The Rise of Otaku - ตอนที่ 153
บทที่ 153 ผู้ช่วย
โจวฟูรู้สึกแปลกใจมาก คุณคิดว่าคนแบบโจวหยูคืออะไร? ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนที่สามารถอยู่บ้านและไม่ออกไปนานกว่าหนึ่งปี แต่เมื่อเร็วๆนี้ความถี่ของเขาเรื่องการออกจากบ้านได้ถี่ขึ้นเป็นประวัติการณ์ มันแปลก จริงๆ นอกจากข่าวลือที่เขาได้ยินเมื่อเร็วๆนี้แล้ว เขารู้สึกว่าเขาจําเป็นต้องใช้เวลาในการคุยกับโจวหยูในเรื่องนี้ให้รู้เรื่อง
ดังนั้นในคืนนั้นโจวฟูได้พาคนอื่นไปที่บ้านของโจวหยูด้วย หลังจากเข้าประตูไปเขาก็ตรงไปที่ประเด็นหลักทันที เขาดึงคนที่เขานํามาใกล้เขาและพูดว่า เธอสามารถออกไปไหนก็ได้ แต่เธอต้องพาผู้หญิงคนนี้ไปกับเธอด้วย
โจวหยูที่ตามไม่ทันรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ก่อนที่เขาจะมองไปยังผู้หญิงตรงหน้าพร้อมกับสังเกต จนแน่ใจว่าเธอนั้นดูเหมือนเป็นเลขายังไงยังงั้น ต้องรู้ว่าตลอดมานั้นการดําเนินงานของสวนสนุกทั้งหมดต่างได้มอบหมายให้โจวฟูเป็นคนดูแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่จําเป็นต้องให้เขามีเลขา แต่นี่คืออะไร?
ชื่อของเธอคือหลินวานเธอเพิ่งจบการศึกษาจากวิทยาลัยและเธอเองก็กําลังทํางานในแผนกธุรการของสวนสนุกของเรา อย่ากังวลไป! ตราบใดที่เธออยู่ในสวนสนุกจะไม่มีใครติดตามเธอ แต่! แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอออกจากหมู่บ้านไป เธอจะต้องพาผู้หญิงคนนี้ไปด้วย
หลังจากการแนะนําของโจวฟู หลินวานก็เดินออกมาจับมือของโจวหยูและพูดสองสามคําในลักษณะที่เป็นธรรมชาติและให้ความรู้สึกผ่อนคลาย หลินวานเพิ่งทํางานให้กับงานสวนสนุกไม่นาน สิ่งที่เธอได้ยินมากที่สุดคือ ข่าวลือแปลกๆที่เกี่ยวกับเจ้านายคนนี้ และนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบอีกฝ่ายจริงๆ เพราะโดยปกติแล้วเจ้านายจะไม่ปรากฏตัวในที่ทํางานมากนัก
ทางด้านของโจวหยูเองก็รู้สึกสับสนมากในตอนนี้ เขาไม่เคยมีปัญหาใดๆที่ต้องจัดการ แล้วทําไมลุงฟูต้องหาเลขามาให้เขาด้วย?
มีบางอย่างที่คิดแล้วก็ไม่สามารถหาเหตุผลได้ และมันเป็นเรื่องที่ดีกว่าถ้าจะคุยเรื่องนี้กันตามลําพัง ดังนั้น โจวหยูจึงได้ส่งสัญญาให้ลุงฟูตามเขามา ก่อนที่พวกเขาทั้งคู่จะเข้าไปยังห้องทํางานของเขาเอง
ลุงฟู! นี่คืออะไร? ผมแค่ต้องออกจากหมู่บ้านไปสองวันเอง ผมรู้สึกว่ามันจะเป็นอะไรที่ไม่สะดวกเลยที่จะพาเลขาผู้หญิงไปด้วย
ตามปกติแล้วโจวหยไม่ต้องการให้ใครติดตามเขาไป ไม่เพียงแต่มันไม่สะดวกเท่านั้น แต่เขามีความรู้สึกว่ากิจกรรมที่จัดขึ้นโดยโลกACG นั้นต่างก็ถูกทําขึ้นมาเพื่อให้เขาได้เข้าร่วม แน่นอนว่าในสายของคนอื่นในโลกแห่งความจริง จะพบว่าการกระทําของเขานั้นเป็นอะไรที่ปัญญาอ่อนมาก หรือขึ้นที่ร้ายแรงที่สุดอาจจะมองว่ามันเป็นปัญหาด้านจิตได้ แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสําหรับจริงๆแล้วก็คือเขาไม่เคยออกไปเที่ยวกับผู้หญิงมาก่อน!
อย่างไรก็ตามโจวฟูไม่เดือดร้อนในเรื่องนี้ เขาทําเพียงพูดช้าๆว่า ในอดีต! ฉันยอมรับว่าตัวเองไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับตัวเธอมากนัก แต่เมื่อเร็วๆนี้กับเหตุการณ์ที่เธอได้มีส่วนร่วม มันทําให้ฉันนึกขึ้นได้ว่าตัวเธอสําคัญขนาดไหน ดังนั้นฉันหวังว่าเธอจะยอมฉันในเรื่องนี้?
หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็มองโจวหยูด้วยสีหน้าน่าจริงจังมาก แน่นอนว่าสีหน้าของโจวหยูเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เดิมเขาดูเหมือนคนขี้ขลาดและเรียบง่าย แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะกล้าที่จะออกไปช่วยเหลือผู้คนจากกลุ่มอันธพาลและแม้แต่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในฉากต่อสู้ถึงสองครั้ง จากสิ่งเหล่านี้มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาไม่ได้เป็นคนขี้อายเหมือนที่แสดงออกมา
โจวฟูเองก็รู้สึกตกใจมากเมื่อเขาได้ยินข่าวลือนี้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร แต่ปัญหาจริงๆก็คือโจวหยูนั้นมีธุรกิจขนาดใหญ่มากมายอยู่ในมือ การที่เขาจะได้รับบาดเจ็บนั้นเป็นอะไรที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น ดังนั้นเมื่ เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นเขาควรจะเลือกที่จะโทรหาตํารวจมากกว่าเข้าไปช่วยเหลือด้วยตัวเอง ไม่มีใครรู้ว่าถ้าเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมา มันจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง
อะไรกัน!… ฉันไม่ได้กําจัดกล้องและทุกอย่างไปแล้วเหรอ?
โจวหยูคิดว่าเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขไปแล้ว แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าถึงแม้ว่าเรื่องพวกนี้จะไม่ได้อยู่ในข่าวภาคค่ําหรือหน้าหนังสือพิมพ์ แต่มันก็ยังคงได้แพร่กระจายในหมู่คนในวงกรนักข่าวอยู่ดี แล้วใครจะรู้ว่าจะมีนักข่าวคนไหนที่คาบข่าวนี้มาพูดให้ลุงฟูฟัง ดังนั้นมีความเป็นไปได้ว่าลุงฟูได้ทําการสืบค้นข้อมูลของหนุ่มสาวที่เขาได้เข้าไปช่วยเอาไว้ และได้รู้ว่าเขาและพวกเธอนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ดังนั้นอีกฝ่ายจึงคิดหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก
เฮ้อ! ใครจะไปคิดว่าโอตาคอย่างโจวหยูจะออกจากบ้านโดยมีจุดประสงค์เพื่อออกไปทําความดีกัน?
ไม่ว่าโจวฟูจะคิดอย่างไร เขาก็ยังไม่สามารถเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ เขาไม่รู้ว่าทําไมโจวหยูถึงรู้ว่าจะมีบางสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับคู่รักหนุ่มสาวคู่นั้นในเมืองจังหวัดล่วงหน้า? ตามข้อความที่เขาได้รับมาโจวหยูได้เริ่มติดตามหยานหยานทันทีที่เขามาถึงเมือง และหลังจากที่ปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว เขาก็กลับบ้านโดยไม่แวะทําอะไรอีกเลย
มีใครนึกออกไหมว่าทําไมเจ้านายที่ชอบอยู่เงียบๆตลอดเวลาจะออกนอกลู่นอกทางของตัวเอง เพื่อที่จะไปช่วยเหลือคู่รักหนุ่มสาวที่ไม่มีภูมิหลังอะไร?
โจวหยูรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็รู้สึกขี้เกียจเกินไปที่จะคิดข้อแก้ตัวให้ตัวเอง เขาจึงทําเพียงยิ้มยอมรับได้อย่างขมขึ้นเท่านั้น ก่อนที่จะพูดว่า ฮ่าฮ่า … ลุงฟู ลุงเป็นคนที่รอบคอบจริงๆ งั้นผมจะรับเลขาที่ลุงพามาก็แล้วกัน โอ้! ใช้เกือบลืมไปเลย ตอนนี้มันมาดึกมากแล้ว และลุงก็เหนื่อยมาทั้งวันมันจะเป็นการดีกว่าถ้าลุงจะรีบกลับบ้านไปพักผ่อน
หลังจากนั้นเขาได้ผลักหลังโจวฟออกจากห้องทํางาน และจบการพูดคุยกันนี้ลง
ทางด้านของหลินวาน เธอเองก็ไม่ได้อยู่นิ่งๆอะไร เพราะตอนนี้เธอกําลังตรวจสอบการตกแต่งบ้านหลังนี้ ด้วยความเบื่อ มันดูไม่เหมือนบ้านของเศรษฐีเลย เพราะใครก็ตามที่มีเงินมากหน่อยก็จะพยายามตกแต่งบ้านของพวกเขาให้ดูดีเสมอ แต่ไม่ใช้สําหรับบ้านนี้ อาจจะนิยามความรู้สึกของเธอที่มีต่อบ้านหลังนี้ได้ด้วยคําเดียว – ว่างเปล่า นอกเหนือจากการตกแต่งพื้นฐานและเฟอร์นิเจอร์มาตรฐานแล้ว บ้านทั้งหลังนี้ก็ไม่มีอะไรอื่นอีก
เห็นได้ชัดว่าเจ้าของบ้านไม่สนใจคุณภาพชีวิตของตัวเอง
หลินวานกําลังวิเคราะห์บุคลิกภาพของเจ้านายตัวเองจากสิ่งต่างๆที่อยู่ในบ้าน แต่เธอไม่ได้คาดคิดว่าตัวเธอเองก็จะถูกวิเคราะห์โดยกลุ่มคนเล็กๆรอบตัวเธอเช่นกัน ตอนนี้ลูกๆของโจวหยูได้มองขึ้นและลงไปที่ผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้ อาจจะเพราะในบรรดาเด็กทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ แม้แต่เด็กที่อายุมากที่สุดก็ยังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนใดเข้ามาในบ้านพ่อของเขามาก่อน แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้เป็นอะไรที่หาได้ยาก
กาก้าได้นั่งอยู่บนหัวของหลินวานก่อนที่เขาจะเริ่มสูดดมและพูดว่า เป็นกลิ่นที่ดี! แต่การแต่งหน้าของเธอนั้นดูจะหนักเกินไป มันจะดีกว่ามากถ้าเธอล้างมันออกบ้าง
สิ่งหนึ่งที่นิ่งห้อยไม่พอใจมากที่สุดคือหน้าอกแบนราบของตัวเธอเอง ดังนั้นเธอจึงโกรธอย่างมากเมื่อเห็นว่า ผู้หญิงคนนี้มรหน้าอกใหญ่ขนาดไหน? ดังนั้นเธอจึงอยู่ที่หน้าอกของเธอพร้อมกับกระแทกมันของเธอลงไปที่มันอย่างต่อเนื่อง อ่า … สิ่งทั้งสองนี้ทําให้ฉันรู้สึกโกรธจริงๆ! ทําไมพวกมันถึงใหญ่ขนาดนี้?
มู่ลี่น้อยมีประพฤติที่ดีกว่าทุกคน เธอแค่นั่งบนไหล่ของหลินวานแล้วมองดูรูปร่างหน้าตาของหลินวานและพูดว่า เธอสวยมาก! มันแค่ว่าผิวของเธอไม่ดีเท่านี้เอง แต่ฉันไม่รู้ว่าพ่อจะชอบแบบนี้หรือไม่?
เบียโม่เองก็ออกมาจากตู้เย็นเช่นกัน ซึ่งมันเป็นอะไรที่หายากมาก เขาได้ยืนอยู่บนหัวของหลินวานและพูดว่า ฉันได้ยินมาว่าผู้ชายทุกคนชอบมีเลขาฯผู้หญิง มันอาจจะเพราะพ่อต้องการเก็บเธอคนนี้เอาไว้ข้างกายเพื่อ ทําอะไรบางอย่าง แต่ฉันที่เป็นน้องเล็กสุดของใช้สิทธิลูกคนเล็กว่าฉันจะไม่มีทางยอมรับเธอคนนี้ที่จะเป็นแม่ของฉันเด็ดขาด
คนสี่คนอยู่ด้านบนสุดของหลินวานเพื่อพูดคุยเรื่องของเธออย่างกระตือรือร้น แต่เป็นเป็นที่ยังอยู่บนพื้นดินเรี่มรู้สึกไม่ดี เพราะด้วยขนาดตัวที่ใหญ่เป็นพิเศษของตัวเอง ทําให้การปีนขึ้นไปรวมวงกับพี่น้องนั้นเป็นอะไรที่ยากอย่างมาก เขาทําได้เพียงปืนขึ้นไปได้ครึ่งทาง ก่อนที่เขาจะตกลงมายังที่พื้นอีกครั้งซ้ําไปซ้ํามา
เมื่อโจวหยูและลุงฟูได้กลับมาจากการพูดคุยหารือกัน สิ่งที่ปรากฏอยู่บนสายตาของเขาก็คือลูกๆทั้งห้าของเขากําลังอยู่บนร่างของหลินวาน และมีเด็กคนหนึ่งกําลังกอดต้นขาของหลินวานอยู่ เขาถึงกับเผลอตะโกนเสียงดังขึ้นทันที โดยไม่ทันคิดว่าการกระทํานี้ดูแปลกเป็นอย่างมาก!
ลูกๆของเขาที่ได้ฟังแบบนั้นก็ตกใจ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วในทันทีทันใดเหมือนนกตกใจกลัวเสียงปืน แม้แต่เบนเป็นผู้มีร่างกายใหญ่ตัว ในเวลานี้ก็วิ่งเร็วมากเช่นกัน และหลินวานเองก็ตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์ เกิดอะไรขึ้น? ฉันสาบานว่าฉันยังไม่ทันได้ทําอะไรเลย? ฉันแค่มองไปรอบๆเท่านั้น ขนาดเดินไปจากจุดเดิมก็ยังไม่ได้ทําเลย
ในขณะเดียวกันหลังจากที่คําพูดนี้ของตัวเองหลุดออกไป โจวหยูก็ตระหนักในสิ่งที่เขาพูดได้ เขารู้ว่าเขาเผลอทําเรื่องผิดพลาดออกมา โอ้พระเจ้า! ใครจะไปคิดว่าแค่คาดสายตาไปไม่นานพวกเด็กๆจะสร้างปัญหาให้ฉันกัน!
เลขาคนใหม่ที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดก็รู้สึกกลัว ก่อนที่เธอจะเริ่มร้องไห้ออกมา ในที่สุดมันก็ยังคงโจวฟูที่ตระหนักว่าโจวหยูไม่ได้พูดกับเลขาที่เขาพามา เพราะหลังจากพูดแล้วเขาเห็นว่าใบหน้าของโจวหยูนั้นเต็มไปด้วยความลําบากใจ ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างรวดเร็วว่า หลินวาน! เธอไม่ต้องกังวลไป เขาไม่ได้พูดถึงเธอ เขาก็แค่พูดขึ้นลอยๆเท่านั้น จะพูดยังไงดีละ! คือก่อนหน้านี้เขาต้องทําหน้าที่ผู้กํากับภาพยนตร์นะ มันจึงทําให้บางครั้งเขาก็เผลอพูดอะไรแปลกๆออกมา ดังนั้นเธอเองก็อย่าไปให้ความสนใจมันมากนักเลยนะ