The Rise of Otaku - ตอนที่ 141
บทที่ 141 สัญญาที่แปลประหลาด
ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังแบบนี้ แน่นอนว่าทําให้ประสิทธิภาพการได้ยินลดลงเป็นอย่างมาก แต่เมื่อดูจากการกระทําและท่าทางที่อีกฝ่ายมีแล้ว ทําให้โจวหยูรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาร้ายอย่างที่คิด
โจวหยูไม่มีความรู้สึกใดๆเกี่ยวกับคําพูดของคนเก็บขยะก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย แต่ไม่ใช้กับบบูเห็นได้ชัดว่าเขานั้นดูไม่มีความสุขเลย เขาได้ยกหอกในมือของเขาและพูดเย้ยหยัน “แกเป็นเพียงแค่คนเก็บขยะเท่านั้นยังกล้าที่จะมาโอ้อวดต่อหน้าคุณปู่คนนี้อีก! งั้นมาดูกันว่าคุณปู่คนนี้จะสามารถส่งแกกลับไปยังเมืองแบล็กสตาร์ได้ไหม?”
แน่นอนในหมู่บ้านมินิลู่หัว บูบูเป็นอัศวินชั้นสูงไม่ว่าจะเป็นเหล่านักผจญภัยที่มาจากนอกหมู่บ้าน หรือนักล่าเงินรางวัลอย่างนิ่งห้อย พวกเขาก็ต้องเกรงใจเมื่อเจอเขา นั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงสัตว์ประหลาดที่กินของเน่าแบบคนเก็บขยะตรงหน้าเลย อีกฝ่ายเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ต่ําที่สุดในเมืองแบล็กสตาร์เท่านั้น แล้วแบบนี้อีกฝ่ายจะมาเป็นคู่ต่อสู้กับเขาได้ยังไง
คนเก็บขยะที่ได้ฟังแบบนั้นก็รีบจับมือของตัวเองอย่างรวดเร็วและพูดว่า “โอ้! ที่แท้ท่านอัศวินนภาเองก็มาที่นี้เช่นกัน ด้วยชื่อเสียงที่โด่งดังเหมือนกับสายฟ้าฟาดที่ดังก้องอยู่ในหู ผมรู้ว่าท่านนั้นคือท่านอัศวินนภาบูบู! ผมต้องขอโทษกับมารยาทที่ไม่ดีของตัวเองก่อนหน้านี้ด้วย แต่ผมเองก็ยังคงต้องพูดตามตรงว่าถ้าคนที่ต้องการ แร่ตาน้ําที่ร่วงหล่นเป็นคนอื่นไม่ใช้คุณโจวหยูแล้วนั้น คงเป็นอะไรที่ยากเป็นอย่างมาก แต่ถ้าเป็นคุณโจวหยูที่ต้องการเองแล้วนั้นสถานการณ์ก็จะต่างกันไปมาก “
อีกฝ่ายหมายถึงอะไร?
โจวหยูไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ ก่อนมาที่นี้เขาไม่ได้วางแผนที่จะมีส่วนร่วมในการต่อสู้เพื่อแร่ตาน้ําที่ร่วงหล่นนี้อยู่แล้ว เขาเพียงแค่ต้องขอร้องให้บูบกับเจ้าเซอร์แบล็กเป็นคนไปเอาก็เท่านั้น ด้วยความเร็วที่มันสามารถทําได้นั้น แน่นอนว่างานที่ทําอยู่นี้เป็นอะไรที่ง่ายดายเป็นอย่างมาก
คนเก็บขยะยังคงพูดต่อว่า “ทําไมพวกเราไม่มาทําข้อตกลงกันละ? ผมรู้ว่าคุณโจวหยูนั้นต้องการแร่นี้ไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งมันเป็นอะไรที่ผมนั้นสามารถมอบให้ได้อย่างง่ายดาย! แน่นอนว่าเงื่อนไขนี้จะเกิดขึ้นได้”
โจวหยูที่ได้ฟังแบบนั้นก็คือว่าอย่างน้อยเรื่องนี้ก็ดูไม่เลวเลย มันทําให้เขาไม่ต้องนั่งอยู่ที่นั่นและคอยดูผู้หญิงคนนั้นกลายเป็นคนเลวไปในที่สุด ดูๆไปแล้วนี้คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสําหรับเขาในขณะนี้ สําหรับเจ้าดอกไม้ที่รวงหล่นที่อยู่ในตู้เย็นเองก็ต้องการแร่นี้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น ซึ่งถ้าเขาสามารถบรรลุเรื่องนี้ไปได้อย่างไม่ต้องเปลืองแรงก็ดูเป็นอะไรที่ดีเป็นอย่างมาก
แต่ข้อตกลงนี้มันสามารถเชื่อถือได้จริงๆเหรอ?
เมื่อมองสายตาที่เต็มไปสงสัยของโจวหยู บูบูได้พูดขึ้นว่า “ข้อตกลงตกลงอะไรก็ตามที่ทําขึ้นในโลกACGนั้นสามารถเชื่อถือได้ และคนเก็บขยะไม่มีความกล้ามากพอที่จะฝ่าฝืนข้อตกลงอย่างแน่นอน เพราะไม่อย่างนั้นถ้าเขาถูกจับได้เขาจะถูกโยนลงในนรกอันเป็นนิรันดร์ของเมืองแบล็กสตาร์ทันที”
ตอนนี้เห็นได้ชัดแล้วว่าเพราะคนเก็บขยะไม่อาจเอาชนะบูบได้ ดังนั้นเขาจึงอยากลองเสี่ยงโชคของตัวเองในเรื่องที่ทําอยู่
เมื่อโจวหยูได้ฟังแบบนั้นก็ได้ตกลงที่จะเซยสัญญาตรงหน้า คนเก็บขยะที่เห็นแบบนั้นก็แสดงสีหน้ามีความสุขออกมาอย่างไม่ปิดบัง แต่ระหว่างนั้นเองก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น ได้มีชายหนุ่มสวมชุดสีขาวรีบวิ่งเข้ามา และวิ่งไปที่โต๊ะของหยวนดเฟิงนั่งอยู่ พร้อมกับพูดอะไรบางอย่างด้วยท่าทางที่ดุร้าย แต่เนื่องจากเพลงมันดังเกินไปทําให้โจวหยไม่ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้แล้วใบหน้าของคนเก็บขยะก็ได้เปลี่ยนไปทันที จากนั้นเขาก็เร่งเร้าให้โจวหยูลงนามในข้อตกลงนี้ด้วยความเร่งรีบ เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ทําให้โจวหยูรู้สึกเหมือนว่ามีบางสิ่งกําลังจะเกิดขึ้น และนั้นทําให้โจวหยูต้องการที่จะรู้ว่าอะไรกําลังจะเกิดขึ้นและทําไมชายเก็บขยะต้องเร่งให้เขาเซ็นสัญญานี้ด้วย และ อีกอย่างก็คือเวลาของภารกิจยังมีเหลืออยู่ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะรอดูเรื่องที่เกิดนี้
เมื่อการโต้เถียงเริ่มรุนแรงมากขึ้นชายหนุ่มในชุดขาวก็เหวี่ยงหมัดใส่หนึ่งในเพื่อนที่ไม่ดีของผู้หญิงเป้าหมาย แต่ในไม่ช้าเขาก็ถูกควบคุมและลากไปที่ซอยด้านหลังโดยคนเหล่านั้น ดูเหมือนว่าเขากําลังถูกคนเหล่านั้นทุบตีเร็วๆนี้ เมื่อโจวหยูเห็นแบบนั้นก็ได้มองไปที่คนอื่นๆที่อยู่ในบาร์ ก็พบว่าพวกเขาก็ยังคงเพลิดเพลินไปกับเสียเพลงต่อไป ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่เห็นอะไรเลย
นิสัยเดิมโจวหยูนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัว หากเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เขาก็อาจจะแกล้งทําเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและก้มศีรษะลงตามเดิม ก่อนที่จะออกจากสถานที่นี้ไปอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้เขากับรู้สึกถึงความขัดแย้งกันไปมาในหัวของเขา เสียงหนึ่งเขานั้นต้องการเขาไปช่วยเหลืออีกฝ่าย แต่เขารู้ตัวดีว่าเขานั้นไม่ใช่พระเอกในนิยายที่เคยอ่านที่จะมีความสามารถการต่อสู้ขั้นเทพ เขากลัวว่าถ้าเขาเข้าไปเขาอาจจะมีสภาพไม่ต่างกับชายชุดขาวคนนั้นมากนัก
“เฮ้อ! บูบู! นายคิดว่าเราควรไปช่วยเขาไหม?”
ในท้ายที่สุดโจวหยูก็ตัดสินใจที่จะลองออกไปดูก่อน ถ้าเกิดเรื่องอะไรที่เขายังสามารถขอให้บูบูช่วยขัดขวางพวกนั้นก่อนที่เขาจะวิ่งหนีออกไป
ในตรอกด้านหลังบาร์มีการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นอย่างที่คิด กลุ่มคนผมสีเหลืองจํานวนหนึ่งกําลังทุบชายหนุ่มที่ใส่ชุดสีขาวนั้นอย่างมีความสุข แต่หยวนเพิ่งกลับมีการแสดงออกสีหน้าที่ซับซ้อนเป็นอย่างมากในตอนนี้ บูบูเองก็มีสีหน้าไม่แตกต่างกันเช่นกัน
ถึงแม้ว่าเขาจะมีความสามารถมากขนาดไหน แต่มันก็ไม่สามารถทําอะไรคนที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงได้ ถ้าเขาจะสั่งให้เจ้าเซอร์แบล็กเข้าไปช่วย มันก็ไม่ได้ช่วยทําให้สถานการณ์ดีขึ้นมาได้
เห็นได้ชัดว่าบูบูนั้นต้องการเข้าไปช่วยแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้น ทําให้โจวหยูไม่มีทางเลือกนอกจากต้องช่วยคิดหาวิธี ใช้เวลาไม่นานก่อนที่โจวหยูจะถอนหายใจออกมาและพูดกับบบว่า “เอาละ! ฉันคิดวิธีที่จะช่วยเขาออกแล้ว! นายต้องไปรวบรวมเพื่อนนกของนายมา แน่นอนว่าเพื่อนนกของนายในครั้งนี้ต้องเป็นนกตัวใหญ่และดุร้าย อย่างเอานกตัวเล็กๆมาเด็ดขาดไม่อย่างนั้นพวกเพื่อนๆของนายอาจจะได้รับบาดเจ็บก็ได้”
เมื่อได้ฟังแผนการนี้แล้ว บูบูก็ได้ใช้เทคนิคการเรียกนกออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันต้องการนกที่มีขนาดใหญ่กว่าและก้าวร้าวมากกว่า ซึ่งมันไม่เหมือนครั้งที่แล้วที่ต้องการสืบข่าว
เมื่อเห็นโจวหยูลุกขึ้น คนที่แอบตามมาก่อนหน้านี้ก็เริ่มที่จะตระหนักได้ว่าสถานการณ์กําลังจะแย่ลง แต่เมื่อพวกเขาได้เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของผู้หญิงคนนี้กับโจวหยูแล้ว มันก็ทําให้คนที่แอบตามมาต่างก็เกิดความรู้สึกไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่ง และยิ่งพวกเขาเห็นว่าในตอนนี้มีตัวละครอย่างชายหนุ่มชุดขาวเข้ามาร่วมอีก
แต่ยังไงก็ตามเป็นที่รู้กันชัดเจนว่าชายหนุ่มสวมชุดสีขาวคนนี้ต้องถูกทุบตีและโจวหยูดูเหมือนว่าต้องการที่จะเข้าไปช่วยอีกฝ่าย แน่นอนว่าพวกร้ายอย่างกลุ่มอันธพาลเหล่านั้นจะไม่ยอมปล่อยให้โจวหยูออกมาอย่างง่ายดายอย่างแน่นอนถ้าเขาก้าวเข้าไป
นี่ทําให้คนที่แอบตามมาต่างก็รู้สึกสองจิตสองใจเป็นอย่างมากในตอนนี้ หนึ่งคือพวกเขายากจะเข้าไปห้ามไม่ให้โจวหยูเข้าไป และอีกอย่างหนึ่งคือปล่อยให้เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดําเนินต่อไป
แน่นอนว่ามีคนจํานวนมากที่เทใจไปยังอย่างแรกมากกว่า ไม่ใช่เพราะพวกเขากังวลความปลอดภัยของโจวหยูแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับอีกฝ่าย พวกเขาอาจจะไม่สามารถได้ยินเสียงของมู่ลี่ได้เร็วๆนี้ อย่างแน่นอน และแน่นอนว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้น มันคงเป็นหายนะสําหรับพวกเขา
ดังนั้นจึงมีบางคนเริ่มที่จะติดต่อไปยังพักพวกของตัวเองเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น
ในตรอกด้านหลังร้ายได้เกิดภาพยนตร์แอ็คชั่นเล็กๆกําลังดําเนินอยู่
บางทีหยานเฟิงยังคงมีมโนธรรมอยู่บ้าง เธอจึงพูดกับชายที่ดูเหมือนเป็นผู้นํากลุ่มนี้ว่า “พี่ใหญ่เซียง ฉันว่าแค่นี้นายนั้นคงจะจําแล้วละว่าอย่ามาหาเรื่องพี่ ถ้าพี่ยังคงซ้อมเขาอยู่แบบนี้มันอาจจะเกิดปัญหาร้ายแรงตามมากได้”
พี่ใหญ่เซียนที่ได้ฟังแบบนั้นก็ตบไปกันของหยวนเฟิงและหัวเราะว่า “เธอเป็นห่วงไอ้เด็กหนุ่มนี้เหรอ? มันคนนี้กล้าที่จะต่อยพี่ชายคนนี้ ดังนั้นฉันจึงจะสอนบทเรียนให้มันรู้ว่าอะไรควรไม่ควร!”
โดยปกติแล้วในเวลานี้พระเอกจะต้องปรากฏขึ้นและตะโกนว่า “ปล่อยชายคนนั้น!” แต่โชคไม่ดีที่โจวหยูไม่ต้องการเป็นปรปักษ์กับพวกนั้น ดังนั้นเขาจึงทําเพียงแอบดูอยู่ไกลๆเท่านั้น ไม่คิดจะเข้าไปขัดขวางแต่อย่างใด
ในตอนนี้เขาเพียงแค่รอให้แผนดําเนินไปเท่านั้น มันใช้เวลาไม่นานก่อนที่กลุ่มนกกาสีดําตัวใหญ่จํานวนมากบินลอยอยู่บนอากาศตาคําสั่ง ก่อนที่บูบูจะเห็นว่าจํานวนลูกน้องมีมากพอแล้ว จึงได้สั่งให้พวกมันเริ่มลงมือโจมตีไปยังกลุ่มอันธพาลเหล่านั้นทันที
อันธพาลเหล่านั้นบางคนได้ตกใจและบางคนเองก็รู้สึกกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้แต่พี่ใหญ่เซี่ยนเองก็ไม่มีข้อยกเว้น เขาได้ก้มตัวลงก่อนที่จะขานไปตามพื้นเพื่อที่จะออกไปจากที่นี้ให้เร็วที่สุด
ในขณะที่ซอยหลังร้านเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องไม่ว่าจะเป็นเสียงของผู้ชายผู้หญิง หรือแม้แต่คนที่บาดเจ็บจากการโจมตีของกลุ่มกา
นักข่าวสองคนที่ตามโจวหยูมาตั้งแต่ต้นได้เป็นพยานในเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นนี้ มันทําให้พวกเขาต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่พวกเขาเห็นอย่างมาก ในตอนนี้พวกเขาต่างก็มีคําถามวนไปมาในหัวจํานวนมาก ไม่ว่าจะเป็นทําไมนกเหล่านี้ถึงได้มารวมกันมากขนาดนี้ พวกมันมาจากไหน หรือแม้แต่ทําไมพวกมันจึงต้องโจมตีเหล่าอันธพาลพวกนี้ด้วย?
แต่ก่อนที่พวกเขาจะสามารถกับมามีสติได้นั้น ก็ได้มีชายสวมหน้ากากรีบเข้าไปในที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อสังเกตเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่ มันก็เป็นเรื่อง่ายๆสําหรับคนที่แอบตามมาอย่างมากที่จะบอกว่าอีกฝ่ายเป็นใครมันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากโจวหยูนั้นเอง
โจวหยูอยู่ในตรอกไม่นาน เขาได้วิ่งตรงไปหาชายหนุ่มในชุดขาวและพยายามดึงเขาออกไป
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มคนนี้จับมุมกําแพงเอาไว้แน่ ก่อนที่จะพูดปฏิเสธที่จะออกมา ในขณะเดียวกันเขาก็ยังตะโกนว่า “หยานหยานไปกับฉัน! เธอจะอยู่แบบนี้ไม่ได้!”
“โอ้พระเจ้า! นี้เขายังมีเวลามาสนใจคนอื่นอีกเหรอไง?!”