The Rise of Otaku - ตอนที่ 10
บทที่ 10 ความหมกมุ่น
ตอนนี้ทั้งตัวของโจวหยูไม่มีที่ไหนที่ไม่มีแผ่นแปะบรรเทาอาการปวดติดเอาไว้ เขาไม่คิดเลยว่าถ้าเขาไม่มีพวกมันเขาคงต้องประสบกับโศกนาฏกรรมที่แท้จริงอย่างแน่นอน
และก็ยังถือว่าโชคดีที่เขาไม่มีปัญหาในการใช้คอมพิวเตอร์ ไม่เช่นนั้นเขาจะรู้สึกเบื่อจนต้องนอนนับยุงเมื่อนอนอยู่บนเตียง
อย่างไรก็ตามเมื่อใดก็ตามที่เขาคิดว่าเขาจะต้องถูกตีอย่างน้อยวันละครั้งในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ความคิดของเขาก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกของ ACG แต่ทำไมมันถึงไม่มีระบบที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพให้กับเขา อย่างน้อยเขาก็ขออะไรที่สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการจัดการกับสัตว์ร้ายตัวเล็กๆ เหล่านั้นได้บ้าง
ทางด้านบนอินเทอร์เน็ต ชื่อเสียงของผู้ใช้ไอดีลัทธิเต๋าที่ถูกคุมขังยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหล่าแฟนๆของเขาต่างก็ชื่นชมบทฮันเตอร์ที่เขาปล่อยออกมาทุกวัน ในตอนนี้พวกเขาต่างก็ตั้งตารอการสร้างสรรค์ผลงานออกมามากขึ้นเรื่อยๆ นั้นทำให้โจวหยูตัดสินใจว่าเขาจะต้องได้รับสตูดิโอการ์ตูนถาวรมา ไม่อย่างนั้นเมื่อนักวาดการ์ตูนแบบชั่วคราวนี้หมดลง ชื่อเสียงของเขาคงจะ ‘หายไป’ เช่นกัน
หนึ่งบทต่อวัน เป็นหัวข้อที่เหล่าแฟนๆนักล่าต่างก็พูดถึงมากที่สุด ในเบื้องต้นพวกเขาคิดว่าผู้ใช้ไอดีลัทธิเต๋าที่ถูกคุมขังนั้นเป็นนักเขียนผู้ช่วยของอาจารย์โยดาฮิโระโทะกามิ แต่หลังจากที่เขาไม่ได้หยุดการปล่อยตัวบทอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาถึงหนึ่งเดือนเต็ม มันก็ได้ทำให้ความคิดก่อนหน้านี้ของพวกเขาถูกลบหายไป
ทางด้านบริษัทต้นสังกัดของการ์ตูนฮันเตอร์เองก็ได้เริ่มหยุดการอัปเดตแล้วเป็นเวลาสองสามสัปดาห์ มีการกล่าวกันว่าบทที่แฟนอาตทำออกมานั้น ทำให้ศิลปินต้นฉบับรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก ดังนั้นอาจารย์โยดาฮิโระโทะกามิจึงต้องเรียบทำการเปลี่ยนเนื้อเรื่องเดิมของเขาอย่างเร่งด่วน
สำหรับผู้ชมข้างสนามกับรู้สึกสนุกกับเหตุการณ์นี้ สำหรับพวกเขาแล้วไม่ว่าทางไหนจะลงมือทำ พวกเขาก็ได้รับผลประโยชน์ทั้งนั้น
ทางด้านบริษัทการ์ตูนแอนนิเมชั่นชั้นนำของญี่ปุ่น ได้ปล่อยข่าวรั่วไหลออกมาเป็นครั้งคราวว่าพวกเขานั้นต้องการดึงตัวผู้ใช้ไอดีลัทธิเต๋าที่ถูกคุมขังเข้ามามีส่วนร่วมอย่างทางการ และหากความร่วมมือนี้ประสบความสำเร็จนี้ก็จะเป็นข่าวใหญ่สำหรับแฟนๆชาวฮันเตอร์ทั่วโลกอย่างแน่นอน
แต่มันก็ต้องทำให้เหล่าแฟนๆผิดหวัง เนื่องจากผู้ใช้ไอดีลัทธิเต๋าที่ถูกคุมขังไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เขายังคงโพสต์การ์ตูนบทใหม่ตามเวลาเดิมทุกวันนอกเหนือจากนั้นเขากับไม่ให้ความสนใจมันเลย
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเขายังไม่แสดงให้เหล่าแฟนๆรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขา! จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นผู้นับถือลัทธิเต๋าตัวจริงกันแน่ ซึ่งนั้นทำให้เหล่าแฟนๆต่างก็สงสัยว่าทำให้คนที่ชอบการ์ตูนฮันเตอร์มากถึงขนาดวาดเรื่องต่อออกมาด้วยตัวเอง แล้วทำไมเขาถึงไม่ออกมาแสดงตัวและรวมมือกับทางบริษัทต้นสังกัดและทำเงินจำนวนมากแทน
ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครเข้าใจในตัวโจวหยูจริงๆ!
‘การไปญี่ปุ่นของฉันในฐานะศิลปินมังงะนั้นแตกต่างจากการวาดการ์ตูนอย่างสิ้นเชิง!’ นี่คือเสียงในใจของโจวหยู นี้ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเขานั้นเป็นคนที่ไม่ชอบออกไปข้างนอกอีกด้วย แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาทำใจทิ้งโลก ACG นี้ไปไม่ได้ตั้งหาก
หลังจากที่เขาทำการอัพโหลดอีกบทหนึ่งเสร็จ ก็ถึงเวลาที่เขาต้องเข้านอนแล้ว
โจวหยูสังเกตเห็นสิ่งแปลกประหลาดเมื่อเขาตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น ได้มีหนังสือภาพเคลื่อนไหวอยู่พร้อมกับคู่มือการใช้งานอยู่บนโต๊ะข้างเตียงของเขา เมื่อเขาได้เปิดหนังสือออกมาดูเขาก็พบว่าด้านในได้นั้นเหมือนกับหนังสือเก็บภาพตามปกติ
เมื่อพิจารณาจากขนาดของช่องใส่รูป โจวหยูก็เข้าใจทันทีว่าช่องเหล่านั้นมีไว้สำหรับการ์ดสัตว์ขนาดเล็กที่เขามีนั้นเอง
ด้านของคู่มือการใช้งานก็คือสารานุกรมสัตว์นั้นเอง นอกเหนือจากการเก็บการ์ดสัตว์ร้ายไว้ภายในหนังสือแล้วนั้น มันยังสามารถใช้เพื่อเปิดการทำงานเอฟเฟคของการ์ดได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกับดักและการ์ดเวทย์มนตร์เพื่อต่อสู้กับสัตว์ร้ายขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขายังไม่มีบ้านนักสร้างการ์ดใดๆในตอนนี้ ดังนั้นในตอนนี้หนังสือเล่มนี้จึงทำได้เพียงเก็บการ์ดที่เขามีได้เท่านั้น
หลังจากเปิดใช้งานสารานุกรม รูปสัตว์ประหลาดที่โจวหยูเคยเจอมาตลอดหลายวันก็ได้เริ่มลอยไปรอบๆตัวของเขา เพียงแค่โบกมือเพียงเล็กน้อยรูปภาพจากสารานุกรมก็จะลอยมาอยู่ต่อหน้าเขา มันค่อนข้างสะดวกสำหรับเขาเป็นอย่างมาก
‘โอ้เยี่ยมมาก! เจ้านี้มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังถือหนังสือเวทมนตร์อยู่เลย! ‘
……………………
หัวหน้าหมู่บ้านได้ทำการโทรหาโจวหงอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาได้รับการไหว้วานจากอีกฝ่ายให้ช่วยดูแลลูกชายของเขา หลังจากที่เขาได้เห็นพฤติกรรมแปลกๆของโจวหยูในวันนั้น เขาก็เกิดความลังเลเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะตัดสินใจติดต่อไปยังโจวหงในที่สุด เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นเด็กคนนั้นเป็นแบบนั้น หากอีกฝ่ายไม่ได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด เขากลัวว่าอาการจะแย่ลงไปมากกว่านี้
เมื่อได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น โจวหงก็กังวลอย่างมากเช่นกัน ไอ้เจ้าลูกคนนี้ชอบทำให้พวกเขากังวลเสมอมา และตอนนี้ยังได้สร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก! แค่ปัญหาไม่เข้าสังคมและชอบใช้เวลาทั้งหมดอยู่แต่หน้าคอม แค่ปัญหาพวกนี้มันก็ทำให้พวกเขากังวลจะแย่อยู่แล้ว และนี้จะยังสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก?
‘ฉันควรทำอย่างไรต่อไปดี?’
สิ่งที่เขาควรทำเขาก็ทำไปแล้ว แต่เจ้าเด็กนี้ก็ไม่เคยช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ไม่อย่างนั้นเจ้าลูกคนนี้คงไม่หนีเขาไปยังบ้านเก่าแบบนี้ แต่ถ้าเขาบังคับให้ไอ้ลูกคนนี้กลับมาที่เมือง มันอาจจะแย่ลงกว่าเดิมก็ได้!
เมื่อโจวหงได้คิดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเขาก็ไม่ยังไม่หาวิธีรับแก้ไขปัญหานี้ได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขอให้หัวหน้าหมู่บ้านช่วยหาคนมาพูดคุยกับลูกชายของเขาให้บ่อยขึ้น เขาต้องการดูว่าวิธีนี้จะสามารถแก้ไขอาการของลูกชายตัวเองได้ไหม ถ้าหากวิธีนี้ยังไม่ได้ผลเขาก็คงต้องไปพาลูกชายของกลับมารักษาที่เมืองได้เท่านั้น
เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านวางโทรศัพท์ลง เขาก็เริ่มคิดว่าเขาควรจะหาใครไปคุยกับโจวหยูดี ในขณะที่เขากำลังสูบบุหรี่อยู่นั้น หลานชายคนเล็กของเขาก็ได้เดินผ่านมาพอดี และนั้นทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้เจ้าหลานชายของเขาได้พูดคุยกับเจ้าเด็กโจวนั้นอยู่นาน
แต่เมื่อเขาคิดอีกทีมันก็ติดปัญหาในเรื่องของช่องว่างของอายุ ด้วยปัญหานี้มันอาจจะทำให้พวกเขาทั้งสองฝ่ายไม่สามารถหาหัวข้อคุยกันได้มากนัก อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีตัวเลือกมากนักเช่นกัน
เมื่อเขาเริ่มมีอาการปวดหัวกับปัญหานี้ ก็ได้มีเสียงของเด็กผู้หญิงที่มีพลังมากปรากฏขึ้นข้างหลังเขา“ ปู่! หนูกลับมาแล้ว!”
เขาได้มองย้อนกลับไปก็ได้เห็นหลานสาวของเขา ‘เหอหยวนหยวน’ เขาได้ยินว่าเธอได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างดี เพื่อเป็นการให้รางวัลแก่เธอ พ่อแม่ของเธอเห็นด้วยกับเธอว่าเธอสามารถเดินทางไปทั่วประเทศได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะกลับมาวันนี้
เหอหยวนหยวนได้วางกระเป๋าเล็กๆหลายใบลงไปที่พื้น ก่อนที่เธอจะวิ่งเข้าไปทักทายทุกคนที่เห็น บุคลิกร่าเริงแจ่มใสของเธอนั้นได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน
‘บางทีเธอสามารถช่วยฉันแก้ปัญหาเด็กโจวหยูได้?’ หัวหน้าหมู่บ้านได้เกิดความคิดนี้ขึ้นในใจ
………………………
เหอหยวนหยวนรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมากเมื่อเธอได้ฟังคำขอร้องของปู่เธอ เธอเพิ่งกลับมาไม่ถึงวันและเธอยังไม่มีโอกาสได้ไปพูดคุยกับเพื่อนสนิทของเธอเลย แต่เธอก็ต้องมาถูกใช้ให้ไปคุยกับใครก็ไม่รู้ที่อาจจะมีอาการโรคออทิสติกที่ไม่เคยออกจากบ้านของเขา
“โจวชูวหยู! เธอรู้จักโจวหยูไหม?”
โจวชูวหยูเป็นเพื่อนสนิทของเหอหยวนหยวน พวกเธอทั้งคู่ต่างก็ได้เข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่เนื่องจากเธอจำเป็นต้องอยู่ช่วยงานครอบครัว พวกเธอจึงไม่ได้ไปท่องเที่ยวกับด้วยกัน
“ แน่นอน! ฉันจะไม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง! เขามีชื่อเสียงมากในหมู่บ้านของเราเมื่อเร็วๆนี้”
แม้ว่าเธอจะไม่เคยเห็นเขาด้วยตนเอง แต่เธอก็ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเขามาทุกชนิด ดังนั้นเธอจึงเริ่มเล่าให้หยวนหยวนฟังทั้งหมด เช่น อีกฝ่ายนั้นไม่เคยออกจากบ้าน ไม่เคยคุยกับใครเลย ผิวของเขาซีดเหมือนซอมบี้ในภาพยนตร์ …
ข่าวลือทุกประเภททำให้เหอหยวนหยวนกลายเป็นคนอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที เธอต้องการรู้ว่าโจวหยูนั้นเป็นอย่างที่ข่าวลือพูดไหม? ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจไปที่บ้านของโจวหยูและต้องการเห็นเขาด้วยตนเอง
แน่นอนว่าคนที่พาเธอไปที่นั่นคือโจวเฮา ซึ่งไปบ้านของโจวหยูบ่อยที่สุด
“ พี่สาวหยวน! พี่ชายหยูเป็นคนดีมาก เขาก็แค่ไม่ชอบพูดมากก็เท่านั้น คันเบ็ดของเขาเองก็สวยมากด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับเบ็ด ‘หนวดมังกร’ ของปู่แล้ว มันต่างกันมากเลย นอกจากนี้ยังมีบ้านหลังเล็กๆที่เขาทำขึ้นเอง มันสวยมาก ถ้าผมจำไม่ผิดมันทำมาจากต้นไม้แถวๆภูเขาของเรา … ”
โจวเฮาผู้ซึ่งถูกติดสินบนด้วยชุดอาหารว่างแสนอร่อย กำลังบอกข้อมูลทุกชนิดเกี่ยวกับโจวหยูออกมาหมด ด้วยข้อมูลพวกนี้มันยิ่งทำให้เหอหยวนหยวนที่เกิดความสงสัยมากขึ้นเกี่ยวกับบุคคลที่มีอาการ“ ออทิสติก” นี้มากขึ้น
ในไม่ช้าพวกเธอก็มาถึงสนามหน้าบ้านของโจวหยู
หลังจากเคาะประตูไม่นานก็มีชายหนุ่มผิวซีดที่ดูเหมือนจะป่วยมาเปิดประตูให้พวกเธอมาในไม่ช้า ผมของชายหนุ่มนั้นกระเซิงและเสื้อผ้าของเขาก็ไม่เปลี่ยนมาแล้วหลายวัน ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความห่างเหินที่ห้ามไม่ให้ใครเข้าใกล้เขา มันเป็นบุคคลประเภทที่เหอหยวนหยวนไม่เคยคิดที่จะเข้าใกล้มาก่อน