึงกับให้สัญญามากมาย ยกตัวอย่างเช่น เขาจะจํากัดกิจกรรมของทีมงามทั้งหมดเอาไว้ในเมืองล่าขุมทรัพย์มังกรและจะไม่ยอมให้ลูกทีมออกมารบกวนชีวิตประจําวันของโจวหยูอย่างเด็ดขาดแน่นอนว่าถ้าโจวหยูเต็มใจที่จะเข้าร่วมในครั้งนี้มันจะเป็นอะไรที่ดีเป็นอย่างมาก
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้โจวฟูก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงการสนทนาเมื่อเร็วๆนี้กับผู้ผลิตรายการโทรทัศน์
จริงๆแล้วมันค่อนข้างเป็นอะไรที่เข้าใจได้ง่าย เพราะทุกคนในอุตสาหกรรมสื่อต่างก็รู้เรื่องของสตูดิโอทั้งสองเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้พวกเขาต่างก็ไม่มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมนอกจากชื่อของทีมงานทั้งสอง ดังนั้นหากว่ารายการของเขาเป็นเจ้าแรกที่ได้รู้ข้อมูลพวกนี้มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่ยอดเรตติ้งของรายการจะเพิ่มขึ้น
แต่มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถแม้แต่จะเข้าไปในเมืองล่าขุมทรัพย์มังกรเพื่อถ่ายทํารายการได้ ขนาดเจ้าของสวนสนุกอย่างโจวหยูเขายังไม่เห็นแม้แต่เงา
โจวฟูยังจําใบหน้าของผู้ผลิตได้ว่ามันอึมครึมมากขนาดไหนเมื่อเขาบอกอีกฝ่ายเกี่ยวกับเรื่องกฎของสวนสนุกแห่งนี้ รายการนี้ไม่ใช้รายการเล็กๆที่ไม่มีใครรู้จัก แต่มันเป็นรายการที่ผู้จัดการสวนสนุกจํานวนมากต่างก็ต้องการเชิญให้พวกเขาเข้าไปทํารายการ ถึงกับมีการเสนอเงินจํานวนมากเพื่อเชิญพวกเขาเลยที่เดียว
เมื่อเห็นสีหน้าของผู้ผลิตรายการเป็นแบบนั้น โจวฟูก็รีบอธิบายว่า “ แน่นอนว่าผมดีใจที่คุณสนใจที่จะจัดทําโปรแกรมพิเศษในสวนสนุกของเรา แต่คุณต้องรู้ว่าหัวหน้าของเรานั้นไม่ชอบปรากฏตัวต่อหน้าสื่อจริงๆ มันไม่มีเหตุผลอะไรไปมากกว่านี้ ถ้าคุณไม่เชื่อคุณสามารถมองไปยังมุมนั้นได้ใช้แล้วตรงนั้นนั้นแหละ! คุณเห็นไหมว่าพื้นที่ตรงนั้นต่างก็เต็มไปด้วยพวกนักข่าวที่ต้องการสัมภาษณ์เขาทั้งนั้น แต่จนถึงตอนนี้พวกนั้นก็ยังไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของหัวหน้าเลย”
หลังจากจบคําอธิบายนี้ของโจวฟู เขาก็ได้ขอตัวไปปรึกษาเรื่องนี้กับโจวหยูก่อนที่จะให้เขาตอบอีกฝ่าย การขอให้โจวหยูเห็นด้วยการให้ทีมงานนี้เข้ามาในสวนสนุกนั้นคงทําได้เพียงต้องพึ่งปาฏิหาริย์เท่านั้น