The Rise of Otaku - ตอนที่ 71
บทที่ 71 เซอร์แบล็ก
ด้วยการดูแลเอาใจใส่ของบูบู ในที่สุดไข่ปริศนานั้นก็ฟักออกมาในที่สุด และนั้นทำให้เขาได้รับพาหนะเป็นนกพิราบสีดำตัวหนึ่ง เขายังไม่ลืมที่จะต้องชื่อมัน ด้วยที่เจ้านกน้อยนี้มีชื่อว่าเซอร์แบล็ก
แน่นอนว่านกพิราบตัวน้อยนี้จะเติบโตอย่างแข็งแกรงและแข็งแรงภายใต้การดูแลอย่างเต็มที่ของบูบู
แต่มันก็มีความแตกต่างจากเจ้าเดียนเดียนเช่นกัน หนึ่งในนั้นก็คือเจ้าเซอร์แบล็กไม่ได้รับความสนใจมากจากเด็กๆมากนัก อาจจะเป็นเพราะช่วงเวลาที่มันเกิดมานั้นตรงกับวันหยุดเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งในช่วงเวลานั้นจำนวนเด็กๆที่มายังบ้านของโจวหยูนั้นมีน้อยเป็นอย่างมาก ดังนั้นตั้งแต่เล็กจนโตเจ้าเซอร์แบล็กจึงกลายเป็นความลับ
เมื่อความตื่นเต้นน่ายินดีของเทศกาลฤดูใบไม้ผลิจางหายไป ชาวบ้านหลายคนได้ออกจากหมู่บ้านเพื่อทำงานอีกครั้ง นั้นทำใหหมู่บ้านลู่หัวแห่งนี้กลับมาเงียบลงอีกครั้ง ในเวลานี้เจ้าเซอร์แบล็กก็สามารถบินเป็นระยะทางสั้นๆในสนามได้แล้ว
ซึ่งความแตกต่างอย่างที่สองระหว่าเจ้าเดียนเดียนและเจ้าเซอร์แบล็ก นั้นก็คือการฝึกของเจ้าเซอร์แบล็กนั้นเป็นไปด้วยความปลอดภัย บูบูไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้พาหนะของเขานั้นต้องถูกลมพัดและฝนซัดสาดใส่ อย่างไรก็ตามเจ้าเซอร์แบล็กเองนั้นก็ทำงานหนักมากเช่นกัน มันฝึกฝนและฝึกฝนตัวเองอย่างหนักและต่อเนื่อง นั้นทำให้ในไม่ช้ามันก็สามารถสวมใส่ชุดเกราะนกได้
ชุดเกราะนกนี้เองก็ถูกทำขึ้นมาด้วยบูบูด้วยตัวเอง มันมีความเบาและสะดวกสบาย จุดเด่นหลักของชุดเกราะนี้ไม่ได้อยู่ที่การป้องกัน แต่เป็นการเพิ่มอากาศพลศาสตร์และความมั่นคงเมื่อใช้ในอากาศ สำหรับหลักการพวกนี้เป็นที่แน่นอนว่าโจวหยูนั้นไม่เข้าใจเลย
หลังจากติดตั้งชุดเกราะนกนี้แล้วก็หมายความว่าในที่สุดเจ้าเซอร์แบล็กก็เป็นนักผจญภัยที่มีคุณสมบัติพร้อม อย่างไรก็ตามบูบูกลับเต็มไปด้วยน้ำตาเมื่อเขาต้องนำมันเข้าดันเจี้ยนอย่างคุกแห่งความมืด
เหตุผลก็เพราะเขาไม่ต้องการให้เจ้าเซอร์แบล็กนั้นได้รับบาดเจ็บ หรือต้องไปเจอความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นถึงนักผจญภัยอันดับต้นๆแต่มันก็ไม่ได้รับประกันว่าพวกโจรในนั้นจะไม่ใช้แผนสกปรกทำร้ายเจ้าเซอร์แบล็กจนได้รับบาดเจ็บได้
‘ผู้ชายคนนี้และแจ็คแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงจริงๆ’
เมื่อนกพิราบสีดำในชุดเกราะขนนกแปลกๆได้ถูกวางอยู่บนไหล่ของโจวหยู มันก็ได้รับความสนใจจากพวกเด็กๆทันที
‘พี่ชายหยูเป็นคนที่แปลกจริงๆ ก่อนหน้านี้เขาก็ได้ติดตั้งอานบนตัวไก่ ตอนนี้เขาก็ยังได้ติดแบบเดียวกันเอาไว้บนหลังนกพิราบเช่นกัน?’
ก่อนหน้านี้พวกเขาเองก็เคยที่จะนำพวกชุดเกราะมาใส่กับสัตว์เลี้ยงของตัวเองเช่นกัน แต่ทุกครั้งที่พวกเขาใส่เสร็จ พวกสัตว์มันก็จะพยายามที่สลัดมันออกทันที เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่เหมือนกับเจ้าเดียนเดียนเลย
ว่ากันว่าคนในเมืองชอบแต่งตัวให้กับสัตว์เลี้ยงแบบนี้ และสัตว์เลี้ยงพวกนั้นเองก็เคยแต่งตัวแบบนี้เช่นกัน ดังนั้นอาจจะบอกได้ว่าสัตว์เลี้ยงของพี่ชายหยูเลี้ยงอยู่นั้นอาจจะเป็นลูกหลานของสัตว์เลี้ยงเหล่านั้น
ถ้าเจ้าเดียนเดียนเป็นนายพลแล้วเจ้าเซอร์แบล็กก็น่าจะเป็นหน่วยแรนเจอร์ ทุกวันมันจะบินไปยังสถานที่ที่ไม่รู้จักสำรวจ มันเต็มไปด้วยวิญญาณแห่งการผจญภัย ภายใต้การดูแลของบูบูที่มีการป้องกันมากเกินไป ความปรารถนาเพื่ออิสรภาพนั้นกลับเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งอื่นใด
เจ้าเซอร์แบล็กและเจ้าเดียนเดียนเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีมาก ซึ่งแตกต่างจากเจ้านายของพวกมัน คนอื่นมักจะเห็นว่าเซอร์แบล็กยืนอยู่บนอานของเจ้าเดียนเดียนเมื่อมันเหนื่อยกับการบิน นกพิราบและไก่เป็นเหมือนพี่น้องที่ดีต่อกันและยังถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเมื่อต้องมีการต่อสู้กัน
ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เจ้าเดียนเดียนได้ต่อสู้กับสุนัขจรจัดในหมู่บ้าน มันก็ทำให้หมู่บ้านลู่หัวแห่งนี้ได้กลายเป็นดินแดนของมันไปแล้ว เมื่อใดก็ตามที่สุนัขจรจัดเห็นมันพวกมันก็จะวิ่งหนีไปทันที อย่างไรก็ตามก็ยังมีสัตว์ที่ดื้อรั้นจำนวนไม่น้อยที่ต้องการแย่งชิงบัลลังก์และท้าทายสถานะของขาใหญ่อย่างมัน โดยเฉพาะสุนัขจรจัดในหมู่บ้าน พวกมันไม่ยอมถูกกดขี่โดยไก่เพียงหนึ่งตัวอย่างแน่นอน
จนมาวันหนึ่งเจ้าเดียนเดียนก็ถูกล้อมรอบไปด้วยสุนัขจรจัดสองตัว ไม่ว่าจะเป็นเจ้าเดียนเดียนที่ทรงพลังแค่ไหน แต่มันก็ยังไม่สามารถเอาชนะสุนัขจรจัดสองตัวได้ในเวลาเดียวกัน แต่มันก็ยังถือว่ามีโชคอยู่บ้างเพราะช่วงเวลานั้นเจ้าเซอร์แบล็กซึ่งเพิ่งฝึกซ้อมเสร็จได้บินลงมาจากท้องฟ้าในขณะที่ยังคงสวมชุดเกราะขนนก ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าเซอร์บัลค์, เจ้าเดียเดียนจึงสามารถตอบโต้การโจมตีสุนัขจรจัดและเอาชนะพวกมันทั้งสองมาได้
แม้ว่าเจ้าเซอร์แบล็กจะไม่สามารถสร้างความเสียหายได้มากนัก แต่ก็ยังสามารถก่อกวนสุนัขจรจัดได้ ด้วยความร่วมมือกันของทั้งสอง มันทำให้ทั้งคู่สามารถเอาชนะสุนัขจรจัดทั้งสองตัวมาได้
ลุงชิงผู้เป็นเจ้าของฟาร์มเลี้ยงปลาโชคดีพอที่จะสังเกตการณ์การต่อสู้ครั้งนี้ เขาถึงกับตกตะลึงกับสิ่งที่เขาเห็นอย่างมาก ‘เจ้าสัตว์ทั้งสองนั้นเป็นตัวอะไรกันแน่? ทำไมพวกมันถึงรู้วิธีการแบ่งแรงงานและร่วมมือซึ่งกันและกันได้? ‘
วันรุ่งขึ้นลุงชิงได้ตรงมายังบ้านของโจวหยูทันที เหตุผลนั้นก็เป็นอะไรที่ง่ายมาก มันก็คือเมื่อเร็วๆนี้ครอบครัวของเขาเพิ่งซื้อลูกเป็ดมาจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตามพวกมันกับตกเป็นเป้าหมายของพวกหนู ทุกคืนจะมีพวกลูกเป็ดถูกหนูกัดตาย ถึงแม้ว่าเขาจะได้วางกับดักหนูเอาไว้แล้วก็ตาม อย่างไรก็ตามพวกมันกับไม่มีผลเลย ซึ่งนี้ทำให้เขารู้สึกปวดหัวกับเรื่องนี้มากๆ แต่ระหว่างนั้นเขาก็ได้ยินลูกของเขาพูดว่าเจ้าเดียนเดียนของพี่ชายหยูนั้นสามารถจับหนูได้จำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงได้ลองมาขอร้องดู
แน่นอนว่าเรื่องที่เจ้าเดียนเดียนจับหนูเก่งนั้นเป็นเรื่องจริง เพราะตั้งแต่โจวหยูมีเจ้าเดียนเดียนหนูในบ้านก็ตายไปหมด
ซึ่งคำขอของลูงชิงนั้นมันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยมาก ดังนั้นโจวหยูจึงตกลงอย่างมีความสุขจากนั้นจึงขอให้แจ็คกับบูบูเดินทางไปพร้อมกัน แม้ว่าทั้งสองจะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับโลกแห่งความเป็นจริงได้ แต่พวกเขาก็ยังสามารถมีบทบาทการกำกับดูแลเจ้าเดียนเดียนกับเจ้าเซอร์แบล็กได้ ในกรณีที่มีสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น พวกเขายังสามารถพาพวกมันทั้งสองกลับมาได้ทันที
เมื่อมีเจ้าเซอร์แบล็กอยู่บนท้องฟ้าและเจ้าเดียนเดียนอยู่บนพื้นดิน มันก็ทำให้คืนนี้ถูกกำหนดให้เป็นคืนแห่งการสังหาร
ลุงชิงไม่ได้นอนตอนเย็นวันนี้เช่นกัน เขาได้ซุ้มรออยู่ในที่ข้างโรงเก็บเป็ด ท้ายที่สุดเขาเองก็ต้องมาตรวจสอบเองอยู่ดี ถึงแม้ว่าเจ้าเดียนเดียนจะเก่งเก่งในการจับหนู มันก็ไม่สามารถจัดการกับกลุ่มของหนูได้พร้อมๆกัน ดังนั้นเขาและลูกชายจึงได้มาช่วบอีกแรง
กลังจากเลยเที่ยงคืนมาได้ไม่นาน ลูกชายของเขาก็เผลอหลับไปและนั้นทำให้เขาจำเป็นที่จะต้องพากลับไปนอนที่บ้าน แต่ก่อนไปเขาก็ยังไม่ลืมที่จะเปิดไฟให้สว่างเอาไว้ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าไก่และนกพิราบมีวิสัยทัศน์ที่ไม่ดีในเวลากลางคืน ดังนั้นด้วยวิธีนี้พวกมันจะสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
ในบ้านของคนแปลกหน้าเจ้าเดียนเดียนไม่กระวนกระวายเลยแม้แต่น้อย มันยังอยู่ใกล้กับโรงเก็บเป็ดดูเหมือนจะหลับตาแล้วหลับตาตลอดเวลา แต่ทันทีที่มีการเคลื่อนไหวบางอย่างเกิดขึ้น มันจะเปิดตาทันที ดวงตาของมันสามารถปล่อยแสงเย็นออกมาได้ทำให้ลุงชิงสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้
ส่วนเจ้าเซอร์แบล็กเองก็อยู่บนต้นไม้เสมอ นั้นทำให้ลุงชิงไม่รู้ว่ามันกำลังทำอะไรอยู่
หลังเที่ยงคืนเกือบจะตีหนึ่ง ลุงชิงก็แสดงอาการเหนื่อยเล็กน้อย เขาเกือบคิดว่าหนูเหล่านั้นอาจได้รับข้อมูลจากใครบางคน เพราะพวกเขารอมาถึงตรงนี้ก็ยังไม่เห็นเงาของพวกมันแม้แต่ตัวเดียว
แต่ในที่เขาคิดว่าแผนวันนี้คงล้มเหลวนั้น ก็ได้มีเสียงของนกดังขึ้นอย่างกะทันหันจากด้านบน และเจ้าเดียนเดียนก็รีบวิ่งออกทันทีราวกับสายฟ้าผ่าและรีบเข้าไปในพุ่มไม้สีเข้ม
ลุงชิงเองก็รีบวิ่งตามไปด้วยไฟฉายและพลั่ว เมื่อแสงส่องเข้ามาในป่า เขาก็เห็นว่ามีอะไรอยู่ในนั้น
‘อึศักดิ์สิทธิ์! ในนั้นมีหนูตัวใหญ่กว่าสิบตัววิ่งหนีไปอย่างหวาดกลัว’
เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน หนูตัวใหญ่สองตัวก็ตกลงบนพื้นพร้อมกับมีรูขนาดใหญ่ในกะโหลกของพวกมัน ลุงชิงเองก็เข้าร่วมการต่อสู้และเริ่มใช้จอบตีหนูพวกนั้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามมีเพียงหนึ่งในนั้นเท่านั้นที่ถูกฆ่าตายและตัวอื่นๆก็ได้หนีหายไป
นี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการสอนบทเรียนให้ไอ้พวกนั้นรู้ ลุงชิงพอใจกับผลการต่อสู้ครั้งนี้มาก ด้วยผลสำเร็จแบบนี้ใช้เวลาเพียงอีกสองถึงสามคืน พวกหนูจะไม่กล้ากลับมาอีก
อย่างไรก็ตามการต่อสู้ยังไม่จบ เจ้าเซอร์แบล็กได้กระพือปีกและยืนอยู่บนไหล่ของลุงชิง ปีกข้างหนึ่งยื่นออกมาชี้ไปที่ทิศทางหนึ่ง ลุงชิงที่เห็นแบบนั้นก็ได้ส่องไฟฉายในทิศทางนั้นทันที จากนั้นเจ้าเดียนเดียนก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่ามันได้จัดการหนูอีกกลุ่มหนึ่ง
หลังจากวิ่งไปรอบๆหลายครั้ง มีเพียงหนูไม่กี่ตัวเท่านั้นที่สามารถหนีไปได้ นอกนั้นได้ถูกที่ฆ่าตายทั้งหมด
จำนวนหนูที่ตายในคืนนี้เองก็เป็นที่น่าพอใจมากเช่นกัน มีหนูตายถึงสิบสามตัว ซึ่งนี้ถือว่าเป็นชัยชนะที่ยอดเยี่ยม!