The Rise of Otaku - ตอนที่ 27
บทที่ 27 การผจญภัยของฮีโร่
หยางกู่แทนที่เสื้อผ้าของเขาด้วยชุดกีฬามืออาชีพ และเช่นเดียวกับฮีโร่ที่กำลังจะออกเดินทางผจญภัยทุกคน เขาได้ดาบไม้จากช่างไม้บีเวอร์ เกราะจากเจ้าชายมังกรองค์ที่สาม รองเท้าคู่หนึ่งจากราชามังกรเฒ่า กางเกงคู่หนึ่งจากนักอมตะ และอาหารจำพวกปลาบางอย่างจากชาวประมงนกอ้ายงั่ว
อุปกรณ์และอาหารต่างก็ได้ถูกเตรียมเอาไว้แล้ว ดูเหมือนในตอนนี้เจ้าตัวจะพร้อมเริ่มการเดินทางที่ยาวนานแล้ว แน่นอนว่าพระเอกยังขาดอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดไปอย่างหนึ่ง นั้นก็คือรถม้า ดังนั้นโจวหยูถึงกับตะโกนออกมาเมื่อเขาได้ถูกเลือกให้เป็นรถม้าในการผจญภัยครั้งนี้ …
‘อ่า! มันก็ไม่ใช้เรื่องแย่อะไร ถ้าเกิดเขาปล่อยให้หยางกู่ที่มีความสูงเพียง 15 ซม. ออกไปคนเดียว มันก็ดูจะใจร้ายไปหน่อย’
หลังจากพวกเขาได้กล่าวคำอำลากับราชามังกรเฒ่าและคนอื่นๆ หยางกู่เริ่มการผจญภัยครั้งแรกในชีวิตของเขาอย่างจริงจัง และสำหรับโจวหยูแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกจากหมู่บ้านเช่นกัน
มีถนนแปลกๆและคนแปลกหน้าจำนวนมาก มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเขาเพิ่งจะเดินทางไปต่างประเทศยังไงยังงั้น มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม … การผจญภัยนี้มันก็เป็นเพียงแค่การเดินทางไปหมู่บ้านใกล้เคียงเท่านั้น
ดูเหมือนว่าหยางกู่จะไม่สนใจเลยว่ารถม้าของตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ เขาให้ความสนใจไปที่การผจญภัยของตัวเองเท่านั้น และภารกิจแรกในการผจญภัยในครั้งนี้ก็คือการจัดการกับพวกอันธพาลบางคนที่ข่มขู่ชาวบ้าน
และมันก็พวกอันธพาลอย่างที่ภารกิจมอบให้จริงๆ
ด้านนอกร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก ได้วางโต๊ะบิลเลียดสองอันพร้อมกับชายหนุ่มอีกสองสามคนที่ดูเหมือนตัวโกงในการ์ตูนเกรดบีกำลังนั่งสูบบุหรี่และเล่นบิลเลียด
ในขณะที่พวกเขาเล่นบิลเลียด พวกเขาก็จะดื่มเช่นกันและพวกเขามักจะดื่มเร็วมาก เมื่อดื่มเสร็จพวกเขาก็มักจะทุบขวดเบียร์ที่มุมถนน ทุกครั้งที่มีเสียงแตกของขวด มันก็มักจะมีเสียงเชียร์ดังๆดังขึ้นมา
คนประเภทนี้เป็นคนที่โจวหยูกลัวมากที่สุด ถ้าหากเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในอดีต เขาจะไม่ยอมอยู่ไกลๆเด็ดขาด เพราะเขากลัวว่าพวกนั้นอาจต้องการสร้างปัญหากับเขาได้
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าหยางกู่จะไม่คิดแบบนั้น เจ้าตัวทำตัวราวกับว่าตัวเองได้ถูกฉีดด้วยเลือดไก่เข้าไป เขาได้กระตุ้นให้ “รถม้า ” อย่างโจวหยูเข้าไปใกล้มากขึ้น
ทีเป็นแบบนั้นก็เพราะเสี่ยวฮู่ซึ่งถูกรังแกโดยนักเลง ยังคงรอให้พวกเขาแก้แค้นสิ่งที่พวกมันทำกับเธอ
เสี่ยวฮู่เป็นตัวละครโลลิที่พวกเขาได้พบเมื่อพวกเขาเพิ่งเข้ามายังหมู่บ้านนี้ โจวหยูไม่คิดว่าจะมีพลเมืองคนอื่นของโลก ACG อยู่นอกหมู่บ้านลู่หัว มันเป็นเพียงว่าเขาไม่รู้ว่าพวกเขามีอยู่ก่อนหน้านี้หรือพวกเขาถูกสร้างขึ้นเพียงเพราะภารกิจการผจญภัยครั้งนี้กัน?
แต่การได้เห็นโลลิที่น่าสงสารกำลังร้องไห้อยู่ตลอดเวลา มันเป็นเหมือนกับเป็นตัวจุดประกายจิตวิญญาณของลุงหมีในตัวของโจวหยูขึ้นมา เขาได้วางแผนที่จะถามลิโลน้อยนี้หลังจากที่เขาทำภารกิจเสร็จว่าอีกฝ่ายต้องการย้ายไปยังหมู่บ้านลู่หัวไหม?…
ภายในไม่กี่คำ พวกเขาก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น. ดูเหมือนว่าตุ๊กตาหมีตัวโปรดของเธอได้ถูกขโมยไปโดยกลุ่มนักเลงกลุ่มหนึ่ง
‘นี้มันเป็นภารกิจที่มักพบได้บ่อยในทุกเกม’
ในฐานะวีรบุรุษ หยางกู่ได้ตอบรับภารกิจได้อย่างง่ายดาย จากนั้นเขาก็ “ ขี่ม้า” ของเขาและเริ่มค้นหากลุ่มคนอันธพาลในหมู่บ้าน
พวกเขาได้ไล่หามาจนหมดจนมาเจอพวกมันที่ร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กนี้ และในเวลานี้โจวหยูก็เข้าใจได้ในที่สุดว่าทำไมเขาถึงมีความรู้สึกไม่ดีในตอนนั้น
อย่างที่สุภาษิตโบราณได้พูดเอไว้: “ ในแม่น้ำมักจะมีปลาที่คล้ายกัน ” เพราะบนไหล่ของพวกอันธพาลในโลกแห่งความจริงที่กำลังดื่มเบียร์และสูบบุหรี่อยู่นั้น ได้มีตัวละครฮูลิแกนกำลังขยับไปมา ดูจากทรงผมที่เหมือนหง่อนไก่สีแดงขนาดใหญ่นั้น มันก็ทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าพวกนี้จะต้องเป็นคนไม่ดีอย่างแน่นอน
ในขณะนี้พวกนักเลงพวกนั้นกำลังทำสิ่งที่เรียกว่าการเล่นฟุตบอล ด้วยที่ “ฟุตบอล” ที่พวกเขากำลังเตะไปรอบๆคือตุ๊กตาหมีของเซียวฮัว ตุ๊กตาหมีตัวเล็กบินไปจากไหล่ของนักเลงหนึ่งไปยังไหล่ของนักเลงอีกคน มันทำให้โจวหยูประหลาดใจอย่างมากที่พวกเขาไม่เคยพลาดแม้แต่ครั้งเดียว ทักษะการส่งบอลของพวกเขานั้นดีกว่าทีมฟุตบอลชาติไปมาก!
ในระหว่างที่หยางกู่จำเป็นต้องใช้เวลาจัดการกับพวกอันธพาลพวกนี้ โจวหยูจำเป็นต้องคอยอยู่ในร้านสะดวกซื้อสักพักจนกว่าจะเสร็จสิ้น
แต่ดูเหมือนว่าพวกอันธพาลในโลกแห่งความเป็นจริงเหล่านั้นจะไม่ยอมให้เขายืนอยู่เฉยๆ …
โจวหยูผู้ซึ่งรู้สึกประหม่าและไม่สบายใจเป็นอย่างมากได้เข้ามาในร้านทำท่าซื้อนี้ ในขณะเดียวกันเขาก็ยังพยายามจับตามองไปยังหยางกู่ตลอดเวลา
ทันทีที่พวกเขาได้ก้าวเข้าหาในร้าน ทันใดนั้นก็มีดนตรีแนวคาวบอยตะวันตกดังขึ้นมา อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ามีเพียงโจวหยูเท่านั้นที่สามารถได้ยินมัน
นี้มันหมายความว่าอีกไม่นานจะมีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้น
โดยได้รับอิทธิพลจากดนตรีที่เป็นแบ็คกราวด์ มันได้ทำให้บรรยากาศตึงเครียดเริ่มแพร่กระจายออกไปทั่วร้านสะดวกซื้อ นักเลงหัวไม้พวกนั้นได้หยุดเล่นกัน ก่อนที่จะจ้องมองไปที่หยางกู่อย่างโหดเหี้ยม
“ แกไม่ใช้คนที่นี้ใช้ไหม? หรือว่าแกเป็นนักเดินทางใช้ไหม?” หนึ่งในนักเลงหัวไม้ซึ่งดูเหมือนผู้นำได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย่อหยิ่งและก้าวร้าว
หยางกู่นั้นเป็นเหมือนตัวเอกของภาพยนตร์ตะวันตก “ นั่นไม่สำคัญ! พวกแกช่วยส่งตุ๊กตาหมีคืนกลับมาได้ไหม มีสาวน้อยผู้น่าสงสารที่ไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้มาขอร้องฉัน”
หลังจากที่หยางกู่พูดประโยคนี้จบลง เพลงแบ็คกราวด์ก็เริ่มตึงเครียดขึ้น มันราวกับว่าจะเกิดการต่อสู้ขึ้นได้ทุกเวลา นั้นมันยิ่งทำให้โจวหยูมองอย่างจริงจังมากขึ้น เพราะนี้ถือว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างพลเมืองของโลก ACG ครั้งแรกที่เขาเคยเห็นเลยก็ว่าได้
อย่างไรก็ตามในขณะนี้สิ่งที่โจวหยูเป็นห่วงมากที่สุดก็ได้เกิดขึ้น
พวกนักเลงหัวไม้จากโลกแห่งความจริง ได้เขามาโจวหยูและพูดว่า“ เฮ้! นายคนแปลกหน้านั้นนะ! มาดื่มกับเราไหม? ถ้านายทำตามที่เราบอก นายจะถือว่าเป็นพี่น้องเรา”
จากนั้นอีกฝ่ายก็ได้ยัดขวดเบียร์หนึ่งขวดเข้าไปในอ้อมแขนของโจวหยู และก่อนที่โจวหยูจะตอบอะไร เขาก็เงยหน้าขึ้นและดื่มขวดที่เขามีอยู่ในมือไปเกินครึ่งแล้ว
“ เอ่อ…ผมไม่ดื่มของที่มีแอลกอฮอล์ครับ” โจวหยูได้ตอบกลับไปตรงๆ เป็นเรื่องจริงที่เขาไม่ได้ดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ เพราะเขาไม่ชอบรสขมของพวกมัน
อย่างไรก็ตามคำตอบที่ซื่อสัตย์ของเขามันกับทำให้นักเลงคนนั้นโกรธมาก อีกฝ่ายถึงกับทุบขวดเปล่าที่มีอยู่ทันที พร้อมกับพูดขึ้นว่า“ แม่* แกกล้าปฏิเสธคำเชิญของฉันหรือไง?!”
เสียงตะโกนนี้ได้ดึงดูดนักเลงคนอื่นนอกร้านทันที ยายแก่ๆที่เป็นเจ้าของร้านเองก็เหมือนกับรู้งาน เธอได้หนีหายไปทันทีเมื่อเสียงตะโกนนี้ดังขึ้น
นั้นจึงทำให้เกิดสถานการณ์หนึ่งร้านค้า สองการต่อสู้ขึ้นมาในเวลาเดียวกัน และผลลัพธ์ก็จะชัดเจนมากหยางกู่เป็นฮีโร่และเขาก็มีอาวุธครบมือ การจัดการกับพวกอันธพาลสองสามคนนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลย มันง่ายมากที่เขาจะได้รับ XP และความรักของโลลิตัวน้อย
อย่างไรก็ตามทางด้านโจวหยูกลับตรงกันข้าม …
“ เจ้าหน้าที่ตำรวจครับ! ช่วยด้วย! …”
โจวหยูไม่ได้โง่ขนาดที่เขาจะต่อสู้กับพวกอันธพาลเหล่านั้น เขาจะไม่นำตัวเองไปเป็นพระเอกในละครทีวีหลังข่าวเด็ดขาด สำหรับคนธรรมดาอย่างเขาแล้ว การวิ่งหนีเห็นที่ว่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เสียงกรีดร้องดังๆของโจวหยูดูเหมือนจะประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เพราะมันทำให้เหล่านักเลงหัวไม้เหล่านั้นตกใจไปชั่วขณะหนึ่ง และนั้นก็เป็นโอกาสดีที่เขาจะคว้าเอาไว้ เขาได้รีบวิ่งออกไปจากร้านค้าผ่านประตูด้านข้างทันที นั้นจึงทำให้ภายในร้อนเหลือเพียงหยางกู่กับเหล่าอันธพาลการ์ตูนเท่านั้น
ผลการฝึกจากการถูกทรมานโดยสัตว์ร้ายตัวเล็กๆเป็นเวลาสามเดือนในที่สุดก็ปรากฏตัวขึ้น แม้ว่าความเร็วของโจวหยูจะไม่ถือว่าเร็วมากนักเมื่อเทียบกับนักวิ่งมืออาชีพ แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาที่จะวิ่งหนีเหล่าอันธพาลที่มีอาการเมาอยู่เล็กน้อย
หลังจากที่เขาวิ่งไปรอบๆหมู่บ้าน เขาก็สังเกตเห็นว่าเขาไม่เหนื่อยและเขาก็ไม่หายใจแรงด้วย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงต้องนอนราบกับพื้นไปแล้ว
เมื่อเขาเห็นว่าพวกอันธพาลพวกนั้นได้ยอมแพ้ที่จะไล่ตามแล้ว เขาก็ได้เดินอ้อมและกลับไปที่ร้านสะดวกซื้อเล็กๆนั้นอีกครั้ง
และสิ่งแรกที่เขาเห็นภายในร้านนั้นก็คือ หยางกู่กำลังจัดการอันธพาลพวกนั้นด้วยการทุบตีในระดับที่แทบทนไม่ได้ อย่างไรก็ตามในฐานะพ่อของหยางกู่แล้ว ตัวเขากับถูกไล่ล่าโดยพวกอันธพาลในโลกแห่งความจริง มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายสำหรับครอบครัวของฮีโร่จริงๆ
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นาน ดังนั้นเขาจึงได้บอกให้หยางกู่รีบยุติการต่อสู้โดยเร็วที่สุด เพราะเขาไม่รู้ว่าพวกนักเลงในโลกแห่งความจริงเหล่านั้นจะกลับมาที่ร้านเมื่อไหร่
แต่ดูเหมือนว่าความกังวลของเขาจะเป็นจริงเสียทุกครั้ง เพราะทันทีที่เขาบอกให้หยางกู่รีบจบการต่อสู้นั้น พวกนักเลงก็ได้ตะโกนขึ้นจากด้านนอกร้านว่า “ แม่* แกยังกล้าที่จะกลับมาอีก? ถ้าฉันไม่สามารถจับแกได้ในครั้งนี้ ฉันจะยอมเปลี่ยนชื่อของฉันเลย!”
ดังนั้นจึงเริ่มประสบการณ์วิ่งมาราธอนขึ้นอีกครั้ง
แม้ว่าพวกอันธพาลเหล่านั้นจะพูดออกมาด้วยเสียงดังและมั่นใจมาก แต่สภาพร่างกายของพวกเขากับไม่สนับสนุนพวกเขาเสียเลย ในท้ายที่สุดพวกเขาทุกคนต่างก็ทำได้เพียงยืนพิงกำแพงและอาเจียนออกมาได้เท่านั้น
ดังนั้นอาจจะเรียกได้ว่าโจวหยูได้ชนะการไล่ล่าเป็นครั้งที่สองอีกครั้ง