The Rise of Otaku - ตอนที่ 14
บทที่ 14 การลาจาก
มีเรือเหาะปรากฏอยู่ในล้านบ้านของโจวหยู ด้วยโครงสร้างเรือใบสไตล์ยุโรปยุคกลาง มันชัดเจนว่าเป็นเรือเหาะแบบดั้งเดิมของอนิเมะเรื่องดังอย่างตะลุยจักวาล นี้เป็นอนิเมะแฟนตาซีที่ได้รับความนิยมเช่นกัน แต่ด้วยความยาวเพียงสองเมตรมันดูเหมือนเครื่องโดรนมากกว่า
คนที่คล้ายกับกัปตันกำลังคุยกับช่างไม้บีเวอร์อยู่ เห็นได้ชัดว่าเขารอมานานแล้ว
เมื่อเห็นโจวหยู กัปตันก็ได้บินมาแล้วพูดว่า“ สวัสดีค่ะ! ฉันชื่อไมค์ ฉันเป็นกัปตันเรือบินเอกสิทธิ์ของบริษัท จัดการไอดอลจักวาล เจ้านายของฉันสนใจที่จะเชิญคุณนีเนียนเข้ามาเป็นไอดอลในสังกัด ดังนั้นดิฉันจึงมาที่นี้เพื่อรับเขากลับไปยังบริษัท”
โจวหยูไม่รู้ว่าบริษัทจัดการไอดอลจักวาลนั้นคืออะไร แต่ถ้ามีบริษัทมาสนใจไอดอลที่มีสถานะที่แย่มากแบบนี้ อาจจะหมายความว่าบริษัทนี้ทำผลงานได้ไม่ดีนัก แต่เขาก็คิดได้ว่าถ้าบริษัทที่ดีอยู่แล้วก็อาจไม่ต้องการนีเนียนน้อยของเขา ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงเกิดอาการลังเลขึ้นมา เขาไม่สามารถตัดสินใจได้ ในท้ายที่สุดเขาก็ปล่อยให้นีเนียนน้อยเป็นคนตัดสินใจเส้นทางในอนาคตของเขาเอง
‘ฉันไม่รู้ว่านีเนียนนั้นจะตัดสินใจยังไง? แต่เขาเกิดมาเพื่อเป็นไอดอล ไม่มีทางที่เขาจะยอมแพ้เพราะสถานะแย่ ๆอย่างแน่นอน’
ดังนั้นในที่สุดนีเนียนก็ติดสินใจที่จะลงนามในสัญญา กัปตันให้เวลานีเนียนหนึ่งวันในการกล่าวคำอำลากับคนอื่นๆ ก่อนที่เรือเหอะจะออกเดินทางในวันถัดไป
แม้ว่าโจวหยูจะไม่ชอบเด็กผู้ชาย แต่ยังไงนี้ก็เป็นเด็กคนแรกที่เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการเลี้ยงดู ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเศร้าเล็กน้อยเมื่อต้องจากกันไปจริง แม้ว่าเขาจะได้ค่าธรรมเนียมสัญญาสูงถึง 5,000 เหรียญโมก็ตาม
เขาได้ทำการการรวบรวมชาวบ้านทั้งหมดของโลก ACG ขึ้นในเย็นวันนั้น โจวหยูถึงกับจัดงานเลี้ยงอำลาอย่างยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช้เรื่องดีที่จะดื่มแอลกอฮอล์ต่อหน้าเด็กๆ
ในวันถัดไปนีเนียนตัวน้อยก็ได้ขึ้นเรือเหอะและจากไปขณะที่เขานำรถของเล่นคันแรกที่โจวหยูสร้างให้เขาไปด้วย
จากนั้นดอกเคมีเลียเริ่มเหี่ยวเฉา
เป็นอะไรที่ประหลาดเป็นอย่างมาก เมื่อดอกไม้เคมีเลียเริ่มเหี่ยวแห้งลง บุคคลที่เศร้าที่สุดกับเป็นเหอหยวนหยวน เธอนั้นไม่สนใจดอกไม้ต้นอื่นๆ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอมาเยี่ยมโจวหยูที่บ้าน เธอจะใช้เวลาส่วนมากไปกับการดูเจ้าดอกไม้คาเมลเลียนี้
เมื่อเธอเห็นว่าดอกไม้ที่เธอรักกำลังจะตายไปนั้น เธอพยายามเร่งเร้าให้โจวหยูดูแลมันให้มากขึ้น
แน่นอนโจวหยูรู้ว่าทำไมมันถึงเหี่ยวแห้งเร็วแบบนี้ เขาได้ไปถามกับชาวนาเทียนเนียงมาแล้ว และเธอตอบกลับว่าเป็นเพราะไอดอลที่เป็นผลผลิตของมันได้จากไปแล้ว มันจึงทำให้ดอกไม้คาเมลเลียนี้ตายลงไปในที่สุด
แต่ถ้าเขานำคำตอบของชาวนาเทียนเนียงไปบอกกับเหอหยวนหยวน เธอคงคิดว่าเขาล้อเล่นกับเธออย่างแน่นอน ดังนั้นเพื่อเป็นการตัดปัญหาที่จะตามมาเขาจึงได้พูดว่า “ ไม่มีใครสามารถช่วยได้มันได้! มันกำลังจะตายด้วยสาเหตุตามธรรมชาติ”
มันเป็นเรื่องจริง! อย่างไรก็ตามเหอหยวนหยวนไม่เชื่อสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา เมื่อเห็นว่าโจวหยูไม่ได้วางแผนที่จะทำอะไรที่เป็นการรักษาดอกไม้นี้เลย เธอจึงตัดสินใจที่จะเอาต้นไม้ที่กำลังจะตายนี้ไปรักษามันด้วยตัวเอง
แต่ในเวลาเพียงสองวันเธอกลับมาพร้อมกับหน้าเศร้าขณะถือดอกไม้คาเมลเลียที่ตายไปแล้วในมือของเธอ โจวหยูไม่ได้ถามหรือต่อว่าเธอแต่อย่างใด ก่อนหน้านี้เธอได้ถามคุณปู่ของเธอที่เก่งเรื่องการเกษตรทุกชนิดมาแล้ว เขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งการตายนี้ได้
ด้วยเหตุนี้เหอหยวนหยวนจึงเศร้ามากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
เมื่อเปรียบเทียบกับเธอแล้ว โจวชูวหยูที่ไร้หัวใจดูจะไม่สนใจเรื่องการตายของดอกไม้คาเมลเลียเลย เธอมักจะใช้เวลาของเธอเดินไปรอบๆวิหารเต๋า เธอมองไปที่วิหารพร้อมกับกำลังบ่นอะไรบางอย่างในปากของเธอ มันถึงกับทำให้โจวหยูถามว่าเธอมีปัญหาอะไรไหม?
จากความรู้เกี่ยวกับต้นไม้ที่เธอได้เรียนรู้ผ่านทางออนไลน์ โจวชูวหยูมั่นใจว่าวัสดุหลักที่ใช้สร้างวิหารลัทธิเต๋าคือไม้ทองคำจริงๆ
และมีไม้อีกประเภทหนึ่งซึ่งดูแพงมากเช่นกันเป็นส่วนประกอบ แต่เธอไม่รู้ว่ามันเป็นไม้อะไร
หลังจากที่โพสต์ครั้งล่าสุดของเธอ กระทู้ของเธอได้รับความสนใจอย่างแพร่หลาย จนถึงกับมีชายชราสองสามคนที่ไม่สามารถห้ามความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองเอาไว้ได้ พวกเขาถึงกับต้องการเดินทางมาดูงานฝีมือนี้ด้วยตัวเอง
เห็นได้ชัดว่าวัสดุที่ใช้ในการสร้างวิหารเต๋านั้นได้คัดเลือกอย่างระมัดระวัง การออกแบบจำลองเองก็ยังมีรสชาติของความเป็นโบราณ ดังนั้นสำหรับพวกเขาแล้ววิหารเต๋านี้มันจึงมีมูลค่าสูงเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่มีค่าที่สุดเลยก็คือคนที่สามารถสร้างมันขึ้นได้ เพราะงานฝีมือไม้แบบดั้งเดิมแบบนี้มันเป็นเรื่องยากที่จะเห็นได้ในปัจจุบัน
หลังจากยืนยันมูลค่าของตัววิหารเต๋านี้แล้ว โจวชูวหยูก็ค่อยๆเลิกคิดเกี่ยวกับการทำธุรกิจร่วมกับโจวหยู
หากอีกฝ่ายเป็นเพียงช่างไม้ธรรมดา เขาคงยินดีที่จะขายผลงานของตัวเองเพื่อเงิน แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนรวยละ? เขาจะขายสิ่งที่เขาทำออกไปเหรอ?!
เมื่อเธอคำนวณราคาของการจ้างช่างไม้ผู้มั่งคั่งคนนี้ในเพื่อสร้างงานฝีมือชิ้นอื่นๆ มันก็ทำให้เธอถึงกับตัวสั่นด้วยความกลัว ดังนั้นความกระตือรือร้นในการทำงานกับโจวหยูจึงได้ลดลงอย่างรวดเร็ว
มันเป็นโอกาสทางธุรกิจที่หาได้ยาก อย่างไรก็ตามมันไม่มีทางที่เธอจะสามารถทำได้ เธอรู้สึกผิดหวังและท้ายที่สุดเธอก็เกือบจะเศร้าสลดเหมือนเหอหยวนหยวน
สาวสวยสองคนกำลังถอนหายใจอย่างต่อเนื่องเมื่อพวกเธอมาเยี่ยมโจวหยู ทำให้บ้านของโจวหยูในตอนนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศที่มืดมนราวกับว่าฝนจะตกอยู่ตลอดเวลา
บรรยากาศที่น่าอึดอัดใจแบบนี้ทำให้โจวหยูรู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง เขารู้สึกว่าเขาต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อแก้ไขมัน
วันหนึ่งในช่วงบ่าย โจวหยูได้หยิบของเล่นทั้งหมดที่นีเนียนตัวน้อยทิ้งไว้: บ้านสไตล์เทพนิยายหนึ่งหลัง คันรถของเล่นยี่สิบสามคัน ชุดสู้เจ็ทสูท ชุดต่อสู้อวกาศ รถถัง เครื่องบิน ฯลฯ เขาได้วางพวกมันลงบนพื้น นั้นจึงทำให้ตอนนี้มันเป็นเหมือนนิทรรศการอุปกรณ์ทางทหารเล็กๆ มันช่างงดงามเหลือเกิน
“โจวชูวหยู! เธอช่วยฉันขายของเล่นพวกนั้นได้ไหม? เธอสามารถกำหนดราคาเองได้เลย พวกมันกินพื้นที่มากเกินไปในบ้านของฉัน”
มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทิ้งสิ่งเหล่านี้ไว้ที่บ้าน แม้ว่าเขาอาจจะต้องการไอดอลคนอื่นๆในอนาคต เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะยังได้ใช้ของเล่นมือสองเหล่านั้นอยู่ไหม? นอกจากนี้พวกมันทำจากวัสดุไม้ราคาถูกและมันไม่ได้มีค่าใช้จ่ายมากมายในการทำ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะสร้างใหม่ในครั้งต่อไป
รถยนต์ รถถัง และเครื่องบินขับไล่ไอพ่น พวกมันเป็นของเล่นที่เด็กผู้ชายชอบ ยิ่งไปกว่านั้นจะเห็นได้ชัดเจนว่าของเล่นเหล่านั้นเพิ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
‘เขาเป็นโอตาคุที่มีทักษะอย่างแท้จริง! ของเล่นที่เขาทำนั้นล้วนแต่สวยมาก มันเป็นเพียงแค่บ้านเทพนิยายที่มีสไตล์แตกต่างจากของเล่นส่วนที่เหลือทั้งหมด ‘
โจวชูวหยูอดไม่ได้ที่จะคิดว่าโจวหยูนั้นอาจชอบพวกตุ๊กตาบาร์บี้ แต่เมือเธอคิดได้แบบนั้นเธอก็รีบปัดความคิดนี้ตกลงไปทันที จนตอนนี้ความสนใจของเธอก็ถูกดึงดูดโดย “สินค้า” เหล่านั้นอีกครั้ง
เพื่อกำหนดมูลค่าของสินค้าเหล่านี้ มันจำเป็นต้องตรวจสอบแต่ละรายการให้ละเอียด เพราะยิ่งพวกมันมีลายละเอียดมากขึ้น มันก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าของตัวสินค้าเช่นกัน
‘ของเล่นทั้งหมดนี้ถูกทำขึ้นมาด้วยมือ พร้อมความใส่ใจในรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน!
รถของเล่นทั้งหมดมีความยาวประมาณ 30 ซม. และยังสามารถเปิดประตูได้ ภายในของรถเองก็เหมือนกับรถยนต์จริงๆ มันยังมีการออกแบบพวกเครื่องยนต์ เห็นได้ชัดว่ารายละเอียดทั้งหมดนี้เป็นตัวกำหนดให้โมเดลรถยนต์พวกนี้อยู่ในจุดสูงสุดของแบบจำลองที่ทำด้วยมือ และยิ่งขึ้นชื่อว่าเป็นงานฝีมือมันจึงทำให้ราคาเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยสองเท่า
เมื่อมองไปที่เครื่องบินขับไล่ไอพ่นและรถถังอีกครั้ง พวกมันเองก็ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาอย่างสวยงามจนน่าทึ่ง สำหรับผู้ชื่นชอบโมเดลทางทหารแล้ว โมเดลเหล่านี้มีคุณค่าอย่างมากในการสะสม อย่างไรก็ตามชุดเต็มมันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะขายออกไป การขายแยกเป็นรายการอาจจะขายได้ง่ายและเร็วกว่า แต่วิธีนี้มันก็อาจจะทำให้ราคาหายไปบ้าง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้โจวชูวหยูจึงมองไปที่โจวหยูซึ่งกำลังสนใจทำอะไรบางอย่างบนอินเทอร์เน็ต และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นเลย เธอรู้ทันทีว่าคนประเภทนี้จะมีอารมณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก บางทีเขาอาจขายเฉพาะสิ่งที่เขาไม่สนใจอีกต่อไป ไม่มีทางที่เขาอยากทำมันเป็นธุรกิจจริงๆ
อย่างไรก็ตามมันดีกว่าไม่มีอะไร
“ ใช่แล้ว! พี่หยูใช้วัสดุประเภทใดในการทำโมเดลเหล่านี้กัน?”
โจวชูวหยูกลัวว่าของเล่นเหล่านั้นจะทำจากไม้ทองคำ เพราะถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริงๆ ราคาที่ออกมาจะเป็นอะไรที่ทำให้คนเห็นต้องกลัวอย่างแน่นอน
“ ไม้เบิร์ชและไม้สนธรรมดา”
โชคดีที่แม้ว่ามันจะเป็นวัสดุประเภทไม้ที่ดี แต่ก็ไม่ได้มีค่าเท่ากับงานฝีมืออันก่อนๆ
หลังจากยืนยันรายละเอียดอื่นๆแล้ว โจวชูวหยูก็รีบนำกล้องถ่ายรูปมาและถ่ายรูปของโมเดลแต่ละอันด้วยความตื่นเต้นทันที แน่นอนว่าเธอได้รูปถ่ายของรวมชุดเอาไว้เช่นกัน
โดยที่พวกมันจะเป็นผลิตภัณฑ์หลัก! มันเป็นความอัปยศอย่างแท้จริงที่เธอสามารถทำแบบนี้ได้เพียงครั้งเดียว ใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายจะยอมนำงานฝีมือของตัวเองมาขายในครั้งต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เธอกลับไปที่มหาวิทยาลัยแล้ว เธอไม่รู้ว่าอีตาโอตาคุนี้จะมีความคิดอะไรเกิดขึ้นบ้าง