The Rise of Otaku - ตอนที่ 144
บทที่ 144 เจ้าชายน้ําแข็ง
เมื่อใดก็ตามที่โจวหยได้เห็นแร่ตาน้ําที่รวงหล่นที่เป็นเหมือนเพชรที่สวยงาม และนึกไปถึงการกระทําของผู้ชายที่ใส่ชุดสีขาวในวันนั้น เขาคิดว่าน้ําตานี้คงไม่ได้แย่อย่างที่คิด
กว่าเขาจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ มันก็ได้กินระยะเวลามานานมาก ถ้าไม่เพราะสถานเวลาการออกดอกของดอกไม้ที่ร่วงหล่นนี้แสดงตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นเขาก็อาจจะคิดว่ามันได้ตายไปแล้ว
บูบูรู้สึกว่าเรื่องที่ตามมานี้มันเป็นความรับผิดชอบของเขา เพราะการที่เจ้านายได้รับแร่ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานนี้มาจากคําขอร้องของเขา ดังนั้นบูบจึงได้พูดขึ้นว่า “เจ้านาย! ผมรับรองว่าแร่อันนี้ใช้ไม่ได้ผลผมจะไปยังเมืองแบล็กสตาร์เพื่อตามหาแร่ตาน้ําที่ร่วงหล่นอย่างแน่นอน”
โจวหยูที่ได้ฟังแบบนั้นก็รู้ว่าอีกฝ่ายจะทําจริงๆ และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการใช้กําลังอีกด้วย
เห็นได้ชัดว่าบูบไม่ได้พูดล้อเล่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้ามันเกิดขึ้นจริงก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีปัญหามากมายตามมาแม้ว่าโจวหยูจะไม่ทราบว่าเมืองแบล็กสตาร์มีอิทธิพลมากขนาดไหน แต่การที่อีกฝ่ายสามารถต่อสู้กับอิทธิพลของเมืองสตาร์ไลน์ได้นั้นคงจะไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าถ้าจะไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นมา
ถึงแม้ว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้นจะไม่เป็นอย่างที่คิด แต่เขาก็ไม่โทษบบในเรื่องนี้ เพราะส่วนหนึ่งของการตัดใจนี้เองก็เป็นเขาที่รวมอยู่ด้วย
ด้วยความไม่สบายใจที่เกิดขึ้น ตลอดระยะเวลารอให้ดอกไม้บาน โจวหยุได้ขังตัวเองอยู่ในห้องตลอดเวลา
ดอกไม้ที่ร่วงหล่นยังอยู่ในตู้เย็น แม้ว่ามันจะถูกล้อมรอบด้วยอากาศเย็นจัดตลอดเวลา แต่มันก็ยังคงสีเขียวขจีดูแข็งแรงเอาไว้ได้ ดอกตูมดูเหมือนดอกตูมของดอกไม้ธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไปแต่ในไม่ช้าดอกตูมดอกนี้ นก็เริ่มที่จะบานสะพรั่งเป็นดอกไม้ที่สวยงามแต่สําหรับโจวหยูที่เห็นเหตุการณ์นี้กับรู้สึกว่าว่ามันเป็นการเริ่มนับ ถอยหลังสู่ความตายยังไงยังงั้น
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแร่ที่ร่วงหล่นในวินาทีนี้
โจวหยูไม่รอช้ดึงแร่ที่ร่วงหล่นออกมา ก่อนที่จะหยดมันลงไปบนตัวของต้นไม้ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งดอกไม้ที่ร่วงหล่นก็ได้เปล่งประกายออกมา ก่อนที่แสงนั้นจะเริ่มหายในไม่ช้า
หลังจากที่แสงหายไป ดอกตูมก็ผลิดอกออกมาด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ได้มีคนตัวเล็กคนหนึ่งนอนอยู่… เด็กชาย? เด็กสาว?
ถึงตอนนี้โจวหยูสามารถแยกแยะเพศของลูกที่เกิดมาได้แล้ว ถ้ายังคงยึดตามหลักในโลกแห่งความเป็นจริงไม่สามารถมองหน้าและบอกเพศได้ มันต้องดูจากการแต่งตัวของพวกเขาแทน ด้วยวิธีนี้สามารถแยกแยะเพศได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตามเด็กที่อยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้นั้น ได้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีขาวที่เรียบง่ายทั้งสีผิวและผมเป็นสีขาวเหมือนหิมะซึ่งทําให้เป็นเรื่องยากที่จะบอกเพศของอีกฝ่ายได้
แต่หลังจากดูรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง ในที่สุดเขาก็รู้เพศของลูกคนนี้ได้
เบียโม่ – เพศชาย,
ไอดอลจากเมืองแบล็กสตาร์,
ระยะเวลาอุปถัมภ์,
เกิดมาพร้อมกับโรคแพ้ความร้อน ไม่สามารถอยู่ในสภาพอากาศร้อนได้นาน
คุณสมบัติ: ???,
ทักษะ: ???, ???,
อารมณ์: เย็นชา
เด็กที่เกิดมาพร้อมกับโรคที่หายาก มันเป็นครั้งแรกสําหรับโจวหยูที่เห็นแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะแร่ที่เขาได้รับมานั้นไม่ใช่อันที่สมบูรณ์มันจึงทําให้เกิดผลแบบนี้ แต่มันก็ยังสามารถแก้ไขได้ง่ายๆเช่นกัน แค่ลูกคนนี้ต้องอยู่ในที่อากาศเย็นก็เพียงพอแล้ว
แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังดีกว่าที่จะตาย
เมื่อเบียโม่ตื่นขึ้นมา เขาก็แทบจะไม่พูดอะไรและไม่มีการแสดงออกบนใบหน้าอะไรมากมายเมื่อเขาได้รู้จักกับนิ่งห้อยที่มีความกระตือรือร้นตลอดเวลา มู่ลี่ที่ทําตัวสงสัยอยากรู้อยากเห็น และพี่น้องฝาแฝดที่ชอบทําเสียงดังตลอดเวลา มันทําให้เขารู้สึกไม่มีความสุขมากนักมันยิ่งทําให้ใบหน้าของเขาเย็นชามากขึ้น
“เฮ้อ! ทําไมลูกชายคนเล็กคนนี้ถึงกลายเป็นเจ้าชายน้ําแข็งไปได้นะ?
“เบียโม่! ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวนะ! ลูกต้องการให้พ่อทําอะไรให้ไหม? “
โจวหยูพยายามเข้าใกล้ลูกคนเล็กนี้อย่างเป็นธรรมชาติ และขณะเดียวกันเขาก็พยายามสังเกตการณ์กระทําของอีกฝ่ายอย่างละเอียด เพราะอีกฝ่ายเกิดจากเมล็ดที่ร่วงหล่น ไม่ได้เกิดมาจากตู้กาชาปอง มันจึงทําให้เขาต้องตรวจสอบให้ดี
โชคดีที่ลูกชายคนเล็กคนนี้นอกจากมีนิสัยไม่ชอบพูดและแสดงสีหน้าเย็นชาตลอดเวลาแล้วไม่ได้แสดงคุณลักษณะที่ไม่ดีอื่นๆออกมา ดังนั้นระหว่างที่เขาได้นําอีกฝ่ายออกมาจากตู้เย็นอีกฝ่ายได้รีบพูดขึ้นมาว่า “อย่าพ่อ! ข้างนอกมันร้อนเกินไป ผมคิดว่าผมอยู่ข้างในนี้จะเป็นการดีกว่า”
สถานที่เบียโม่หมายถึงก็คือตู้เย็นที่เขาเกิดมา ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยมากสําหรับโจวหยู ดังนั้นไม่เพียงแต่เขาจะทําตามความต้องการของลูกชายคนนี้แล้ว เขายังได้จัดส่งเฟอร์นิเจอร์อื่นๆเข้าไปด้วยแน่นอนว่าหลังจากที่รีโนเวทเสร็จแล้ว จากตู้เย็นธรรมดาก็กลายเป็นบ้านสองชั้นที่ดูหรูหราไปเลย
เนื่องจากมันเป็นเพียงตู้เย็นธรรมดา ดังนั้นโจวหยูจึงไม่ได้คิดอะไรมากนัก เขาได้มอบมันให้ลูกชายคนนี้ของเขาทันทีถ้าหากว่าเขาต้องการอันใดเพิ่ม เขาเองก็ยินดีที่จะจัดหาอันใหม่ให้
ดังนั้นตู้เย็นที่เคยเป็นที่ปลูกตลอดเวลาหลายเดือนอันนี้ก็ได้บอกอําลากับภารกิจดั้งเดิม ก่อนที่จะกลายเป็นบ้านของเจ้าชายน้ําแข็งแทน หากคนอื่นได้เปิดตู้เย็นหลังนี้โดยบังเอิญ พวกเขาอาจจะตกตะลึงด้วยเฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็กมากมายที่อยู่ภายในก็ได้
ในขณะที่เจ้าลูกชายคนเล็กนี้อยู่บนมือของโจวหยู เขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่พบว่าความรู้สึกที่เขาได้รับมานั้นมันเป็นเหมือนกับว่าเขานั้นกําลังถือก้อนน้ําแข็งอยู่เลยมันมีแต่ความเย็นเท่านั้นที่ถูกส่งออกมา
เฮ้อ! ลูกชายคนนี้ก็มีอะไรแปลกๆอีกแล้ว
ในสัปดาห์ต่อมาการให้ความสําคัญกับการยกระดับค่าสถานะของเบียโม่เป็นไปอย่างธรรมชาติอย่างไรก็ตา มการยกระดับไอดอลที่เคยคิดว่าเป็นอะไรที่ง่ายๆนั้นกับล้มลงในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าการยกระดับของเบียโม่นั้นแตกต่างจากไอดอลทั่วไป เขาแทบจะไม่ต้องการการฝึกอบรมใดๆเลย ซึ่งมันแตกต่างกับพวกพี่ๆของเขาก่อนหน้าแต่เขามักจะมีข้อเรียกร้องที่แปลกประหลาดซึ่งเป็นอะไรที่ไม่ดีต่อการเติบโตของเขาเลย
ตัวอย่างเช่น วันหนึ่งเบียโม่ต้องการสร้างปัญหาเล็กน้อยให้กับนักท่องเที่ยวในสวนสนุกเขาจึงได้ขอร้องเจ้า เดียนเดียนและเจ้าเซอร์แบล็กเป็นผู้ช่วยในภารกิจนี้ โดยที่พวกมันได้แอบขโมยกระเป๋าเงินและไปเปิดกระโปรงของนักท่องเที่ยวหญิงซึ่งแน่นอนว่าเหตุการณ์แปลกๆนี้ได้ถูกพบโดยโจวหยูอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้แรกโจวหยูก็คิดว่าสถานการณ์นี้คงอยู่ระยะสั้นเท่านั้น แต่ในไม่นานเขาก็รู้ว่าเขาคิดผิดเพราะยิ่งเวลาผ่านไปนานขึ้นความคิดการเล่นแผลงๆของเจ้าลูกชายคนนี้ก็ยิ่งมากขึ้นจนในที่สุดเขาก็ไม่มีทางเลือกที่จะต้องมาตักเตือนอีกฝ่ายเป็นการส่วนตัว
ดังนั้นทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เขาจะจับเข่านั่งคุยกับลูกชายคนนี้ พร้อมกับพยายามโน้มนาวให้เลิกพฤติกรรมที่ไม่ดีอยู่ไป ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะถ้าเขาไม่ยอมเปลี่ยนนิสัยโดยเร็วละก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกจับเข้าเขาไม่ต้องการที่จะเห็นฉากพี่สาวส่งน้องชายของตัวเองเข้าคุก
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น โจวหยุได้พยายามคุยกับลูกชายของเขามาหลายวันแล้ว มันทําให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนพ่อแม่ของเขาที่เคยจําจี้กับเขาตลอดเวลา ก่อนหน้านี้เขาค่อนข้างรู้สึกรําคาญกับการกระทําแบบนี้ของพ่อแม่ แต่มาตอนนี้เขากับต้องทําแบบพวกท่าน เมื่อคิดๆดูแล้วมันก็ทําให้เขารู้สึกได้ถึงความรักที่พวกท่านมีต่อเขาเช่นกัน
แม่ในระหว่างการพูดคุยกันนั้นลูกชายคนเล็กจะไม่มีการแสดงสีหน้าอะไรออกมา แต่โจวหยูก็รู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมเปลี่ยนนิสัยตัวเองอย่างแน่นอน และเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาได้คาดสายตาออกไปเจ้าลูกคนนี้ก็จะกลับมาเล่นอะไรแผงๆอีกครั้งและทุกคนที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นก็เป็นเขาที่ต้องคอยตามเช็ดและแก้ปัญหาให้
พระผู้เป็นเจ้า! เมื่อไหร่เจ้าลูกคนนี้จะแก้นิสัยของตัวเองได้กัน?”
ในตอนนี้จิตใจของโจวหยูนั้นเต็มไปด้วยความยุ่งยากไม่สิ้นสุด