The Rise of Otaku - ตอนที่ 102
บทที่ 102 การล้างพิษ
เมื่อผักในฟาร์มเล็กๆของโจวหยุค่อยๆเติบโตขึ้น ด้วยปริมาณที่มากขึ้นมันก็ทําให้พนักงานเองก็สามารถที่จะกินผักพวกนี้ได้เป็นบางครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่พวกเขากินต่างก็ชมออกมาไม่ขาดปาก
เมื่อใดก็ตามที่มีเมนูที่ถูกทําโดยผักของเจ้านายน้อยอยู่ในโรงอาหาร ความกระตือรือร้นของพนักงานในการรับประทานอาหารจะสูงเป็นพิเศษ และความต้องการกินของพวกเขาก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
การมีเจ้านายนําผักปลอดสารผิดมาให้พนักงานกินมันมีความหมายพิเศษอยู่แล้ว บวกกับผักที่เขานํามานั้นอร่อยเป็นอย่างมากอีกด้วย มันยิ่งทําให้ความรู้สึกที่ดีของพนักงานจํานวนมากมีต่อเจ้าน้อยคนนี้ยิ่งมีมากขึ้น จนในเวลาต่อมาเมื่อใดก็ตามที่ผักของโจวหยูถูกนํามาทําเป็นอาหาร เหล่าพนักงานต่างก็เรียกจากอาหารจานนี้ว่า “จานบอส” เหล่าพนักงานต่างก็เรียกจากอาหารจานนี้ว่า “จานบอส”
ตรงกันข้ามกับเชฟลี่ ยิ่งเวลาผ่านไปนานเข้าเขาก็ยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้น ถ้าพูดตามจริง แล้วผักของเจ้านายน้อยกับผักที่ปลูกโดยเฒ่าหนั้นไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะพวกเขาทั้งคู่ต่างก็ไม่ใช้สารพิษทุกชนิดกับผักที่พวกเขาปลูก ดินที่ใช้ก็เป็นดินที่มาจากแหล่งเดียวกัน ดังนั้นยิ่งเขาพยายามคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ มันก็ยิ่งทําให้เขาไม่เข้าใจมากขึ้น
ในความคิดของเขา มันไม่สมเหตุสมผลเลย
ตอนนี้ที่สวนสนุกลิตเติ้ลพาราไดซ์ไม่มีโครงการอื่นเปิดยกเว้นผู้สูงอายุบางคนได้เล่นหมากรุกในพื้นที่เท่านั้น หรือไม่ก็พวกนักข่าวแปลกๆบางคนต้องการแอบเข้ามาสัมภาษณ์ แต่พวกเขาต่างก็ถูกกันเอาไว้ด้านนอกประตูของสวนสนุกโดยยามก่อนทุกครั้ง
นี้ก็ไม่สามารถตําหนิพวกนักข่าวเหล่านั้นได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากภาพยนตร์เรื่อง “โจ รสลัดผลไม้” ได้ถูกปล่อยออกมาอีกครั้งด้วยที่ครั้งนี้มันเป็นตัวอย่างอย่างเป็นทางการที่บริษัทยักใหญ่ทั้งสองได้เป็นผู้ลงมือทํา มันจึงได้รับความนิยมอย่างมากโดยมีการแชร์ผ่านแพลตฟอร์มสื่อ หลักทุกแห่งอย่างต่อเนื่อง และมันยังถูกระบุว่าเป็น “ภาพยนตร์การ์ตูนที่ดีที่สุดในประเทศจีน” อีกด้วย
เมื่อมันเกิดเป็นกระแสร้อนแรงอีกครั้ง แน่นอนว่าผู้ชมจํานวนมากต่างก็เกิดคําถามขึ้น และคําถามที่พวกเขาต้องการรู้ที่สุดก็คือคําถามเกี่ยวกับสมาชิกลึกลับของสตูดิโอผู้สร้างและพวกเขามาจากที่ไหน?
ในบรรดารายชื่อจํานวนมากนั้น มีเพียงคนสามคนเท่านั้นที่ผู้สื่อข่าวสามารถหาที่อยู่พบ สองรายชื่อแรกก็คือผู้หญิงสองคนที่สร้างภาพยนตร์ตัวอย่างครั้งแรก พวกเธอนั้นไม่มีภูมิหลังที่น่าทึ่งอะไรมากนัก พวกเธอเป็นเพียงนักศึกษาชั้นปีที่สองเท่านั้น ดูไปแล้วพวกเธอคงไม่ได้ถูกพิจารณาว่าเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของสตูดิโอนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับพวกเธอมากนักมี
แต่ไม่ใช้สําหรับโจวหยู บุคคลที่ถ่ายทําฉากในโลกแห่งความเป็นจริง มันเป็นอะไรที่ดูน่าสนใจมาก เขามีทักษะช่างไม้ที่ไม่ธรรมดาถึงแม้เขาจะ “จอมทําลาย” ก็ตาม ในการสร้างภาพยนตร์เขาได้ทําลายกองเรืออย่างน้อยสามโหล ทําจึงให้ผู้ที่ชื่นชอบโมเดลเรือเหล่านั้นต่างก็ทั้งรักเขาและเกลียดเขาไปพร้อมๆกัน
นอกจากคนสามคนนี้ในรายชื่อท้ายเครคิตที่ยาวเหยียดแล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถหารายละเอียดของคนอื่นได้อีก ไม่ว่าจะเป็นรายชื่อของทีมงานพากย์เสียงไปจนถึงทีมงานผลิต เป็นที่ชัดเจนว่าทุกคนในนั้นต่างก็เป็นศิลปินที่มีความสามารถสูง แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครเคยได้ยินชื่อของคนใดคนหนึ่งในรายชื่อจํานวนมากนั้นมาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะชื่อของคนเหล่านั้นเป็นชื่อจีนทั้งหมด พวกเขาคงจะคิดว่านี่เป็นฝีมือของสตูดิโอต่างชาติไปแล้ว
ดังนั้นพวกเขาจึงหวังว่าเมื่อถึงวันเปิดตัวของภาพยนตร์นี้อย่างเป็นทางการ เหล่าทีมงานผู้สร้างจะออกมาแสดงตัวกัน อย่างไรก็ตามเมื่อมีการจัดงานแถลงข่าวการประกาศของทั้งสองบริษัทแพนกวินและบริษัทฉันเป็นโอตาคุ มันก็ทําให้ความฝันของพวกเขาที่จะสัมภาษณ์คนของพวกเขาต้องสลายหายไป ด้วยที่ทั้งสองบริษัทต่างก็ออกมาระบุบอย่างเป็นทางการว่าสตูดิโอผู้สร้างภาพยนตร์นิเมชั่นเรื่องโจรสลัดผลไม้นั้นไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวเองไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม
เมื่อทั้งสองบริษัทได้การประกาศเรื่องนี้ออกไป มันก็ทําให้เกิดคลื่นปั่นป่วนในชุมชนของวงการภาพยนตร์อนิเมชั่นทันที
พวกเขาต่างก็เชื่อมโยงเหตุการณ์ไปกับเหตุการณ์ของศิลปินมังงะและผู้พัฒนาเกมชื่อดังอย่าง – ผู้นับถือลัทธิเต๋าที่ถูกคุมขัง และยังมีนักลัทธิเต๋ที่นิยมเครื่องบิน ที่เคยเป็นผู้สร้างคลิปวิดีโอสั้นเรื่องหนึ่ง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้จักหน้าตาของพวกเขาว่าแท้จริงแล้วเป็นยังไง
ถึงแม้พวกเขาจะคิดว่านี้เป็นเรื่องแปลกอย่างมาก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเชื่อมโยงเรื่องนี้เข้า กับทีมผู้สร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องโจรสลัดผลไม้ได้ เนื่องจากในรายชื่อเหล่านั้นไม่มีชื่อของผู้นับ ถือลัทธิเต๋ที่ถูกคุมขัง
แต่การค้นหา “ความจริง” เป็นสิ่งที่ชาวเน็ตจํานวนมากต่างชื่นชอบอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าการสืบเรื่องของลัทธิเต๋ได้ล้มเหลวไป แต่คราวนี้พวกเขาต่างก็มีความเชื่อมั่นว่าพวกเขานั้นสามารถ “สืบ” เรื่องของสตูดิโอนี้ได้อย่างแน่นอน และเมื่อพวกเขาทําเรื่องนี้ประสบความสําเร็จ มันก็จะทําให้ความล้มเหลวก่อนหน้านี้ของพวกเขานั้นถูกลบล้างไปอย่างสวยงาม
ดังนั้นจึงมีผู้คนมากเดินทางไปยังหมู่บ้านลู่หัว ในหมู่คนเหล่านั้นก็มีบางคนที่ชื่นชมฝีมือช่างไม้ของโจวหยูจริงๆ หรือไม่บางคนก็ไปเพียงต้องการเยี่ยมชมสถานที่ถ่ายทําของภาพยนตร์เท่านั้น และก็ยังมีนักท่องเที่ยวบางคนที่ได้ทําตัวเป็นเหมือนนักข่าวคอยสืบข่าวที่เกิดขึ้น
มีนักท่องเที่ยวมากขึ้นเป็นสิ่งที่ดี ในที่สุดก็ถึงเวลาที่โครงการท่องเที่ยวในชนบทจะ เบิดขึ้นเช่นกัน ต้องบอกว่าโครงการการท่องเที่ยวในชนบทนั้นมีจํานวนมากไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม ที่เกี่ยวข้องกับการปลูกผัก การเที่ยวชมธรรมชาติ การตกปลา การเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเรื่องพวกนี้อาจเป็นประสบการณ์ใหม่สําหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองเป็นเวลานาน แต่พวกมันกับเป็นเพียงชีวิตประจําวันของคนในชนบทเท่านั้น
ในช่วงเวลานี้ทางสวนน้ําเองก็ได้เปิดตัวลง เนื่องจากอากาศเริ่มเย็นลงและมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะลงไปในน้ํา แต่ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายน้อยของพวกเขา เจ้านายได้ออกมาสั่งไม่ให้พวกเขาหยุดเครื่องสร้างคลื่นไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จะได้รับความนิยมลองลงมาจากกิจกรรมช่องเที่ยวชนบท
มีหลายวิธีในการสร้างผลกําไร หนึ่งในนั้นก็คือราคาตั๋วเข้าสมสวนสนุก ถึงแม้ว่ามันจะไม่ถือว่า แพงอะไรมากนัก แต่มันก็สามารถชดเชยได้ด้วยจํานวน เพียงแค่วันเดียวสวนสนุกก็มีรายได้ถึงหลายหมื่นหยวน ยิ่งโจวฟูได้ดัดแปลงให้สระคลื่นนั้นดูเหมือนกับช่วงเวลาถ่ายทําภาพยนตร์ด้วยแล้วจํานวนผู้เข้าเที่ยวชมยิ่งมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
ยิ่งมีคนเข้าดูมากเท่าไหร่ ราคาของโมเดลเรือที่โจวหยูเคยทําออกมายิ่งมีราคาสูงขึ้นเท่านั้น มีผู้คนจํานวนมาน้อยที่ได้เข้ามาสอบถามเพื่อต้องการซื้อพวกมัน แต่โจวหยูก็ทําการปฏิเสธออกไปทั้งหมด ถ้าหาว่าเขาต้องการสร้างรายได้จากพวกมัน เขาคงไม่รอจนถึงตอนนี้แล้วขายพวกมันออกไป แต่ถ้าเขาต้องการเงินจริงๆเขาก็เพียงแค่ต้องขายเกมและอนิเมชั่นในคอมของเขาไปเท่านั้น ด้วยวิธีนี้มันดีกว่าที่เขาจะมัวแต่ขายพวกโมเดลเรื่อง
ดังนั้นในเวลาต่อมาจึงสามารแบ่งนักท่องเที่ยวออกได้เป็นสองพวก นั้นก็คือพวกที่ต้องการมาเที่ยวชมสถานที่ถ่ายทําและต้องการสัมผัสกับธรรมชาติจริงๆ กับผู้ที่ต้องการมาขอซื้อโมเดลเรือ ซึ่งอย่างหลังนี้ต่างก็ทําได้เพียงกลับไปด้วยความผิดหวังเท่านั้น
ตราบใดที่ผู้คนเข้ามาในสวนสนุกมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาตัวโจวหยูพบ แต่ถ้าพวกเขาต้องการประจบสอพลอโจวหยูมันก็เป็นอีกเรื่อง ไม่ใช่ว่าเขาชอบดูถูกคนอื่นหรือทําตัวเหมือนเขาอีกว่าคนอื่น โดยปกติเมื่อคนอื่นเรียกเขาว่าเขาจะตอบกลับด้วยเช่นกัน แต่เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเริ่มพูดถึงเรื่องภาพยนตร์ เขาจะหยุดพูดทันที หากคนเหล่านั้นยืนกรานที่จะขุดลึกลงไป เขาก็จะวิ่งหนีไปทันที
และเมื่อคนเหล่านั้นเห็นเหตุการณ์นี้ต่างก็มีความคิดเดียวกันเกิดขึ้นนั้นก็คือ ทําไมโอตาคุตรงหน้าของพวกเขาถึงได้วิ่งเร็วขนาดนี้ อีกฝ่ายวิ่งเร็วจนไม่มีใครสามารถติดต่อกับเขาได้ทัน
หลังจากเดินเล่นในสวนสนุกเป็นเวลาหลายวัน พวกเขาก็พบว่าไม่มีประโยชน์อะไรถ้าพวกเขาจะอยู่ที่นี้ ดังนั้นในที่สุดผู้คนเหล่านั้นก็ทําได้เพียงส่ายหัวและยอมแพ้เรื่องนี้ไปเท่านั้น
เกี่ยวกับกระแสของสตูดิโอลึกลับนี้ ทําให้โจวหยุไม่เพียงแต่ได้รับความสนใจจากผู้คนจํานวนมากเท่านั้น แต่เขายังได้ตกเป็นเป้าหมายของพวกแฮกเกอร์อีกด้วย ด้วยความลึกลับของเรื่องที่เกิดขึ้นพวกแฮกเกอร์ต่างก็ลงความเห็นว่าถ้าพวกเขาสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ มันจะต้องทําให้ชื่อเสียงของพวกเขาโด่งดังอย่างแน่นอน
เมื่อพวกเขาคิดแบบนั้นก็เริ่มโจวตีคอมพิวเตอร์ของโจวหยุทันที ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกที่ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามโจมตีเครือข่ายของเป้าหมายมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยังไม่สามารถผ่านด่านป้องกันแรกไปได้ นี้มันยิ่งปลุกความต้องการเอาชนะของพวกเขาขึ้นมา แต่ไม่ว่าพวกเขาจะลองวิธีไหนก็ตามมันก็ไม่สามารถบุกเข้าไปลึกกว่าเดิมได้ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าคงมีปรมาจารย์แฮกเกอร์ ด้านปกป้องเอาไว้ มันจึงทําให้พวกเขาได้หยุดการโจมตีลงและจากไปอย่างเสียหน้าเท่านั้น
ถ้าเกิดว่าเหล่าแฮกเกอร์จํานวนมากรู้ว่า แท้จริงแล้วคอมพิวเตอร์ของโจวหยุนั้นไม่ได้รับการปกป้องแต่อย่างใด ไม่รู้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะรู้สึกยังไง
อย่างไรก็ตามเหล่านักสืบออนไลน์ต่างก็ล้มเหลวลงอีกครั้ง หลังจากความล้มเหลวสองครั้งใน การค้นหาความจริง มันก็ทําให้พวกเขาทําได้เพียงยอมรับว่าในวงการนี้ต่างก็มีเสือสิ่งมังกรซ่อนจํานวนมาก ดังนั้นมันจะเป็นเรื่องที่ฉลาดกว่าถ้าพวกเขาจะปล่อยเรื่องพวกนี้ไป
อย่างไรก็ตามผู้ที่เดินทางไปยังหมู่บ้านลู่หัวกลับพบเจอสิ่งที่น่าสนใจ ตัวอย่างเช่น โจวหยูไม่เพียงแต่เป็นช่างไม้เท่านั้น แต่เขายังเป็นผู้ฝึกสอนสัตว์อีกด้วย
ในสนามฝึกเล็กๆและแปลกๆ พวกเขาได้เห็นฉากของเจ้าเดียนเดียนและเจ้าเซอร์แบล็กกําลังฝึกอัศวินรุ่มใหม่อย่างจริงจัง และนั้นทําให้พวกเขาที่ไม่เคยเห็นเหตุการณ์นี้ต่างก็ตกตะลึง
ใครเคยเห็นไก่ที่วิ่งบนเส้นเทางที่มีอุปสรรคมากมายและนกพิราบที่บินผ่านวงแหวน ไฟบ้าง? หากพวกเขาไม่ทราบล่วงหน้าว่านี้เป็นการฝึก พวกเขาก็คิดว่าพวกเขาเพิ่งดูรายการละครสัตว์อยู่
ตามปกติแล้วการแสดงของพวกละครสัตว์มันจะต้องมีแบบผู้ฝึกสอนที่ต้องถือแส้และพยายามโบกมันไปมา เพื่อทําให้พวกสัตว์นั้นทําตามที่พวกมันเคยฝึกมาใช้มั้ย? อย่างไรก็ตามเมื่อนามาเทียบกับภาพที่อยู่ตรงหน้ามันยิ่งทําให้พวกเขาไม่เข้า เพราะโจวหยูทําเพียงขยับริมฝีปากของเขาไปมาเท่านั้น พวกสัตว์ก็ทําตามคําสั่งอย่างเชื่อฟังทันที
นี้มันช่างเป็นอะไรที่พวกเขาไม่เคยเจอมันก่อนจริงๆ