The Rise of Otaku - ตอนที่ 52
บทที่ 52 การปลูกผัก
ป้ายของโรงเบียร์ได้ถูกแขวนอยู่หน้าร้านอย่างเด่น นั้นทำให้เกิดเครื่องหมายคำถามบนหัวของพวกทุกคนที่เห็นมัน พวกเขาถึงกับได้หยุดกิจกรรมที่ตัวเองทำอยู่ ก่อนที่จะเดินมาสำรวจโรงเบียร์แห่งนี้ด้วยความสนใจ
หลังจากที่พวกเขาทำความเข้าใจกับโรงเบียร์แล้ว มันก็ทำให้พวกเขาให้ความสนใจมากขึ้น เพราะต่อไปในอนาคตมันจะเป็นแหล่งความบันเทิงของหมู่บ้าน
โรงเบียร์เองก็จำเป็นที่จะต้องใช้วัตถุดิบที่หลากหลายสิ่ง อย่างข้าวสาลีและข้าวโพดถือว่าเป็นวัสดุหลักที่ใช้กันทั่วไป แต่พวกผักเช่นกะหล่ำปลีมันสามารถนำไปผลิตแอลกอฮอล์ได้ด้วยหรือ? โจวหยูที่เห็นรายการนี้ครั้งแรกก็ถึงกับตกใจ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแอลกอฮอล์ที่ทำจากวัสดุพวกนั้นมันจะยังดื่มได้ไหม?
ดูเหมือนว่าชายขี้เมาเฒ่านั้นจะดูมีความสุขมากที่สุดแล้วในตอนนี้ เขาถึงกับตกหลุมรักโรงเบียร์นี้ทันที แม้ว่าโรงเบียร์จะยังไม่เปิดทำการ แต่เขาก็ยังคงเดินไปรอบโรงเบียร์ตลอดเวลา นั้นทำให้โจวหยูเริ่มสงสัยว่าอีกฝ่ายอาจจะกำลังพยายามหาจุดที่ดีที่สุดที่จะแอบเข้าไป และทำการขโมยแอลกอฮอล์ได้ตลอดเวลาในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออีกฝ่ายได้ยืนยันว่าจะย้ายบ้านของเขามาอยู่ถัดจากโรงเบียร์นี้ ซึ่งนี้มันทำให้ความคิดก่อนหน้านี้ของโจวหยูดูเป็นอะไรที่เข้าท่ามากขึ้น
ตั้งแต่โรงเบียร์ถูกสร้างขึ้นชายขี้เมาเฒ่าในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะปักลักลงที่นี้ ความต้องการในการตั้งถิ่นฐานของเขาคือการสร้างโรงเบียร์ ถึงแม้ว่าตอนนี้โรงเบียร์ยังไม่ได้ถูกเปิดใช้งาน แต่เขาก็เลือกที่จะอยู่ที่นี้และนั้นทำให้สถานะของเขาเปลี่ยนจากที่ผู้อยู่อาศัยชั่วคราว ไปเป็นผู้อยู่อาศัยอย่างเป็นทางการ และฟังก์ชั่นของเขาเองก็ไม่ใช่เพื่อปลดล็อกตัวอาคารแต่อย่างใด
มันกับเป็นฟังก์ชั่นของผู้สอนศิลปะการต่อสู้แทน
นี้ไม่ใช้เรื่องเหนือความคาดหมายของโจวหยูมากนัก แน่นอนว่านี้ถือเป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน เพราะต่อไปในอนาคตเขาเองก็จะสามารถเรียนรู้กับอีกฝ่ายได้ และนั้นจะทำให้การแก้แคนของเขาประสบความสำเร็จ
แต่ความฝันอันแสนหวานนี้ก็ได้ถูกทำลายลงไป เพราะในตอนนี้เขานั้นไม่มีโถงสำหรับฝึกศิลปะการต่อสู้ มันจึงทำให้แผนการที่เขาต้องการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้แล้วแก้แค้นสัตว์ร้ายตัวเล็กๆเหล่านั้นล้มเหลวไปทันที
ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่สามารถเรียนศิลปะการต่อสู้ได้ แต่เขาก็ยังสามารถเขาให้อีกฝ่ายช่วยสร้างการ์ตูนอนิเมชั่นแนวศิลปะการต่อสู้ได้
เมื่อการสร้างอนิเมชั่นนี้เสร็จสิ้น เขาก็สามารถเพลิดเพลินกับอนิเมชั่นเรื่องใหม่ได้ ไม่เพียงเท่านั้นแม้แต่พวกเด็กๆเองก็จะได้เห็นอนิเมชั่นรูปแบบต่างๆมากขึ้น
ไม่นานมานี้เจ้าหนูน้อยโจวเฮาเองก็ได้พูดถึงอนิเมชั่นอย่างแพนด้ากังฟูขึ้นมา แม้ว่าบริษัทอนิเมชั่นของเขาจะเป็นเพียงระดับแรกอยู่เท่านั้น แต่ด้วยโดยมีปรมาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้ เขาเชื่อว่ามันจะอนเมชั่นที่เขาทำนั้นจะดีกว่าชาวต่างชาติที่ไม่รู้จักกังฟูอย่างแน่นอน
“ชายขี้เมาเฒ่า! คุณช่วยเข้าไปในบริษัทอนิเมชั่นแล้วช่วยออกแบบท่าทางกังฟูให้กับอนิเมชั่นเรื่องใหม่ของผมได้ไหม? ผมรู้ว่าด้วยการช่วยเหลือของปรมาจารย์กังฟูแบบคุณ มันจะต้องทำให้อนิเมชั่นเรื่องนี้ออกมาดีอย่างแน่นอน”
เมื่อโจวหยูยังเป็นเด็ก เขาชอบดูซีรีส์การต่อสู้เป็นพิเศษ มันอาจจะเป็นเรื่องปกติของเด็กผู้ชายที่ชอบฉากต่อสู้อันดุเดือด และในตอนนี้เขาก็มีสุดยอดปรมาจารย์ด้านกังฟูอยู่ มันจึงทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขเมื่อเขาคิดถึงผลลัพธ์ที่จะออกมา
อย่างไรก็ตามใบหน้าของชายขี้เมาเฒ่านั้นเต็มไปด้วยสีหน้าที่ดูถูกเหยียดหยาม เขาได้ส่ายขวดน้ำเต้าเปล่าแล้วพูดว่า “อยากให้ฉันทำงานเหรอ? ไม่มีแอลกอฮอล์จากโรงเหล้า นายอย่ามาคุยกับฉัน!”
‘แม่* ฉันลืมไปว่าเฒ่าขี้เมาคนนี้จะไม่ยอมทำงานฟรี!’ โจวหยูไม่มีทางเลือกนอกจากต้องรีบเตรียมความพร้อมสำหรับทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับโรงเบียร์โดยเร็วที่สุด
อาจเป็นเพราะโรงเบียร์ได้ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว มันจึงเริ่มมีวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องปรากฏออกมา หลังจากที่เขาได้รับเมล็ดพันธุ์ผักที่เหมาะสมที่จะเติบโตในฤดูใบไม้ร่วงจากเจ้าตู้กาชาปองแล้ว เขายังได้รับ “จอบไม้จันทน์แดงสีแดงของชาวไร่” จากชามสมบัติของเจ้าชายมังกรที่สามอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าขนาดพระเจ้ายังสงเสริมเขา!
จอบไม้จันทน์สีแดงของชาวไร่ จะเพิ่มเอฟเฟค “ผลร้อยพืช” ให้กับดิน ทำให้ดินสามารถปลูกพืชได้ทุกชนิด คุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่เก็บเกี่ยวจะเพิ่มขึ้น 30% และมีความเป็นไปได้ที่ผักที่ปลูกจะกลายพันธุ์และกลายเป็นราชาแห่งผัก
‘โอ้!’ เพราะเขาถูกกำหนดให้เป็นชาวไร่ เขาก็ควรที่เริ่มทำสิ่งที่เกษตรกรควรจะทำ ซึ่งนั้นก็คือเขาต้องมีไร่ผักเล็กๆในบ้านของเขา
งานเกษตรไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่านี้จะเป็นเพียงพื้นที่เล็กๆก็ตาม โจวหยูก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี? เขาที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงจึงตัดสินใจที่จะถามเจ้าหนูโจวเฮาแทน
แม้ว่าเจ้าหนูน้อยโจวเฮาจะไม่ได้เป็นมืออาชีพและจำนวนบินที่เขาทำงานในทุ่งก็ไม่มากนัก แต่เขาเกิดมาในครอบครัวของเกษตรกร ดังนั้นสำหรับเขาแล้วการปลูกผักในพื้นที่ขนาดเล็กจึงไม่ได้เป็นปัญหาเลย
แต่เขาก็ยังสงสัยว่าทำไมพี่ชายหยูที่ไม่เคยไปทำงานในไร่มาก่อน ยกเว้นการปลูกดอกไม้ถึงต้องการปลูกผักกัน?
“ เออ! พี่ชายหยูมีผักชนิดไหนที่ต้องการที่ยึดไหม??”
“ไม่รู้สิ! ฉันคิดว่าเราควรจะลองทำไปก่อน แล้วเราจะรู้มันในอนาคต”
เป็นเรื่องจริงที่เขาไม่รู้! เพราะเขาได้รับเมล็ดทั้งหมดจากตู้ชากาปอง และพวกมันทั้งหมดถูกแสดงในเครื่องหมายคำถามตลอดเวลา มันจึงทำให้เขาไม่สามารถตรวจสอบมันได้ ดังนั้นเขาคิดว่ามันคงต้องรอให้ผักพวกนี้เติบโตขึ้นมาก่อน ถึงพวกมันจะแสดงข้อมูลขึ้นมา
ซึ่งเมื่อเจ้าหนูน้อยโจวเฮาได้ยินคำตอบของพี่ชายหยูแบบนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหลับตาและสายหัวออกมา พี่ชายหยู ก็ยังคงเป็น พี่ชายหยู อยู่วันยังค่ำ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาได้เริ่มทำอะไรที่แปลกๆอีกแล้ว
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่รู้ว่าพวกมันเป็นเมล็ดพันธุ์อะไร แต่เขาก็ยังคงกล้าที่จะปลูกมันในบ้านของตัวเอง
หลังจากที่พี่ชายหนูปลูกเสร็จ เขาก็แค่ฉีดน้ำลงไปในดินโดยไม่ทำตามมาตรการเลย ถ้าคุณปู่ของเขามาเห็นสิ่งนี้เข้า มีความเป็นไปได้ที่คุณปู่ของเขาจะใช้เวลาตลอดทั้งวันในการอบรมพี่ชายหยูอย่างแน่นอน
หลังจากเสร็จสิ้นการปลูกพืชผักนี้ ด้วยการตลอดสอบผ่านสายตาของโลก ACG โจวหยูก็พบว่าพวกมันเพิ่งจะแสดงให้เห็นว่า “ปกติ” ดูเหมือนว่ามันจะไม่ดีไปมากกว่านี้ถ้ามันไม่มีผู้เชี่ยวชาญดูแล
นอกจากนี้ยังมีปุ๋ยการเกษตรพิเศษสำหรับผักเกิดขึ้น ซึ่งแตกต่างจากจุดเซฟของปุ๋ยดอกไม้ ปุ๋ยสำหรับเกษตรนี้ได้เกิดขึ้นที่หอระฆังร้างที่ตั้งอยู่ที่ปลายสุดด้านตะวันตกของหมู่บ้าน
หอระฆังนี้เคยเป็นตัวแทนพื้นที่จัดหาและตลาด มันเป็นอาคารสไตล์ตะวันตก ที่ชั้นบนสุดมีตัวระฆังติดเอาไว้ ภายใต้ชายคาตอนนี้ต่างก็เต็มไปนกนางแอ่นนับร้อยตัวที่กำลังบินเข้าและออกทุกวัน เห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้มันได้กลายเป็นสวรรค์สำหรับพวกนกนางแอ่นไปแล้ว
และการที่โจวหยูต้องมานั่งยองๆที่นั่นเป็นเวลาห้านาที มันก็ทำให้เขาสามารถเก็บปุ๋ยคอกขนาดเล็กได้สบายๆ
โดยที่จุดเซฟนี้มันจะรีเฟรชหนึ่งครั้งในหกชั่วโมง ซึ่งนี้มันถือว่าปัญหาสำหรับโจวหยูเลยก็ว่าได้ เพราะในตอนนี้เขามีเมล็กผักมากกว่าหนึ่งโหลในแปลงผักของ และถ้าเขาได้รับปุ๋ยเพียงแค่หนึ่งครั้งต่อหกชั่วโมง มันดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพอต่อจำนวนผักที่เขามี
เมื่อคิดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำ โจวหยูก็คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาจะซื้อบ้านชาวไร่ หลังจากเก็บปุ๋ยครั้งนี้เสร็จ เขาก็กลับไปที่ตู้ขายอัตโนมัติและเลือกที่จะซื้อบานชาวไร่ทันที ก่อนหน้านี้เทียนเนียงดูแลกระถางต้นไม้ถึงห้าต้นแล้ว มันถือว่าเป็นขีดจำกัดของเธอแล้ว ดังนั้นก่อนการอัพเกรดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้น โจวหยูไม่คิดว่าเธอคงไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้
บ้านชาวไร่ (หนึ่งดาว) ของลุงกวนเออร์: เขาชอบทำฟาร์ม เกลียดการดูแลดอกไม้และเลี้ยงสัตว์ สามารถดูแลพื้นที่การเกษตรมาตรฐานได้สูงสุดสองแห่ง
พื้นที่เพาะปลูกมาตรฐานนั้นโจวหยูสามารถตรวจสอบได้ผ่านสายตาของโลก ACG โดยที่มันจะแสดงพื้นที่สีน้ำเงินขึ้นมา และภายในกรอบนั้นเองที่เรียกว่าพื้นที่เพาะปลูก เมื่อวานนี้มันก็เพิ่งจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เช่นกัน โดยที่พื้นที่แปลงปลูกของเขานั้นถือว่าเป็นพื้นที่เพาะปลูกเพียงหนึ่งแห่งเท่านั้น
และมันเขายังได้รับความรู้ใหม่เพิ่มอีกด้วย นั้นคือเมื่อดินที่ใช้ปลูกเมล็ดผักชนิดใดชนิดหนึ่งไปแล้ว มันจะไม่สามารถปลูกเมล็ดผักชนิดอื่นได้ ดังนั้นในครั้งแต่ไปโจวหยูจำเป็นที่จะต้องคิดให้ดีในการปลูก ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะต้องเสียเงินกับการซื้อบ้านชาวไร่เพิ่มขึ้นอีกหลัง
หลังจากบ้านของชาวไร่ได้ตั้งรกรากอยู่ในหมู่บ้านลู่หัวเรียบร้อย ก็ได้ชายร่างสูงและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ เดินออกมาจากบ้านและทักทายโจวหยู
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีใบหน้าสีแดงและหนวดยาว เขาก็ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก เมื่ออีกฝ่ายทำการทักทายเสร็จแล้ว เขาก็ได้ถือจอบขึ้นมาก่อนที่จะวิ่งไปที่ไร่ผักเล็กๆ และเริ่มไถดินทันที
แน่นอนว่าเขาสามารถไปยังจุดเซฟสำหรับรับปุ๋ยได้เช่นกัน นั้นจึงทำให้สถานะของผักในแปลงได้เปลี่ยนเป็น “ยอดเยี่ยม”
แม้ว่าจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับสถานะที่สมบูรณ์แบบของต้นไม้ที่ได้รับการดูแลจากเทียนเนียงได้ แต่แค่นี้มันก็ยังค่อนข้างดีกว่าที่โจวหยูทำได้ก่อนหน้า
ด้วยวิธีนี้นอกเหนือจากการสร้างแปลงและหยอดเมล็ดในช่วงต้นแล้ว นอกจากเขาก็ไม่จำเป็นที่ต้องสนใจอีก เขาสามารถเอาเวลาที่ต้องคอยดูแลผักพวกนี้ ไปทำสิ่งที่เขาสนใจได้
……………………………
ตอนที่ 53 หวานและเค็ม
แน่นอนว่าข่าวที่โจวหยูทำสวนเล็กๆนี้ได้รู้กันทั้งหมู่บ้าน มีคนหลายคนที่อยากเห็นปฏิกิริยาที่น่าอายของโจวหยู เจ้าหนูตัวน้อยโจวเฮาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
เจ้าหนูน้อยโจวเฮาแทบทนไม่ได้ที่จะเห็นวิธีที่พี่ชายหยูใช้ปลูกผักพวกนั้น มีอยู่หลายครั้งที่เขาได้เสนอความช่วยเหลือเช่นการไปดูแลผักเหล่านั้นให้ แต่ทุกครั้งที่เขาเสนอไปมันกลับถูกปฏิเสธทุกครั้ง อีกฝ่ายมักจะบอกให้เขาทำเพียงแค่รอจนกว่าผักทั้งหมดโตขึ้นมาเท่านั้น นั้นทำให้เขาเกิดความคิดที่จะให้ผักพวกนั้นตายไปทั้งหมด นั้นอาจทำให้พี่ชายหยูหันรู้ว่าอะไรคือความเสียใจกัน
ด้วยความคิดนี้โจวเฮาจึงได้มาตรวจดูพืชผักนี้บ่อยกว่าโจวหยูเสียอีก อย่างไรก็ตามสถานการณ์ที่น่าเศร้าที่เขาคาดไว้กับไม่เกิดขึ้น
เมล็ดทั้งหมดได้งอกออกมาและความเร็วในการเติบโตก็ไม่ช้าเช่นกัน ถึงแม้ว่ารูปร่างของผักแต่ละชนิดจะแตกต่างกัน แต่ทุกต้นดูแข็งแรงดี
ในบรรดาต้นกล้าที่แข็งแรงพวกนั้น โจวเฮาจำได้ว่ามีผักที่เขารู้จักเช่นกัน เช่น กะหล่ำดอก บรอคโคลี่ กะหล่ำปลี และผักกาด และก็มีผักบางอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นกัน
แต่มันก็มีสิ่งที่เขาไม่เข้าใจเช่นกัน หนึ่งในนั้นคือวิธีที่พี่ชายหยูใช้ปลูกพืชผักพวกนี้ มันเป็นอะไรที่ไร้สาระมาก เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้จัดประเภทพืชให้อยู่ในกลุ่มเดียวกันด้วยซ้ำ เขาทำเพียงแค่ปลูกพวกมันทั้งหมดเข้าด้วยกันเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือพวกมันทั้งหมดกับยังคงมีชีวิตรอดมาได้!
ในช่วงเวลานี้เป็นปลายฤดูใบไม้ร่วงและต้นฤดูหนาวแล้ว มันถือว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่พวกมันทุกตัวสามารถมีชีวิตรอดมาได้โดยไม่ได้ปลูกในเรือนกระจก
อย่างไรก็ตามสิ่งมหัศจรรย์นี้ก็อยู่ได้ไม่นาน หลังจากฝนตกในฤดูใบไม้ร่วงผ่านไป ก็ได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ เจ้าหนูน้อยโจวเฮาผู้ซึ่งเริ่มชอบแปลงผักเล็กๆที่แปลกประหลาดนี้ ได้มาดูผักอีกครั้งในตอนเช้า แต่สิ่งที่เขาเห็นคือต้นกล้าผักทั้งสามสิบกว่าต้นในแปลงผักนั้นได้ตายไปชั่วข้ามคืนแล้ว
‘นี่เป็นวิธีที่ควรจะเป็น’
แม้ว่าเจ้าหนูน้อยโจวเฮาจะได้ผลลัพธ์ตามที่เขาคาดหวังเอาไว้ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขามีความสุขเลย และนั้นทำให้พวกเด็กๆที่มักจะมาที่สวนผักด้วยกันกับเขาถึงกับร้องไห้ออกมา
สำหรับพวกเขาแล้วแปลงผักนี้ไม่ใช่สวนผักธรรมดาอีกต่อไป แต่มันเป็นสนามเด็กเล่นอีกแห่งของพวกเขา มาตอนนี้ของเล่นทั้งหมดได้ตายไปแล้ว มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกเขาที่จะเศร้า
อย่างไรก็ตามโจวหยูก็ใจร้ายเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้รู้สึกถึงความเศร้าของพวกเด็กๆเลย เขาทำเพียงแค่พูดว่า “อ่า! มันเป็นฤดูกาลที่เหมาะสมสำหรับการปลูกจริงๆ … ” หลังจากนั้นเขาก็ขุดต้นกล้าผักทั้งหมดออกไป
ก่อนหน้านี้โจวหยูได้ประเมินความสามารถของเมล็ดพันธุ์แห่งโลก ACG ที่ได้สูงมาก เขาคิดว่าพวกมันอาจจะสามารถทำลายข้อจำกัดตามฤดูกาลของผักทั่วไปได้
แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่ามันจะไม่มีความสามารถแบบนั้น สิ่งนี้อาจพูดได้ว่าเขาโชคไม่ดีเท่านั้น เมื่อเขาใช้เจ้าตัวชากาปองอีกครั้ง มันก็ได้ให้เมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสมที่จะปลูกในฤดูหนาวมา
นี้แสดงให้เห็นว่าหากเขาสามารถรอไปอีกสองสามวัน เขาก็จะสามารถรับเมล็ดที่เหมาะสมที่จะปลูกในฤดูหนาวได้
‘เอา!… เนื่องจากตอนนี้ฉันก็ได้เมล็ดผักที่เหมาะกับฤดูนี้แล้ว มันจะเป็นอะไรที่เสียเปล่าเกินไปถ้าเขาไม่ปลูกพวกมัน’
หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งการโฆษณาเกมออนไลน์ ในที่สุดเกม ” สงครามพุดดิ้งถั่วเหลือง” ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ผู้เล่นที่ได้รับรหัสเบต้ารีบเข้าสู่สนามแข่งขันอย่างรวดเร็วและเริ่มต่อสู้กันเองเพื่อกำหนดรสชาติของพุดดิ้งถั่วเหลือง
แม้แต่ช่องข้อความในเกมเองก็เกิดการต่อสู้กันเป็นจำนวนมากขึ้น แต่มันก็ยังไม่สามารถตัดสินผู้ชนะได้
คราวนี้พวกนักเลงคีร์บอทเหล่านั้นได้ทำการต่อสู้กันโดยใช้ “ปืนและอาวุธ” ในเกมเป็นตัวกำหนดทิศทางของตัวเอง
พวกเขาไม่สามารถรอที่จะถล่มอีกฝ่ายได้ ในไม่ช้าก็ต่อสู้กันระหว่างฝ่ายหวานและฝ่ายเค็ม ก็เกิดขึ้นกันอย่างดุเดือด
หลังจากการฝึกสำหรับผู้เล่นใหม่จบลง ผู้ที่ก็เริ่มคุ้นเคยกับการควบคุมพื้นฐานของเกม และเริ่มที่จะเข้าสู่แผนที่เกมก่อนที่จะเริ่มการแข่งขันอย่างจริงจัง
สำหรับผู้เล่นที่มีไมโครโฟน พวกเขาจะเปิดไมโครโฟนของพวกเขาตลอดเวลา และสำหรับผู้ที่ไม่มีไมโครโฟนพวกเขาจะใช้การพิมพ์อย่างรวดเร็วบนคีย์บอร์ดของพวกเขาแทน
ไม่ว่าหลังจากนั้นพวกเขาจะแพ้หรือชนะ พวกเขาต่างก็ตะโกนว่า “ฝ่ายของฉันอยู่ยงคงกระพัน”
แผนที่การต่อสู้เองก็ถูกแบ่งออกเป็นสามประเภทในช่วงต้นนี้ ที่เป็นแบบนี้ก็เนื่องจากตัวเกมมันเพิ่งจะปิดตัวในช่วงเบต้าเท่านั้น ดังนั้นในโหมดการต่อสู้ในปัจจุบันจึงมีไม่มากนัก ในส่วนของโหมดแคมเปญเองก็ยังไม่ถูกเปิดขึ้นมา แต่ในอนาคตเมื่อระดับผู้เล่นเพิ่มขึ้นถึงระดับที่กำหนดตัวระบบเกมเองก็จะมีการอัปเดตเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตามความเร็วของผู้เล่นในการเพิ่มเลเวลตัวละครนั้นกับเป็นอะไรที่หน้าเหลือเชื่อมาก ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์พวกเขาก็ได้มาถึงขีดจำกัดระดับของโหมดใหม่แล้ว ดังนั้นมันจึงทำให้ตัวโหมดเนื้อเรื่องหลักของเกมเปิดใช้งานในที่สุด
บทที่หนึ่ง – ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายเค็มและหวาน
นานมาแล้วมีประเทศที่มีประวัติศาสตร์โบราณที่ยาวนาน ผู้คนในประเทศนี้ชอบกินพุดดิ้งถั่วเหลืองอย่างมาก แต่อยู่มาวันหนึ่งได้เด็กพิเศษสองคนได้พบกันที่แผงพุดดิ้งถั่วเหลือง เด็กชายหัวล้านได้สั่งถั่วเหลืองพุดดิ้งรสหวาน และเด็กชายที่มีทรงผมแบบเรียบเนียนก็ได้สั่งพุดดิ้งถั่วเหลืองรสเค็ม ไม่มีใครคาดคิดว่าการกระทำเล็กๆน้อยๆของทั้งสองคนจะก่อให้เกิดมหาสงครามครั้งใหญ่ขึ้นมา….
และต่อจากนี้ไปประวัติศาสตร์ของประเทศนั้นก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
หลายปีต่อมาชายหัวโล้นได้รับสืบทอดมรดกของพ่อตัวเอง และเริ่มนำไปสู่การสร้างฝ่ายรสเค็มขึ้นมาในที่สุด ในขณะที่เด็กชายที่มีทรงผมแบบเรียบเนียนเองก็ได้ใช้การพูดคุยและโน้มนาวใจคน จนในที่สุดตัวเขาเองก็สามารถสร้างฝ่ายรสหวานขึ้นมาได้เช่นกัน
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต่อต้านซึ่งกันและกันอย่างรุนแรง ในการเริ่มต้นพวกเขาทำเพียงแค่การต่อสู้กันด้วยหลักการเหมือนพวกนักนักปราชญ์ แต่ในที่สุดมันก็ได้รุกรามกลายเป็นสงครามแห่งความขัดแย้งขึ้นมา พวกเขาต่างก็เริ่มที่จะหันมาให้อาวุธสงครามกันมากขึ้น และการต่อสู้ครั้งแรกของพวกเขาอยู่ที่เมืองแห่งถั่ว
เนื้อหาของ CG ก็ได้จบลงเพียงแค่นั้น ในแง่ของความคืบหน้าของเนื้อเรื่องมันขึ้นอยู่กับการกระทำของผู้เล่นในเกม หากฝ่ายหวานชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ เรื่องราวส่วน A จะเปิดใช้งาน แต่หากฝ่ายเค็มชนะเรื่องราวส่วน B จะถูกเปิดใช้งาน
ส่วนการปล่อยตัว CG ของเรื่องราวทั้งสองเองก็จะได้รับการผลิตโดยทีมปฏิบัติการของบริษัทเกม ดังนั้นโจวหยูจึงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย
เดิมทีโจวหยูต้องการที่จะกำหนดฉากต่อสู้นี้สำหรับผู้คนนับหมื่นคนที่พยายามโจมตีเมือง เพราะถ้าเกิดเขาทำแบบนี้ได้ฉากนี้จะเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก อย่างไรก็ตามในภายหลังเขาได้เรียนรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะนำข้อมูลของผู้เล่นจำนวนมากมาสู่แผนที่เดียวกัน ซึ่งนั้นอาจจะทำให้เกิดความล่าช้ามากในด้านของผู้เล่น ดังนั้นในท้ายที่สุดเขาจึงได้ตัดสินใจเลือกเฉพาะผู้เล่นสิบอันดับแรกในแต่ละชั้นเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมแคมเปญนี้ได้
แต่ละฝ่ายจะมีสามชั้นและแต่ละชั้นมีสิบคน ดังนั้นทั้งหมดหกสิบคนจะสามารถเข้าร่วมการสู้รบในครั้งนี้ จริงๆแล้วด้วยจำนวนคนขนาดนี้มันก็ถือว่าเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่เช่นกัน
เพื่อให้มีคุณสมบัติตามที่กำหนด ผู้เล่นจำนวนมากต่างก็มีความกระตือรือร้นมากขึ้นและการต่อสู้ในเกมยิ่งรุนแรงมากขึ้น
หลังจากหนึ่งสัปดาห์ของการต่อสู้นองเลือด ผู้แข่งขันของทั้งสองฝ่ายก็ถูกตัดสินในที่สุด และสงครามครั้งใหญ่ครั้งแรกระหว่างฝ่ายรสเค็มและฝ่ายรสหวานก็เริ่มขึ้นแล้ว
ทางด้านจางเฟิงเองก็ได้ทำงานหนักมากสำหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้ เขายังได้เชิญนักวิจารณ์เกมที่ได้รับความนิยมบางคนมาถ่ายทอดสดกาตต่อสู้ครั้งนีและออกอากาศในเว็บไซต์เกมหลายแห่ง และเพื่อให้แน่ใจว่าจำนวนผู้เล่นจะไม่หายไปจากปัญหาทางเทคนิคในระหว่างการแข่งขัน เขายังได้จัดเตรียมผู้เล่นสำรองไว้ให้พร้อมที่จะต่อสู้ตลอดเวลา
แน่นอนว่ารางวัลสำหรับผู้ชนะเกมนี้ก็ไม่ได้มากมายอะไร เนื่องจากรางวัลนี้จะได้รับเมื่อทำการหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว และเมื่อเงินเหลือเท่าไหร่นั้นจะถูกนับว่าเป็นเงินรางวัลต่อไป
ในวันสุดท้ายของการต่อสู้ ผู้คนมากมายต่างก็ประทับใจกับการต่อสู้ออนไลน์ที่แปลกประหลาดนี้ การเห็นโหมดการต่อสู้ที่แปลกใหม่นี้ ไม่ว่าจะเป็นฉากต่อสู้กันระหว่างยานพาหนะกับยานพาหนะในทางบก หรือเรือรบต่อสู้กับเรือรบทางน้ำ แม้แต่บนอากาศเองก็มีการต่อสู้โดยเครื่องบิน ซึ่งนี้ทำให้ผู้ชมต่างก็รู้สึกว่าเกมนี้น่าสนใจยิ่งขึ้น
ก่อนหน้าที่โหมดแคมเปญจะเริ่มต้นขึ้น หน้าจอของการสตรีมทั้งหมดในเว็บไซต์สตรีมมิ่งต่างๆนั้นเต็มไปด้วยความเห็นมากมาย นอกจากนี้ยังมีกลุ่มแปลกๆเช่นฝ่ายรสเผ็ด ฝ่ายรสผักชี และฝ่ายกลุ่มน้อยอื่นๆ ที่ไม่เต็มใจที่จะอยู่เงียบๆ ทุกคนต่างก็มาที่ยังเว็บไซต์ฉันเป็นโอตาคุ พร้อมกับเรียกร้องให้เพิ่มฝ่ายมากขึ้น
แต่การเรียกร้องนั้นก็ไม่ได้รับการตอบรับแต่อย่างใด ทางผู้ดูแลทำเพียงประกาศออกมาว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับทักษะของผู้เล่น
อย่างไรก็ตามเนื่องจากนี้เป็นแคมเปญแรกสำหรับทุกคน ดังนั้นจึงไม่มีใครมีความได้เปรียบในประสบการณ์ ในตอนท้ายการต่อสู้อันวุ่นวาย นอกเหนือจากคนเพียงไม่กี่คนที่ทำงานร่วมกันจริงๆแล้ว คนส่วนใหญ่มักเล่นคนเดียวมากกว่า และผลลัพธ์สุดท้ายคือฝ่ายหวานเป็นฝ่ายชนะ
และนั้นทำให้มีการโปรโมตมากขึ้นเกี่ยวกับตัวเกม “สงครามแห่งถั่วเหลืองพุดดิ้ง” บนอินเทอร์เน็ต
เมื่อเห็นว่าจำนวนผู้เล่นออนไลน์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จางเฟิงก็ยิ้มทั้งวันราวกับว่าเขากลายเป็นคนบ้า
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ปัจจุบันยังไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้อย่างเต็มที่ เขายังต้องการใช้ประโยชน์จากความนิยมนี้เพื่อสร้างการแข่งขันแบบอีสปอร์ตจากเกมนี้และผลักดันเกมให้สูงยิ่งขึ้น
โจวหยูในฐานะผู้ออกแบบเกมนี้เองก็ได้เล่นเกมนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามเขามีระดับฝีมืออยู่ในระดับผู้เล่นมตราฐานเท่านั้น เขาไม่ได้ติดหนึ่งใน 100 อันดับแรกด้วยซ้ำ แต่ยังไงก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ก็ทำให้เขามีความสุขมากที่ได้เห็นผู้คนจำนวนมากชอบเกมนี้