The Rise of Otaku - ตอนที่ 24
บทที่ 24 หมู่บ้านสงครามลั่วหัว
ถ้าโจวหยูสามารถเลือกได้ เขาก็ยังคงชอบเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ไอดอลมากกว่า แม้ว่าเขาจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมในการสร้างไอดอล แต่ไอดอลที่เลวร้ายที่สุดก็ยังคงสามารถขายได้หลายพันเหรียญโม สำหรับในตอนนี้ที่กำลังประสบกับปัญหาขาดเงิน การได้ดอกไม้ไอดอลเป็นวิธีที่ดีที่สุดและเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการทำให้เขาออกจากจุดนี้
เพื่อให้เป็นเช่นนี้ เมล็ดเปล่าได้ถูกใช้เพื่อสร้างตัวละครอื่น จนถึงตอนนี้เขามีจอบสามประเภท เขาสามารถเลี้ยง“ นักดนตรี” “ ศิลปินมังงะ” หรือ“ ผู้กำกับอนิเมชั่น” การใช้งานของ “นักดนตรี” นั้นเขายังไม่รู้แน่ชัดว่ามันจะทำอะไรได้มาก ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นที่เขาจะต้องเริ่มมันในตอนนี้
ส่วนศิลปินมังงะเขาเองก็มีอยู่แล้วและตอนนี้เจ้าตัวก็กำลังทำงานให้เขาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นมันจึงไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องการศิลปินมังงะคนใหม่
ดังนั้นเขาจึงคิดว่าการปลูก “ ผู้กำกับอนิเมชั่น” จะเป็นอะไรที่เข้าท่าที่สุด
แต่ก็เกิดสิ่งที่น่าเศร้าขึ้นมาจนได้ นั้นก็คือมันจำเป็นต้องเสียเงินเช่นกัน การสร้างบริษัทแอนิเมชันนั้นต้องการเหรียญโม 1500 เหรียญ แต่เมื่อยึดตามการสร้างบริษัทเกมก่อนหน้านี้ โจวหยูก็รู้ได้ว่ามันจะมีสิ่งที่เรียกว่า“ ค่าใช้จ่ายแอบแฝง” อยู่ ดังนั้นก่อนที่เขาจะสามารถรวบรวมเหรียญโมได้ถึง 3,000 เหรียญ เขาไม่สามารถสร้างบริษัทแอนิเมชันได้
แต่เหมือนว่าเขาจะคิดอะไรขึ้นได้ ก่อนหน้านี้เขาได้ใช้เวลาหนึ่งเดือนในการปลูกดอกไม้ไอดอล และจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์เพื่อเป็นพี่เลี้ยงนีเนียนตัวน้อย บางทีการสร้างผู้กำกับอนิเมชั่นก็อาจใช้เวลาเท่ากัน ดังนั้นถ้าเขาเริ่มเก็บเหรียญโมตอนนี้ เขาก็น่าได้เงินทันเวลา
แน่นอนว่ามันไม่ได้มีเพียงแต่ผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น มันยังมีโอกาสที่จะล้มเหลวอีกด้วย เมื่อเขาได้รับรู้เรื่องนี้จากชาวนา เขาก็ได้ตัดสินใจใช้กระถางดอกไม้อันใหม่แทนที่จะใช้กระถางดอกไม้ที่เขาเคยปลูกต้นไอดอลเอาไว้ เขาหวังว่าด้วยการใช้กระถางต้นไม้ใหม่มันจะนำโชคมาให้เขา
ดินดนตรีจะเปล่งสัญลักษณ์ดนตรีเป็นครั้งคราว ดินมังงะจะปล่อยหมึกออกมา และปัจจุบันดินแอนิเมชันกำลังเปล่งตัวละครเคลื่อนไหวที่ไม่รู้จักมากมาย พวกมันจะเคลื่อนไหวด้วยท่าทางโง่ๆ ก่อนที่จะหายไปในอากาศอย่างช้าๆ
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้มีอีกอย่างที่ต้องพูดถึง นั่นคือป้าเหอหัวที่มาจากครอบครัวหัวหน้าหมู่บ้าน เธอได้เคยขอยืมจอบของเบโธเฟนไปเพื่อกำจัดวัชพืชป่าในฟาร์มของเธอ ในที่สุดฟาร์มของเธอก็เปล่งสัญลักษณ์ดนตรีตลอดทั้งวัน โชคดีที่ไม่มีใครนอกจากโจวหยูที่สามารถมองเห็นได้ ไม่อย่างนั้นใครจะรู้ว่าจะชาวบ้านคนอื่นจะมีปฏิกิริยายังไงกับเรื่องนี้
เมื่อถึงเวลาที่ป้าเหอหัวได้นำจอบของเบโธเฟนมาคืน เธอถึงกับพูดยกย่องมันว่าเป็นจอบที่ดีเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ติดว่ามันดูค่อนข้างหรูหรา เธอก็คงจะขอซื้อต่อจากโจวหยูไปแล้ว
ตอนนี้วัชพืชป่าได้ถูกกำจัดออกไปหมดแล้ว และทุกครั้งที่โจวหยูเดินผ่านฟาร์มนั้น เขาจะหยุดสังเกตทิวทัศน์อันงดงามของฟาร์มทั้งหมดที่กำลังเปล่งสัญลักษณ์ทางดนตรี ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่แถบนั้นก็มีสัตว์ป่าขนาดเล็กจำนวนมากกว่าที่อื่น บางทีพวกมันอาจถูกดึงดูดด้วยดินแห่งดนตรี
หลังจากปลูกเมล็ด“ ผู้กำกับอนิเมชั่น”เสร็จแล้ว โจวหยูเริ่มทดสอบเกมระดับสามที่ชื่อว่า – “หมู่บ้านสงครามลู่หัว” ต่อทันที
เพราะเขาไม่สามารถอัพเกรดบริษัทไปยังระดับใหม่ได้เร็วๆนี้ ดังนั้นการเลือกสร้างเกมแนวสงครามจึงเป็นการเลือกที่ดีที่สุด ด้วยเอฟเฟคที่ทีมพัฒนาทหารมี มันทำให้ประสิทธิภาพของตัวเกมแนวนี้เพิ่มขึ้นถึง 20% ดังนั้นจึงถือได้ว่านี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับทีมพัฒนาของทหารในการทำสิ่งที่พวกเขาชำนาญ
เมื่อเข้าสู่เกม สิ่งแรกที่โจวหยทำการประเมินคือกราฟิกของมัน
ก่อนหน้านี้เกมการจำลองการทำฟาร์มสามารถทำคะแนนได้มากที่สุด 2 คะแนน ต่อมาก็เป็นเกมตำนานของหมู่บ้านลู่หัว ที่ได้รับคะแนนไป 6 คะแนน แต่เนื้อเรื่องของเกมกับทำให้มันเหลือเพียง 4 คะแนนเท่านั้น แต่อนิเมชั่น CG ตอนเปิดของหมู่บ้านสงครามลู่หัว กับได้รับคะแนนสูงถึง 8 คะแนน!
นี้เป็นอะไรที่บ้ามาก! เกมที่สามารถได้รับคะแนนเท่ากันในตลาดปัจจุบันคือชุดเกมจากค่ายยักใหญ่เกาหลีอย่าง โมโมที เท่านั้น
หลังจากนั้นโจวหยูก็ได้เข้าเกม เขาสังเกตเห็นว่าเนื้อเรื่องของตัวเองนั้นอยู่ในระดับเฉลี่ย นั้นคืออยู่ในระดับ 6 คะแนนหรือสูงกว่าเล็กน้อยเท่านั้น แต่มันก็ยังไม่ถือว่าเลวร้ายเกินไป อย่างน้อยด้วยประสบการณ์การเล่นเกมของเขา เขาคิดว่ามันสามารถสู้เกมจากบริษัทยักใหญ่ได้สบายๆ
‘เอาละ! ต่อไปก็ต้องตรวจสอบเนื้อหาของเกมทั้งหมด’
น่าแปลกใจที่ตัวละครหลักคือโจวหเฮาเด็กซน เขาได้สวมเครื่องแบบทหาร ด้วยกราฟิก 6 จุดทำให้ตัวละคร 3 มิติของโจวเฮานั้นเป็นที่จดจำได้ง่าย เด็กซนคนนี้ที่เพิ่งได้รับความสนใจอย่างมากใน “ภาพยนตร์” และนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เขาได้กลายเป็นตัวละครหลักของเกม เห็นได้ชัดว่าชีวิตของเขานั้นเต็มไปด้วยความน่าสนใจอย่างแท้จริง
แต่ในตอนนี้โจวเฮาตัวจริงกับเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามเป็นอย่างมาก ตัวเขานั้นได้ถูกฝังอยู่ใต้กองหนังสือ พร้อมกับความสิ้นหวัง
ภาคเรียนใหม่จะเริ่มในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่เจ้าตัวต้องจ่ายเมื่อเขามัวแต่เที่ยวเล่นตลอดทั้งช่วงวันหยุด ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถตำหนิใครได้
อาจจะเพราะตัวละครหลักเป็นเด็ก ดังนั้นเนื้อเรื่องหลักจึงถูกเขียนในสไตล์เทพนิยาย
ในหมู่บ้านลู่หัวที่เงียบสงบ ผู้คนต่างก็ใช้ชีวิตรวมกับสัตว์ประหลาดตัวเล็กๆมาอย่างสันติ แม้ว่าพวกมันจะมีขนาดเล็กมากและความสูงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10 ซม. แต่พวกมันกับมีความสามารถพิเศษ พวกมันจะช่วยชาวบ้านปรับปรุงสภาพพื้นดินและอากาศ เพื่อให้พวกเขาสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้จำนวนมาก ทางด้านชาวบ้านเองก็จะคอยมอบส่วนแบ่งของการเก็บเกี่ยวให้กับพวกมันเป็นการขอบคุณ
อย่างไรก็ตามความสงบสุขนี้ได้หายไป
ไม่มีใครรู้ว่ามันเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ แต่มันได้ปรากฏสัตว์ประหลาดอีกกลุ่มมายังหมู่บ้านนี้พร้อมกับอาวุธแปลกๆจำนวนมาก พวกมันไม่ได้มีการพูดจาอะไรทั้งนั้นก่อนที่พวกมันจะเริ่มทำลายหมู่บ้านและทำลายพืชผลทุกชนิด
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความโกลาหลไปมากกว่านี้ เหล่าเด็กๆในหมู่บ้านก็เริ่มที่จะลุกขึ้นเพื่อต่อสู้กับไป และผู้นำที่ลุกขึ้นมาเป็นคนแรกก็คือโจวเฮานั้นเอง เขาได้กลายเป็นหัวหน้ากองทหารเด็กซน
ในส่วนของวิธีโต้กลับคือการใช้สิ่งประดิษฐ์ของ ” พ่อมดแปลก ” ในหมู่บ้าน และเมื่อโจวหยูเห็นสิ่งที่เรียกว่า “พ่อมดแปลก ” เขาเกือบจะถ่มน้ำลายออกมา เพราะ “พ่อมด” มันคือเขา มีขนไก่ยุ่งๆและสวมเสื้อคลุมสีขาวสกปรก และเขายังถือไม้เท้าแปลกๆ มันทำให้ภาพลักษณ์ที่แสดงออกมานั้นแปลกตาเป็นอย่างมาก
พ่อมดแปลกได้คิดค้นอาวุธขนาดเล็กจำนวนมาก และเขาสามารถทำให้เหล่าเด็กๆมีขนาดเล็กลงได้ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถติดตั้งอุปกรณ์หลากหลายประเภทเพื่อเอาไปต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเหล่านั้นได้ โดยที่อุปกรณ์เหล่านั้นคือ รถถัง เครื่องบิน และ เรือรบ
ดังนั้นสงครามระหว่างลูกหลานของหมู่บ้านลู่หัวกับสัตว์ร้ายตัวเล็กก็เริ่มขึ้น
ในตอนแรกมีเพียงสองหรือสามคนในกองทหารเท่านั้น แต่เมื่อเรื่องราวคืบหน้าไปมากขึ้น ก็ปรากฏเพื่อนๆที่มีบุคลิกแตกต่างกันก็เข้าร่วมอย่างช้าๆ แน่นอนว่าโจวเฮาในฐานะตัวละครหลักของเกม ก็ยังคงเป็นที่จับตามอง อย่างไรก็ตามสมาชิกส่วนที่เหลือเองก็มีข้อดีที่แตกต่างกัน
ด้วยสภาพแวดล้อมของแคมเปญที่แตกต่างกัน มันจึงจำเป็นที่จะต้องการสมาชิกที่แตกต่างกันเพื่อเข้าสู่สนามรบ
การต่อสู้ทางบก การรบทางอากาศ การรบทางทะเล การอัพเกรด และการดัดแปลงอาวุธต่างๆ เพิ่มคะแนนทักษะให้กับสมาชิกกองทหาร ฯลฯ ไม่เพียงแต่กลไกเหล่านั้นจะเสริมเนื้อหาของเกมเท่านั้น แต่ยังทำให้เกมสนุกยิ่งขึ้น
เรื่องราวของเกมเริ่มเหมือนซีรี่ส์ไฟร์เอมเบลม มันทำให้โจวหยูประทับใจเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าเมื่อเขาเข้าสู่สนามรบ เขาก็อยู่ในรถถังแล้วมุ่งหน้าไปยังศัตรู ด้วยสภาพแวดล้อม 3 มิติและเพื่อนร่วมทีมทุกคนถูกควบคุมโดยเอไอ
ในตอนแรกตัวละครตัวแรกที่ผู้เล่นควบคุมคือโจวเฮา แต่ผู้เล่นก็สามารถสลับตัวละครได้ตลอดเวลา เมื่อผู้เล่นเปลี่ยนไป ตัวละครหลักจะถูกควบคุมโดยเอไอ ความต้องการสำเร็จภารกิจแตกต่างกัน บางครั้งผู้เล่นจำเป็นต้องกำจัดศัตรูทั้งหมด บางครั้งผู้เล่นจำเป็นต้องช่วยชีวิตใครบางคน หรือยึดครองบางแห่งเพื่อสร้างการป้องกัน ในระยะสั้นนี้มีภารกิจทุกประเภท
เมื่อโจวหยูกำลังสนุกกับเกม โจวเฮาเด็กซนคนนี้ก็แอบเข้าไปในห้องของเขาในขณะที่กำลังทำการบ้านอยู่
“ พี่ชายหยู! พี่ช่วยผมทำการบ้านได้ไหม…ฮะ นั่นมันผมนี่!”
ก่อนที่เขาจะสามารถขอให้พี่ชายโจวหยูช่วยเขาทำการบ้านนั้น ความสนใจของเขาก็ถูกดึงดูดไปยังเกมตรงหน้าทันที ในตอนนี้มันเพิ่งอยู่ในช่วงที่ตัวละครหลักกำลังฝึกฝนทักษะขั้นสูงสุดของเขา ดังนั้นเกมจึงได้แสดงภาพเคลื่อนไหว CG แบบโคลสอัพเป็นพิเศษ นี่คือเหตุผลที่โจวเฮาจำตัวเองได้ทันทีว่าเป็นเขา
เขาได้ลากเก้าอีกเข้ามาอีกหนึ่งตัว และเขานั่งถัดจากโจวหยูอย่างไร้ยางอายขณะมองดูเกมอย่างไม่วางตา ในตอนนี้เขาลืมไปเลยว่าเขายังต้องทำการบ้านอยู่
“ เอาละเจ้าหนูตัวน้อย! ไม่ใช้ว่าพรุ่งนี้นายต้องไปโรงเรียนหรือไง? นายทำการบ้านเสร็จหมดแล้วเหรอ?”
“ พี่ชายหยู! ได้โปรด! ผมขอเล่นเกมนี้ซักหนึ่งรอบได้ไหม? แค่รอบเดียวก็พอ?”
ทุกวันนี้เด็กๆนั้นฉลาดมาก แม้ว่าพวกเขาจะอยู่เพียงโรงเรียนประถมเท่านั้น แต่พวกเขาก็คุ้นเคยกับคอมพิวเตอร์แล้ว เนื่องจากคอมพิวเตอร์ที่บ้านถูกควบคุมโดยผู้ปกครอง พวกเขาจึงไม่สามารถดาวน์โหลดเกมใดๆที่พวกเขาชอบได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาสามารถมาที่บ้านของโจวหยูและเล่นกับคอมพิวเตอร์ของโจวหยูได้อย่างอิสระ
แม้ว่าโจวหยูจะมีหลักการ แต่เขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่ปฏิเสธคำขอของคนอื่นได้ดีนัก โดยเฉพาะกับพวกเด็กๆ ดังนั้นเขาจึงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า“ โอเค! แต่นายต้องทำการบ้านให้เสร็จก่อน จากนั้นนายสามารถมาที่บ้านของพี่และเล่นได้ทุกวันหลังเลิกเรียน”
“จริงๆเหรอ? ผมถือว่านั้นเป็นข้อตกลงนะ!”
หลังจากนั้นโจวเฮาก็ได้กระโดดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นทันที ในขณะเดียวกันก็ตะโกนว่า“ ถ้าพี่โกหกผมละก็ พี่ต้องกลายเป็นลูกสุนัข” จากนั้นเขาก็รีบกลับบ้านเพื่อทำการบ้านให้เสร็จทันที