The Rise of Otaku - ตอนที่ 45
บทที่ 45 ภารกิจที่คาดไม่ถึง
‘อืม … ดูเหมือนว่านี้จะเป็นภารกิจจากเฒ่ามังกร แต่กว่าที่ฉันจะทำภารกิจนี้ได้ มันก็คงต้องรอให้ฉันสถาปนิกคนที่สองเสียก่อน แต่ใครจะรู้ว่าสถาปนิกคนที่สองจะปรากฏตัวเมื่อไหร่? ‘
ต่อไปโจวหยูก็สับสนว่าทำไมช่างไม้บีเวอร์จึงไม่ต้องการสร้างบ้านของตัวเอง ทำไมอีกฝ่ายถึงยังอาศัยอยู่ในบ้านเล็กๆใกล้แม่น้ำกัน? แต่ต่อมาช่างไม้บีเวอร์ก็ได้อธิบายว่า “ ถึงแม้บ้านของข้าจะทำจากไม้เป็นหลัก แต่บางพื้นที่มันก็ต้องการโลหะและหินเป็นพื้นฐานในการสร้าง ข้าเคยสร้างบ้านกับพี่ชายของข้ามาก่อน แต่อยู่มาวันหนึ่งทันใดนั้นเขาก็ได้พูดว่าโลกนี้ช่างเป็นสถานที่ที่ยิ่งใหญ่นัก และเขาก็ต้องการที่จะออกไปเที่ยวรอบโลก ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่กลับมาอีก”
‘เอ้อ…ฉันพึ่งรู้ว่าเขาเองก็มีพี่ชายด้วย แล้วพี่ชายอีกฝ่ายจะมีอายุเท่าไหร่กัน?’
………………………
เรือนกระจกดอกไม้ของโจวหยูเป็นที่นิยมมาก โดยเฉพาะในหมู่เด็กหญิงตัวเล็กๆในหมู่บ้าน พวกเธอมักจะพิงผนังกระจกและมองเข้าไปข้างในเสมอ
เป็นที่รู้กันว่าเกือบทุกที่ในบ้านของพี่ชายยูนั้นสามารถเข้าไปได้หมด แต่มีเพียงเจ้าเรือนกระจกดอกไม้นี้เท่านั้นที่ถูกล็อคอยู่เสมอ ดังนั้นพวกเธอจึงสามารถมองโมเดลที่สวยงามผ่านตัวกระจกได้เท่านั้น
บางทีก็มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆรู้สึกว่าวิธีที่พี่ชายหยูจัดเรียงแบบโมเดลบ้านเหล่านั้นน่ารักมาก ดังนั้นพวกเธอจึงได้หยิบแบบจำลองบ้านพวกนั้นมา ก่อนที่พวกเธอจะได้สร้างตามใต้ต้นไทร อย่างไรก็ตามงานประเภทนี้ต้องใช้ทั้งความอดทนและทักษะเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ในขณะที่พวกเธอกำลังพยายามที่จะจัดเรียงแบบบ้านอยู่นั้น พวกเด็กผู้ชายซุกซนจำนวนมากก็มักจะมาก่อกวนพวกเธออยู่เสมอ
ในวันถัดไปลุงโจวฟูเองก็ได้มาดูเรือนกระจกที่เสร็จสมบูรณ์ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบกับความคิดของเด็กน้อยโจวเท่าไหร่ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าเจ้าเรือนกระจกนี้สวยมาก
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาหันหลังกลับและกำลังจะพูดคุยกับโจวหยูนั้น เขาก็ได้เห็นบ้านที่ทรุดโทรมที่โจวหยูอาศัยอยู่ มันถึงกับทำให้เขาพูดไม่ออกทันที
เขาไม่รู้ว่าเด็กน้อยโจวกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าอีกฝ่ายมีเงินมากแล้วทำไมเขาถึงไม่แก้ไขบ้านของตัวเองก่อน? ทำไมเขาจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากในการสร้างเรือนกระจกด้วย? ไม่ว่าเขาจะคิดหาเหตุผลยังไง เขาก็รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่แปลกอย่างมาก
“ เด็กน้อยโจว! ฉันคิดว่ามันคงถึงเวลาที่จะปรับปรุงบ้านของเธอแล้ว! ก่อนที่เพื่อนของฉันจะจากไป เขาก็บอกฉันว่าถ้าเธอต้องการสร้างบ้านหลังใหม่ เขาสามารถให้ส่วนลดกับเธอได้”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลุงโจวฟูพูดมา โจวหยู่ก็ได้กลับไปที่ห้องของเขา ก่อนที่จะยื่นบางอย่างไปให้อีกฝ่ายดู“ ลุงฟู! ลุงคิดว่าบ้านแบบนี้ราคาเท่าไหร่? 90,000 หยวนพอไหม?”
การออกแบบของช่างไม้บีเวอร์นั้นดีที่สุดอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามมันจะทำให้เขาเสียเงินเป็นจำนวนมากเช่นกันถ้าเขาต้องการสร้างมันจริงๆ แม้ว่าโจวหยูจะไม่รู้ราคาที่แน่นอน แต่เขาก็มั่นใจว่า 90,000 หยวนอาจจะไม่เพียงพอ
ทางด้านของโจวฟูเอง เมื่อเขาเห็นแบบจำลองนี้มันก็ทำให้เขาตกใจมาก
‘มันสวยมาก!’
ไม่เพียงแต่ตัวบ้านเท่านั้นที่สวย แต่มันยังถูกออกแบบมาให้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ทั่วทั้งสนามได้อย่างชัดเจน มันเหมือนคฤหาสน์เล็กๆที่มีสวนเล็กๆอยู่ในนั้น ด้วยภูมิทัศน์การตกแต่งที่สวยงามนี้มันจะทำให้บริเวณบ้านของโจวหยูดูดีขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตามถ้ายึดตามแบบนี้แล้วเขาก็คิดว่าเด็กน้อยโจวจำเป็นต้องเตรียมเงินมากกว่า 90000 หยวน
“ อ่า! การที่เธอต้องการสร้างบ้านแบบนี้นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ตราบใดที่เธอทำงานหนักมากพอ ลุงเชื่อว่าเธอจะสามารถสร้างบ้านสวยๆแบบนี้ได้แน่นอน หมู่บ้านของเราไม่มีภูมิทัศน์ที่สวยงามใดๆ แต่ถ้าเธอสามารถสร้างบ้านตามแบบนี้ขึ้นมาได้จริงๆ ลุงคิดว่านี่จะเป็นภูมิทัศน์ที่ดีของหมู่บ้านของเราทันที”
เห็นได้ชัดว่าโจวฟูนั้นชอบแบบบ้านนี้มาก ชีวิตของเขาเองก็เหลือน้อยลงไปทุกที มันจึงถึงเวลาแล้วที่เขาจะสนุกกับชีวิตของเขาบ้าง
หากเขาสามารถสร้างบ้านแบบนี้ได้ เขาจะไม่เสียใจในชีวิตของเขา อย่างไรก็ตามเขาเคยได้ยินจากเพื่อนร่วมห้องเก่าของเขากล่าวว่าค่าใช้จ่ายในการออกแบบบ้านใหม่นั้นจะไม่ใช้อะไรที่ถูกๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสถาปนิกที่สุดยอดแบบเพื่อนของเด็กน้อยโจว
เมื่อเขาคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า“ เด็กน้อยโจว! เธอช่วยให้เพื่อนของเธอออกแบบบ้านให้ลุงได้ไหม? แน่นอนว่าลุงจะจ่ายเงินกับค่าออกแบบให้”
โจวหยูไม่ได้ปฏิเสธกับคำขอนี้ เพราะในท้ายที่สุดลุงฟูก็ได้ช่วยเขาจัดการเรือนกระจกมากมาย ในแง่ของค่าธรรมเนียมการออกแบบ แม้ว่าเขาไม่ต้องการที่จะรับมัน เขาก็ยังต้องทำ ไม่อย่างนั้นมันอาจจะทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นได้
ลุงโจวฟูได้กลับออกไปอย่างมีความสุขหลังจากที่เขาได้รับแบบและพิมพ์เขียวจากโจวฟูในวันถัดไป ถ้าหลี่ฮันเซิงอยู่ที่นี่เขาจะต้องตกใจอย่างแน่นอน มันจะมีคนแบบไหนที่จะสามารถออกแบบบ้านได้เร็วขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าบุคคลนั้นได้รับข้อมูลการวัดทั้งหมดสำหรับการออกแบบบ้านของลุงโจวฟูได้ยังไง และแบบที่โจวฟูได้รับไปนั้นก็ไม่ใช่ภาพวาดของมือสมัครเล่นอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าคนออกแบบนี้ไม่ใช้คนธรรมดาอย่างที่คิด
ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ลุงฟูก็เริ่มสร้างบ้านใหม่ของเขา และมันก็ยังทำโดยบริษัทก่อสร้างของหลี่ฮันเหิง แต่คราวนี้พวกเขากับเลือกที่จะตั้งเต็นท์ในพื้นที่โล่งในหมู่บ้านแทนการนอนในโรงแรม ดูเหมือนว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี่ซักพัก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้งมันก็ค่อนข้างสมเหตุสมผล แม้ว่าบ้านของลุงฟูจะไม่ใหญ่เท่าเขา แต่อีกฝ่ายก็ยังเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้าน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ลุงฟูจะตระหนี่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นมีความเป็นไปได้มากว่าลุงฟูอาจจะมีการเพิ่มเติมบ้านในภายหลัง
หลี่ฮันเหิงนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้เช่นกัน ทุกครั้งที่เขามาที่หมู่บ้านเพื่อติดตามความคืบหน้าของการก่อสร้าง เขาก็จะใช้เวลาอยู่กับโจวหยูเพื่อพูดคุยเป็นส่วนใหญ่ เขาให้ความสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับโจวหยูและเพื่อนสถาปนิกของอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตามจากสิ่งที่เขารวบรวมได้จากโจวฟูนั้นก็มีเพียงว่า โจวหยูไม่ได้เป็นเพียงโอตาคุธรรมดาเท่านั้น แต่เขาเป็นผู้พัฒนาเกมอีกด้วย ส่วนเกมที่เขาพัฒนานั้นก็สามารถขายได้เป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สามารถทำเงินกับมันได้ถึงหนึ่งล้านหยวน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ประเภทของบุคคลที่หลี่ฮันเหิงสามารถจ้างได้
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถจ้างโจวหยูได้ แต่เขาก็ยังสามารถทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นเพื่อนของเขาได้ ทุกครั้งที่เขามาที่นี้เขาจะหารือเกี่ยวกับการออกแบบสถาปัตยกรรมหรือการออกแบบภูมิทัศน์กับโจวหยูเสมอ
และทุกครั้งเขาก็มักจะใช้เวลาในเรือนกระจกดอกไม้เพื่อศึกษาแบบจำลองอาคารพวกนี้ แบบจำลองอาคารที่เขาชอบมากที่สุดไม่ใช่อาคารแบบตึกระฟ้าหรือฐานอนิเมชั่นที่สวยงามของบริษัทเกม แต่มันเป็นวิหารเต๋าที่เรียบง่าย
หลี่ฮันเหิงเป็นผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ เขาได้เรียนรู้เพียงผิวเผินในเรื่องสถาปัตยกรรมโบราณจากอาจารย์ของเขาเท่านั้น แต่ถึงแม้จะมีความรู้เพียงผิวเผินเขาก็ยังรู้สึกว่าวิหารเต๋านี้มีความยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครเทียบ เห็นได้ชัดว่าเป็นงานของอาจารย์ที่มีความสามารถ มันยากมากสำหรับเขาที่จะจินตนาการว่ามันเป็นงานที่ทำโดยชายหนุ่มคนนี้
สิ่งที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือโจวหยูดูเหมือนจะไม่ชอบพูดถึงการออกแบบสถาปัตยกรรมมากนัก บางครั้งอีกฝ่ายก็ทำของเล่นสำหรับเด็กๆ แต่เวลาส่วนใหญ่ก็จะถูกใช้ไปคอมพิวเตอร์หรือไปตกปลาหรือปลูกดอกไม้มากกว่า นั้นทำให้หลี่ฮันเหิงคิดว่าอีกฝ่ายได้ใช้ชีวิตเหมือนชายชราที่เกษียณแล้วยังไงยังงั้น
‘มันเป็นชายหนุ่มที่แปลกจริงๆ’
เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีบุคลิกที่แตกต่างกันอย่างมาก ดังนั้นแม้ว่าหลี่ฮันเหิงจะต้องการเป็นเพื่อนกับโจวหยู แต่โจวหยูเองก็ไม่ต้องการเข้าใกล้เขาเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลี่ฮันเหิงชอบที่จะพูดคุยเกี่ยวกับการออกแบบสถาปัตยกรรมที่เสมอเมื่อเจอกัน มันทำให้โจวหยูรู้สึกประหม่าทุกครั้ง เพราะเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ โชคดีที่หลี่ฮันเหิงเป็นคนยุ่งมาก มันจึงทำให้อีกฝ่ายสามารถมาพบเขาได้เป็นบางครั้งเท่านั้น
ยิ่งกว่านั้นเขายังบอกเด็กๆในหมู่บ้านให้ระวังหลี่ฮันเหิงด้วย ทุกครั้งที่อีกฝ่ายต้องการมาหาเขา เด็กๆจะแจ้งให้เขาทราบก่อน จากนั้นเขาก็จะหนีออกไปทันที โดยทิ้งให้อีกฝ่ายรออยู่ที่บ้านของเขาคนเดียว
เมื่อเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ จะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเสมอ
เมื่อโจวหยูกำลังรดน้ำต้นไม้กระถางในเรือนกระจกช่วงเช้าอยู่นั้น ก็ได้มีเสียงตะโกนของช่างไม้บีเวอร์ดังขึ้นมา ก่อนที่จะตามมาด้วยเจ้าตัวที่กำลังรีบวิ่งเข้ามาในเรือนกระจกทันที
แต่เมื่อเห็นผีเสื้ออยู่บนหัวของมัน โจวหยูก็เกือบจะหัวเราะออกมาดังๆ
“ มีบางอย่างเกิดขึ้นกับพี่ชายของข้า!”
‘โอ้…ดูเหมือนว่าคนในโลกของ ACG จะใช้ผีเสื้อเพื่อส่งจดหมาย’ เมื่อช่างไม้บีเวอร์หยิบกระดาษหนึ่งชิ้นในกระบอกเล็กๆที่ด้านหลังของผีเสื้อออกมา มันก็ทำให้โจวหยูก็รู้สึกตัวขึ้น
อย่างไรก็ตามคำบนกระดาษนั้นเล็กเกินไป ดังนั้นโจวหยูจึงขอให้ช่างไม้บีเวอร์อ่านมันแทน “ สำหรับน้องชายของข้า พี่ชายคนโตคนนี้ได้ยินมาว่าในภูเขาที่อยู่ทางตอนเหนือของหมู่บ้านชางหยวน มีหินแปลกๆ พี่ชายคนนี้จึงกำลังจะไปดูมัน และจะกลับมาในวันพรุ่งนี้ โปรดอย่ากังวล”
มันดูเหมือนจะเป็นจดหมายธรรมดา อย่างไรก็ตามปัญหาคือว่าจดหมายถูกส่งมาหาช่างไม้บีเวอร์เมื่อสามวันที่ผ่านมา และตั้งแต่นั้นมาช่างไม้บีเวอร์ก็ไม่ได้รับจดหมายจากพี่ชายของเขาอีกเลย ดังนั้นเขาจึงได้รีบวิ่งมาขอความช่วยเหลือจากโจวหยูแบบนี้
ในขณะเดี๋ยวกันก็มีข้อความปรากฏขึ้นต่อหน้าโจวหยู
“ภารกิจเปิดใช้งาน คุณต้องการยอมรับหรือไม่”
‘เขาจะทำอะไรได้อีก แน่นอนว่าเขาจะยอมรับมัน’