The Rise of Otaku - ตอนที่ 134
บทที่ 134 การเรียนรู้และทักษะการใช้มีด
โครงการเมืองล่าขุมทรัพย์เริ่มก่อสร้างอย่างเป็นทางการหลังเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ บุคคลสําคัญจากสํานักวัฒนธรรมในตัวจังหวัดต่างก็มาที่อาจจะเพราะมันเกี่ยวข้องกับสตูดิโอทั้งสองที่กําลังเป็ นกระแสร้อนแรงในตอนนี้ท้ายที่สุดแล้วโจวหยูผู้ซึ่งเป็นตัวแทนหลักของสตูดิโอทั้งสองต่างก็อาศัยอยู่ในเมืองของพวกเขา และตอนนี้เขาได้กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมแอนิเมชั่นไปแล้วตามธรรมชาติแล้วพวกเขาจําเป็นต้องการที่จะช่วยอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตามเหตุผลหลักจริงๆที่คนจากรัฐบาลมายังที่นี้ก็คือการลงทุนรวมของสวนสนุกเล็กๆนี้ได้มีมูลค่าเกิน 10 ล้านหยวนไปแล้ว และในอนาคตอันใกล้นี้ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของอย่างโจวหยูนั้นจะมีการลงทุนเพิ่มเติมหรือไม่?
แต่เดิมคนจากรัฐบาลเมืองต่างก็คิดว่าโครงการสวนสนุกแห่งนี้มันเป็นเพียงโครงการเล็กๆตามหมู่บ้านเล็กๆเท่านั้น มันคงมีการลงทุนรวมไม่เกินหนึ่งล้านหยวนอย่างแน่นอน อย่างมากที่สุดมันก็คงเป็นการเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มให้กับตัวจังหวัดอีกแห่งเท่านั้น อย่างไรก็ตามในเวลาน้อยกว่าครึ่งปีสวนสนุกแห่งนี้ได้มีการลงทุนรวมเพิ่มขึ้นถึงสิบล้านหยวนและจากอัตรานี้มีความเป็นไปได้มากที่ในอนาคตจะมีการลงทุนเพิ่มสูงถึงร้อยล้านหยวน
ซึ่งด้วยอัตราการเติบโตแบบนี้มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก
โลกของธุรกิจมีหมาปาหิวโซอยู่เสมอและยิ่งธุรกิจมีขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ฝูงหมาปาก็จะยิ่งมารวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องลําบากเป็นอย่างมากในการจัดการกับพวกมันดังนั้นโจวหยูจึงได้อนุญาตให้โจวฟูเข้าร่วมและรับผิดชอบในการดําเนินธุรกิจนี้ ไม่งั้นมีความเป็นไปได้มากที่เรื่องพวกนี้จะมาสร้างความน่ารําคาญให้กับเขาไม่จบไม่สิ้น
การซื้อที่ดินและการพัฒนานั้นเป็นเรื่องปกติที่จะมีข้อพิพาทมากมายเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเด็นของรัฐบาลเมืองหรือบริษัทเอกชนหรือปัญหาอื่นๆ พวกมันไม่ใช่สิ่งที่โจวหยูต้องการสัมผัส
แต่ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าลุงฟูทํางานในเรื่องพวกนี้ได้ดีเป็นอย่างมาก เขาได้ใช้ชื่อเสียงและอิทธิพลที่มีติดต่อไปยังคนรู้จักจํานวนมากและทําให้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นมาได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที
ดังนั้นโจวหยูจึงได้ฟังคําพูดของโจวฟูมากขึ้นเล็กน้อยจากก่อนหน้านี้
ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายเคยพูดถึงความร่วมมือครั้งใหม่กับสถานีสื่อบางเจ้า ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีอย่างแน่นอนสําหรับสวนสนุกในตอนนี้ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ลุงฟูหวังว่าเขาจะสามารถยกเลิกการห้ามเข้าและอนุญาตให้ทีมงามของสื่อพวกนั้นเข้ามาได้ ถึงแม้ว่าลุงฟูจะได้สัญญาว่าทีมงามเหล่านั้นจะอยู่แต่ในเมืองล่าขุมทรัพย์เท่านั้น แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันจะไม่ง่ายอย่างที่อีกฝ่ายได้พูดเอาไว้
โจวหยูพูดอย่างเป็นกลางว่าเขาไม่สามารถที่จะยกเลิกข้อห้ามก่อนหน้านี้ได้ เพราะถ้าเกิดเขาทําแบบนั้นในครั้งนี้ในครั้งหน้ามันก็คงจะมีเรื่องแบบเดียวกันเกิดขึ้นอีก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการจะเจอ
อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่าไม่ควรจะเคร่งกับกฎเกิดไป โดยเฉพาะเมื่อลุงฟูนั้นได้ช่วยเหลือเขาด้วยดีมาโดยตลอด และการที่เขาพยายามปฏิเสธเรื่องนี้ต่อหน้าอีกฝ่ายตลอดเวลามันก็เป็นเหมือนเด็กๆเท่านั้น
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่งโจวหยูก็คิดว่าเขาจะยอมผ่อนปนเรื่องนี้ลงเล็กน้อย แต่นี้จะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย แต่เขาไม่สามารถตอบตกลงกับอีกฝ่ายเร็วเกินไป ไม่อย่างนั้นมันจะดูว่าเขายอมให้มากเกินไป ดังนั้นหลังจากไปสองสามวันเขาก็ได้ตอบตกลงเกี่ยวกับเรื่องที่ลุงฟูต้องการ
ด้วยความยินดีกับการตอบสนองครั้งนี้ โจวฟูได้เตรียมตัวที่จะออกเดินทางพบผู้อํานวยการสร้างเพื่อบรรลุข้อตกลงความร่วมมือกันทันที และเขาต้องการให้มั่นใจว่าโครงการเมืองล่าขุมทรัพย์มังกรแห่งนี้นั้นจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สําคัญของจัวหวัด แต่ในระหว่างนั้นเอง หัวหน้าพ่อครัวอ้วนลี่ก็ได้วิ่งเข้ามาขวางด้วยใบหน้าสุดเศร้า
“มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกัน? แล้วทําไมหน้าของแกถึงดูเศร้าแบบนั้น? หรือว่าภรรยาของแกจะรู้งี้ใส่แกอีกแล้ว?”
พี่ครัวลี่เป็นญาติห่างๆของโจวฟู ดังนั้นจึงไม่ใช้เรื่องแปลกที่เขาจะพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ําเสียงที่ดูเป็นกันเองมากกว่าน้ําเสียงที่หัวหน้าใช้กับลูกน้อง
“พี่ฟู! มันไม่ใช้เรื่องนั้น…ที่จริงมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้านายน้อยของเรา คือผมอยากจะให้พี่ฟูไปพูดให้เจ้านายน้อยหยุดทําสิ่งที่เขาทําตอนนี้อยู่ เพราะในตอนนี้ลูกน้องของผมต่างก็เครียดไปหมดแล้ว”
เมื่อเร็วๆนี้โจวฟูได้ออกไปจัดการธุรกิจบ่อยครั้งมากเกินไป ดังนั้นจึงเป็นไม่ใช้เรื่องแปลกอะไรที่เขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นหลัวจากที่เขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากปากของญาติห่างๆคนนี้มันก็เหมือนมีสายฟ้าฟาดลงมาตรงหน้าของเขาอย่างจัง เห็นได้ชัดว่าการกระทําแบบนี้ของโจวหยูนั้นแปลกเกินไป มันจึงช่วยไม่ได้ที่พนักงานคนอื่นๆจะรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างมากตลอดเวลาทํางาน
“นายกําลังจะบอกว่า เจ้านายหยุได้ไปที่ห้องครัวทุกวัน?! แล้วเรื่องนี้มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อ ไหร่?”
“ ตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วครับ แต่เดิมผมคิดว่าเขาคงจะเล่นไปรอบๆเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้านายน้อยเขาจะกระทําอย่างจริงจัง เขาได้มาที่ห้องครัวนี้ติดต่อกันถึง 5 วันแล้ว พี่ชาย! พี่ต้องช่วยฉันนะ!ผมสาบานกับพระเจ้าเลยว่าผมไม่ได้ทําสิ่งใดที่ไม่ซื่อสัตย์ ผมไม่เคยทําอะไรที่ผิดต่อกฎของสวนสนุกจริงๆ ดังนั้นพี่ช่วยไปพูดกับเจ้านายให้เลิกจับผิดพวกผมได้ไหม?”
ดังนั้นนี่คือเหตุผลที่แท้จริงว่าทําไมอ้วนลี่จึงมาขอร้องแบบนี้ อย่างไรก็ตามโจวฟูไม่ได้คิดแบบเดียวกัน เพราะเขาเป็นคนที่ใกล้ชิดกับโจวหยูมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงรู้จักนิสัยและความร่ํารวยที่อีกฝ่ายมี ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่อีกฝ่ายจะเข้าครัวไปเพื่อจับผิดลูกน้อง แม้ว่าเขาจะต้องการทํา แบบนั้นจริงๆ เขาก็คงจะใช้คนอื่นไปทํามากกว่าที่ตัวเองจะลงมือทําด้วยตัวเอง
” และตอนนี้เจ้านายเราอยู่ไหน??”
“ ครับ! ตอนนี้เจ้านายน้อยน่าจะอยู่ในครัวแล้ว เขามาตรงเวลาเสมอและเขายังอยู่ในครัวตลอดทั้งเช้าอีกด้วยเพราะเรื่องนี้ทําให้พนักงานต่างก็ไม่สามารถทนกับเรื่องกดดันได้อีกต่อไป”
ชีวิตในสวนสนุกนั้นดีมาก เงินเดือนและผลประโยชน์อื่นๆที่ได้รับเองก็สูงกว่าสถานที่รอบๆหมู่บ้านเช่นกัน แต่สิ่งสําคัญที่สุดคือสภาพแวดล้อมการทํางานที่ดี เนื่องจากพนักงานในสวนสนุกกับทิวทัศน์ที่สวยงามนี้เองทําให้การทํางานของพวกเขาเต็มไปด้วยความสุขในทุกวัน ทุกคนในพื้นที่ต่างก็ล้วนต้องการทํางานในสวนสนุกแห่งนี้ แน่นอนว่าพนักงานที่เข้ามาแล้วก็ไม่ยอมออกไปง่ายๆเช่นกัน
เมื่อฟังสิ่งที่พ่อครัวลี่พูดทั้งหมด โจวฟูรู้สึกว่ามันต้องมีเหตุผลที่ทําให้โจวฟูทําตัวแบบนั้นดังนั้นโจวฟูจึงได้ตัดสินใจที่จะไม่เรียกโจวหยุมา แต่กลับกันเขาจะไปหาอีกฝ่ายแทน
อย่างไรก็ตามเหตุผลจริงๆของโจวหยูที่มาห้องครัวทุกวันก็คือ เขาต้องการฝึกทักษะการทําอาหารของเขานั้นเอง เพราะในตอนนี้เขามีวัตถุดิบจากโลก ACG ไม่มาก เขายังต้องเหลือวัตถุดิบพวกนี้ให้เพียงพอต่อความต้องการของคนในหมู่บ้านมินิลู่หัวด้วย ดังนั้นเพื่อเป็นการฝึกทักษะทําอาหารต่อไป เขาจึงเลือกที่จะใช้วัตถุดิบจากโลกแห่งความจริง
แต่เดิมเขาคิดว่าทักษะการทําอาหารนั้นเกี่ยวกับการทําอาหาร แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่างานแรกที่ลูกชายกาก้าได้มอบหมายให้เขาทําก็คือฝึกทักษะการใช้มีดของเขา ดังนั้นโจวหยูจึงเริ่มจากการนั่นผักตลอดทั้งเช้า
ทุกครั้งที่พนักงานครัวเริ่มเตรียมอาหารให้กับพนักงานของสวนสนุก โจวหยูก็จะปรากฏขึ้นต รงเวลาเสมอ จากนั้นเขาก็สวมใส่ชุดพ่อครัวทันทีและเริ่มนั่นผัก เป็นเป็นเองก็มักจะแปลงร่างเป็ นตัวเล่นเพลงและเปิดเพลงที่ฟังแล้วเป็นการให้กําลังใจออกมาส่วนกาก้านั้นจะตรงกันข้ามเขาชี้ ให้เห็นความผิดพลาดของเขาโดยตรง และมู่ลี่เองก็มักจะร้องเพลงเป็นครั้งคราวเพื่อเป็นกําลังใจให้
ในตอนแรกผู้คนในครัวยังคงรู้สึกว่าเรื่องนี้มันน่าสนใจมาก เพราะไม่มีใครเคยเห็นเจ้านายที่รวยร้นฟ้ามานั่งตัดผักให้กับพนักงานของเขาแบบนี้ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นทุกวันพนักงานจํานวนมากก็เริ่มรู้สึกว่างานที่พวกเขาทําอยู่เริ่มเป็นอะไรที่เครียดมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาทํางานอยู่นั้น พวกเขาก็มักจะรู้สึกว่าเจ้านายกําลังเฝ้าดูพวกเขาจากด้านหลัง
เมื่อพนักงานเริ่มพูดถึงเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ มันก็ทําให้สภาพแวดล้อมการทํางานเริ่มแย่ลง เพราะพวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าทําไมเข้านายถึงต้องทําแบบนี้ ตามปกติแล้วพวกเขาต่างก็เคารพกฏเสมอพวกเขาสามารถสาบานได้ว่าตั้งแต่ทํางานมานั้นพวกเขาไม่เคยที่จะคดโกงแต่อย่างใด
เมื่อโจวฟูมาถึงหน้าห้องครัว เขาก็สามารถเห็นเป้าหมายได้อย่างชัดเจน ด้วยการแต่งตัวที่เด่นอย่างชุดพ่อครัวสีขาวทั้งตัว มันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะแยกเขาออกมาจากพนักงานปกติ จากการสังเกตเป้าหมายระยะหนึ่ง โจวหยูรู้สึกว่าเจ้านายหยูนั้นไม่ได้มากจับผิดอะไร กลับกันเลยเขามาที่นี้เพื่อเรียนรู้การทําอาหารมากกว่า ดูได้จากที่บางครั้งอีกฝ่ายจะหยุดและสังเกตการตัดรวมไปลักษณะของผักเป็นครั้งคราวจากพนักงานอื่น หลังจากที่สังเกตพอแล้วเขาก็จะหันไปนั่นผักของตัวเองต่อ
“นี่คือเจ้าเด็กโจวหยูจริงๆเหรอ?
ตั้งแต่โจวหยูได้ย้ายกลับมาที่หมู่บ้านนี้ ความประทับใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขาทําเอาไว้คือ กายออกกําลังกายแบบแปลกๆและการชอบอยู่บ้านตลอดทั้งวัน นอกจากนั้นเขาก็ไม่มีอะไรหน้าประทับใจอีก ถึงแม้ว่าเขาจะมีความสามารถในด้านช่างไม้ แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพียงงานฉาบฉวยเท่านั้น ดังนั้นการที่ได้เห็นการกระทํานี้ของอีกฝ่ายด้วยตาของตัวเอง มันจึงเป็นอะไรที่แปลกเป็นอย่างมาก