The Rise of Otaku - ตอนที่ 82
บทที่ 82 ความร่วมมือ
แม้ว่าสวนสนุกของพี่ชายหยูยังไม่เปิด แต่เด็กบางคนก็ได้แอบเข้าไปดูด้านในแล้ว ถึงแม้ว่าสวนน้ำนี้จะเล็กกว่าสวนน้ำในเมือง แต่มันก็มีอุปกรณ์ที่จำเป็นทั้งหมดครบพร้อม ยังไงก็ตามเรื่องนี้มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเด็กเหล่านั้น เพราะสำหรับพวกเขาแล้วขอแค่มีที่ให้เขาเล่นน้ำก็พอแล้ว
ไม่เพียงแค่นั้นในสระน้ำยังมีพวกลูกบอล แพยาง และของเล่นต่างๆอีกมากมายที่รอคอยให้พวกเขาเข้าไปเล่นมัน… ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนเจ้าสวนสนุกนี้มันก็ดีกว่าแม่น้ำที่อยู่หน้าบ้านพี่ชายหยู
มีเด็กจากหมู่บ้านใกล้เคียงบ้างคนที่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน และนั้นทำให้พวกเขาต่างก็คาดหวังว่าเจ้าสวนน้ำนี้จะเปิดโดยเร็วที่สุด
แต่เมื่อวันทดลองเปิดใกล้เข้ามา พวกเขาก็พบว่ามันได้มีปัญหาร้ายแรงขึ้นมาหนึ่งข้อ นั้นก็คือค่าเข้านั้นเอง
ตอนนี้ไม่ใช่วันหยุดในฤดูหนาว มันจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถรับอังเป๋าได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ทราบว่าพี่ชายหยูจะตั้งค่าเข้าเท่าไหร่ แต่ยึกตามค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยในการใช้สระว่ายน้ำในเมืองนั้นมันมีค่ามากกว่าสิบสองหยวนในแต่ละครั้ง และสวนน้ำของพี่ชายหยูเองก็คงจะไม่ถูกไปกว่านั้นแน่นอน และแน่นอนว่าสวนน้ำของพี่ชายหยูคงจะไม่ฟรีเช่น.
เมื่อมันไม่ฟรีมันก็ทำให้พวกเด็กๆส่วนใหญ่จะไม่สามารถไปที่สวนสนุกได้ ไม่มีเด็กคนไหนที่จะสามารถประหยัดเงินอังเป๋าของช่วงปีใหม่ได้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้รับเงินมากขนาดไหนแต่พวกมันทั้งหมดต่างก็ถูกยึดโดยพ่อแม่ของพวกเขาหรือไม่พวกเขาก็ได้ใช้พวกมันไปแล้ว
ดังนั้นมันจึงเกิดคำถามขึ้นมาว่าพวกเขาจะไปหาเงินมาจากที่ไหนกัน?
แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าเมื่อพวกเขากำลังคิดหาวิธีหาเงินสำหรับค่าเข้าสวนสนุกอยู่นั้น มันกลับมีข่าวดีเกิดขึ้นกับพวกเขา
ในการประชุมในชั้นเรียนครั้งล่าสุด ครูใหญ่ได้ประกาศว่านักเรียนที่ทำคะแนนได้สูงสุดสิบอันดับแรกของแต่ละปีจะได้รับรางวัลเป็น “บัตรเข้าสวนน้ำฟรี” ด้วยบัตรนี้จะทำให้คนที่ถือบัตรนี้สามารถเข้าไปเล่นสวนน้ำได้ตลอดช่วงฤดูร้อน
ทันทีที่ครูใหญ่ประกาศเรื่องนี้ มันก็ทำให้เด็กๆถึงกับส่งเสียงเชียร์ออกมาทันที นี่เป็นตั๋วที่พวกเขาต้องการที่สุดถึงแม้ว่าหลังจากนั้นพวกเขาจะต้องเขียนบันทึกประจำวันก็ตาม แต่เรื่องนั้นมันก็ไม่ใช้ปัญหาสำหรับพวกเขาเลย ดังนั้นในตอนนี้พวกเด็กๆต่างก็จ้องไปยังบัตรที่อยู่ในมือของครูใหญ่อย่างไม่วางตา
สำหรับเด็กซนอย่างโจวเฮานั้น เรื่องที่ครูใหญ่ประกาศออกมานั้นสำหรับเขาแล้วมันเป็นทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายพร้อมๆกัน แต่เมื่อเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะลองดูกับมันซักครั้ง เขาก็ได้ลงมือทุ้มสุดตัวทันทีถึงแม้ว่ามันจะเหลือเพียงเดือนครึ่งก็ตาม
หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไป มันก็ทำให้บรรยากาศในการเรียนรู้ของโรงเรียนประถมลู่หัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและแม้แต่เด็กซุกซนก็ยังต้องแกล้งเรียนอย่างหนัก ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ครูทุกคนต่างก็มีความสุขเป็นอย่างมาก
บอกตามตรงครูบางคนก็ต้องการรับบัตรเข้าฟรีเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ยังมีวันหยุดฤดูร้อนถึงสองเดือนเช่นกัน เป็นจะเป็นอะไรที่ดีมากถ้าพวกเขาได้รับบัตรนั้น มันจะทำให้พวกเขาสามารถเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศวันหยุดในสวนน้ำได้ตลอดสองเดือน และพวกเขายังได้ยินมาว่าสวนน้ำนั้นยังมีสระคลื่นพร้อมกับชายหาดจริงๆอีกด้วย
เมื่อพวกเขาคิดถึงเรื่องนี้ มันก็ทำให้พวกเขารู้ว่าชายหนุ่มที่ชื่อว่าโจวหยูคนนั้นเป็นคนที่ร่ำรวยอย่างแท้จริง เขาถึงกับแจกบัตรเข้าฟรีเกือบเจ็ดสิบใบโดยไม่ต้องขมวดคิ้วด้วยซ้ำ และถึงแม้ว่าครูอย่างพวกเขาจะไม่สามารถรับบัตรเข้าฟรีได้ แต่พวกเขาก็ยังได้รับส่วนลดถึง 50% เลยที่เดียว และเนื่องจากมันเป็นเพียงการทดลองเปิดเท่านั้น มันจึงทำให้ค่าเข้านั้นไม่แพงมากนัก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไปทุกวันมันก็คิดเป็นค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ในทางกลับกันโรงเรียนประถมลู่หัวเองก็ได้พยายามอย่างยิ่งในการส่งเสริมการขายให้สวนสนุกลิตเติ้ลพาราไดซ์ของโจวหยู และยังได้รายงานการมีส่วนร่วมของเขาต่อแผนกการศึกษาของเมืองอีกด้วย นั้นจึงทำให้ในไม่ช้าโจวหยูได้รับธงสองสามอันจากรัฐบาล
ในป้ายเหล่านั้นพวกมันเต็มไปด้วยคำชมและกำลังใจจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่น แม้ว่าป้ายเหล่านั้นจะดูหรูหรามากนัก แต่มันก็ยังแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือได้ดี แค่นั้นยังไม่พอพวกเขายังต้องการส่งนักข่าวมาทำข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย แต่มันก็ถูกปฏิเสธด้วยโจวหยูทันที
ข่าวนี้ถือว่าเป็นข่าวใหญ่มากแม้แต่โรงเรียนมัธยมไบลูในตัวจังหวัดเองก็ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน ในที่สุดมันก็ทำให้นักเรียนเกือบทั่วทั้งจังหวัดต่างก็รู้ว่าในหมู่บ้านลู่หัวมีสวนน้ำเปิดใหม่และมันยังมีสระคลื่นพร้อมกับชายหาดอีกด้วย เมื่อพวกเขาได้ยินแบบนี้มันยิ่งทำให้พวกเขาต่างก็คาดหวังให้ถึงวันเปิดโดยเร็ว
สำหรับหมู่บ้านลู่หัวแล้วข่าวที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก เมื่อพวกเขาได้เห็นผู้คนจำนวนมากต่างก็เดินทางมาที่หมู่บ้านของเขามากขึ้น และได้ยินคำชมมากมายที่เกี่ยวกับสวนน้ำของเด็กน้อยโจว มันก็ทำให้หัวหน้าหมู่บ้านหัวเราะทั้งวันเลยที่เดียว
………………
อีกด้านหนึ่งหลังจากที่มีการประกาศหยุดการลงมังงะเรื่องฮันเตอร์ของลัทธิเต๋าที่ถูกคุมขัง มันก็ทำให้บันดาแฟนๆมังงะเรื่องนี้ต่างก็ลดน้อยลง พวกเขาส่วนใหญ่ต่างก็ได้ร้องขอให้ลัทธิเต๋าที่ถูกคุมขังอย่าหยุดปล่อยมังงะ แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ผลแต่อย่างใด ดังนั้นหลังจากผ่านช่วงเวลานี้ไปมันก็ทำให้พวกเขาหวังว่าลัทธิเต๋าที่ถูกคุมขังนั้นจะรีบปล่อยมังงะเรื่องใหม่ของตัวเองออกมาให้เร็วที่สุด
ดูเหมือนว่าคำอธิฐานของพวกเขานั้นจะเป็นผล เพราะในวันนี้ผู้นับถือลัทธิเต๋าที่ถูกคุมขังได้ทำการประกาศข่าวเกี่ยวกับการปล่อยมังงะเรื่องใหม่ของตัวเอง ด้วยที่เขาได้ใช้ชื่อมังงะว่า “อัสแซสซินส์” และยังได้มีการอธิบายถึงเรื่องของความยากลำบากในการวาดมังงะเรื่องนี้ มันจึงทำให้เขาไม่สามารถปล่อยบทตามอัตราเดิมอย่างหนึ่งบทต่อหนึ่งวันได้อีก
เมื่อข่าวนี้ได้ถูกปล่อยออกมามันก็ทำให้เหล่าแฟนๆถึงกับยิ้มออกมาได้ในที่สุด ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างก็คิดว่าลัทธิเต๋าที่ถูกคุมขังอาจจะไม่วาดมังงะอีกต่อไป แต่เมื่อพวกเขาได้ยินแบบนี้พวกเขาก็สามารถรออย่างมีความหวังได้
แต่สำหรับโจวหยูแล้วไม่ว่าเหล่าแฟนๆพวกนั้นจะยังคงต้องการเป็นผู้ติดตามหรือเลิกตามเขา มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับเขาอยู่แล้ว
เมื่อโจวหยูได้ตัดสินใจที่จะก้าวบนเส้นทางนี้แล้ว มันก็จำเป็นที่เขาจะต้องหาต้นสังกัดและมันก็ถือเป็นโชคดีที่บริษัทเหล่านี้หาได้ไม่ยากนัก เขาได้เลือกบริษัทที่ชื่อว่าบริษัทแพนกวิ้นมังงะ ด้วยที่เขาได้ยื้นข้อเสนอให้กับอีกฝ่ายว่าเขาจะไม่เปิดเผยตัวตนของเขาทุกกรณีและเขายังไม่ต้องการเข้าร่วมในกิจกรรมส่งเสริมการขายใดๆ ซึ่งถ้าบริษัทแพนกวินมังงะไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขเหล่านี้ เขาก็ไม่คิดที่จะเข้าร่วมกับอีกฝ่ายเช่นกัน
ด้วยความต้องการแปลกๆนี้มันทำให้พนักงานที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ของบริษัทแพนกวินมังงะถึงกับสับสนเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่รู้ว่าอะไรดนใจให้ศิลปินมังงะที่ชื่อโจวหยูคนนี้ถึงได้ตั้งเงื่อนไขแบบนี้? หรือว่าอีกฝ่ายเป็นโรคกลัวคนกัน? ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆพวกเขาก็สามารถยอมรับได้ ขนาดตัวต้นฉบับมังงะเรื่องอัสแซสซินส์เองอีกฝ่ายยังทำเพียงส่งแฟกซ์มาให้พวกเขาเท่านั้น และอีกฝ่ายยังได้แนบข้อความมาด้วยว่าหลังจากที่มังงะเรื่องนี้ได้รับความยินยอมแล้ว การตัดสินใจขั้นสุดท้ายทั้งหมดของมังงะจะถูกตัดสินด้วยเขาเท่านั้น
หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าอีกฝ่ายมีฝือมือจริงๆละก็ มันไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะยอมตกลงกับเงื่อนไขแบบนี้ ขนาดศิลปินอันดับสูงๆในบริษัทของพวกเขายังไม่สามารถตั้งเงื่อนไขได้มากมายแบบนี้
ต้นฉบับของเรื่องอัสแซสซินส์นั้นได้เริ่มเล่าเรื่องจากฆาตกรที่ชื่อว่าหลิวกง ด้วยสภาพแวดล้อมของโลกในปัจจุบันมันทำให้เป็นเรื่องยากที่เหล่านักฆ่าจะหลบหนีได้ แต่มันไม่ใช้สำหรับตัวเองกของเรื่อง ด้วยความสามารถและไหวพริบที่มี มันทำให้การรอบฆ่าแต่ละครั้งของเขานั้นเป็นอะไรที่หมดจดและไม่สามารถตามรอยได้
“อัสแซสซินส์ ที่มีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้านั้นจะสามารถทำได้ทุกสิ่ง ไม่ว่าเป้าหมายจะหลบซ่อนอยู่ที่ไหนพวกเขาก็ไม่สามารถหนีความตายได้” นี่คือประโยคของจุดเริ่มต้นของบทแรก
การออกแบบของตัวละครเองก็เป็นอะไรที่น่าประทับใจมากเช่นกัน การเล่าเรื่องนั้นราบรื่นจนไม่สามารถหาข้อติได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฉากการต่อสู้ที่สามารถทำให้ผู้อ่านได้เข้าถึงอารมณ์ของตัวละครได้จริงๆ ฉากฆ่าเหล่านั้นเต็มไปด้วยความแปลกประหลาดและดูเหมือนว่าทุกขั้นตอนนั้นก็เปรียบเสมือนการเดินกระดานหมากรุก มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมากและมันทำให้ผู้อ่านไม่สามารถเดาตอนจบของเรื่องนี้ได้เด็ดขาด
‘มันเป็นมังงะที่ยอดเยี่ยม!’
‘ศิลปินลัทธิเต๋าที่ถูกคุมขังเป็นคนที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง!’
คำพูดเหล่านี้ต่างก็เป็นความเห็นเชิงบวกของคณะบรรณาธิการ มันไม่น่าแปลกใจเลยที่อีกฝ่ายจะหยิ่งมาก ถึงขนาดที่ว่าการตัดสินใจทั้งหมดของมังงะนั้น คนที่มีอำนาจตัดสินใจอยู่ที่ตัวเขาทั้งหมด เมื่อเป็นแบบนั้นพวกเขาก็ต้องหาบรรณาธิการที่มีความสามารถพอๆกันด้วย ไม่อย่างนั้นมันอาจจะทำให้การดำเนินงานทั้งหมดเกิดปัญหาขึ้นมาได้ นี้
แต่เมื่อพวกเขาได้มารับรู้ถึงความคิดของโจวหยูตอนนี้ พวกเขาคงจะต้องรีบวิ่งไปโหม่งตึกอย่างแน่นอน ที่โจวหยูได้ตั้งเงื่อนไขแบบนี้ก็เนื่องจากว่าเขาไม่สามารถรับรู้อารมณ์ของวังฟาสต์เลย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรบ้างหลังจากนี้ ดังนั้นการตั้งเงื่อนไขแบบนี้เป็นการป้องกันเอาไว้ก่อน
หลังจากมีการพูดคุยกันหลายครั้ง โจวหยูได้แสดงความแน่วแน่และไม่ยอมแพ้เกี่ยวกับเงื่อนไขพวกนี้ เขายังกล่าวด้วยว่าหากพวกเขาไม่เห็นกับเงื่อนไขเหล่านี้ เขาก็พร้อมที่จะเผยแพร่มังงะอัสแซสซินส์ฟรี หลังจากที่โจวหยูยื้นคำขาดนี้ออกไป ทางบริษัทแพนกวินมังงะเมื่อได้ฟังแบบนี้ก็ได้ยอมรับเงื่อนไขนี้อย่างจำใจ
หลังจากเซ็นสัญญาเสร็จสิ้น มังงะ “อัสแซสซินส์” ก็ได้เข้าร่วมอย่างเป็นทางการ
ทันทีที่โจวหยูเข้าร่วมกับบริษัทแพนกวินมังงะอย่างเป็นทางการ เขาเองก็จะได้รับผลประโยชน์ทันทีในฐานะศิลปินทันที โดยที่ทางบริษัทจะดำเนินงานทุกอย่างเองทั้งหมด เริ่มตั้งแต่การโฆษณาเลยที่เดียว
ในตอนนี้ห้องประชุมของบริษัทมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่ลัทธิเต๋าที่ถูกคุมขังไม่ปรากฏตัวที่นี้ แม้แต่รูปของเจ้าตัวก็ไม่มีการแสดงขึ้นมา และเมื่อใดก็ตามที่มีนักข่าวได้พูดถึงคำถามนี้ พนักงานจากบริษัทแพนกวินมังงะจะทำเพียงหัวเราะอย่างขมขื่นและหลีกเลี่ยงหัวข้อนี้ไป อย่างไรก็ตามมันยิ่งทำให้คนต่างก็แสดงความอยากรู้มากขึ้น
‘มีใครสักคนที่ไม่ชอบที่จะมีชื่อเสียงในโลกนี้กัน?’