The Rise of Otaku - ตอนที่ 148
บทที่ 148 พ่อครัวคนใหม่
พ่อครัวลี่รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมากเห็นได้เห็นเจ้านายใช้เมาส์และแป้นพิมพ์เพื่อควบคุมอุปกรณ์ครัวต่างๆในเกมก่อนที่จะทําแพนเค้กผลไม้แสนอร่อยออกมา แน่นอนว่าคะแนนประเมินที่ออกมานั้นเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบ
ในการเล่นเกมครั้งนี้โจวหยูไม่ได้ใช้ถุงมือจําลองเพราะมันอาจจะนําเรื่องยุ่งยากตามมามันจะดีกว่าหากเขาจะใช้สิ่งนั้นเมื่อไม่มีใครอยู่รอบ ๆ
เมื่อเปรียบเทียบกับการเล่นเกมแล้วการทํางานในครัวมันดูสนุกกว่ามาก แต่มันสามารถแก้ไขได้ด้วยการให้เป็นเป็นเปลี่ยนร่างให้กายเป็นอุปกรณ์ทําครัวจริงๆซึ่งแน่นนอว่าวิธีนี้ทําให้ความรู้สึกที่ได้รับจากการเล่นเกมดูสมจริงมากขึ้น
แต่เนื้อหาที่มีอยู่ในตัวเกมตอนนี้มันก็มากพอที่จะสร้างความประทับใจให้กับพ่อครัวลี่ ด้วยชุดการสอนที่สมบูรณ์แบบพร้อมกับสูตรอาหารที่หลากหลายรวมไปถึงกระบวนการปรุงอาหารอย่างเคร่งครัดมันมีตั้งแต่วิธีการทําของหวานชิ้นเล็กๆไปจนถึงอาหารจานหลักทุกอย่างต่างก็รวมอยู่ในเกมมีแม้กระทั่งหัวหน้าพ่อครัวที่มักจะออก มากระตุ้นเล่นตลอดให้คําแนะนําอยู่เสมอมันทําให้พ่อครัวลี่ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “โอ้พระเจ้า! ฉันไม่คิดว่าเจ้านายจะสร้างผลงานที่สุดยอดแบบนี้ออกมาได้”
ในสายตาของพ่อครัวแล้วนี่ไม่ใช่เกม แต่เป็นการจําลองที่เชฟส่วนใหญ่ต่างก็ใฝ่ฝันถึง เพราะถ้าพูดกันจริงๆแล้ววัตถุดิบที่ใช้ในการทําอาหารนั้นมีราคาแตกต่างกันไปไม่ว่าจะราคาถูกหรือราคาสูงพวกมันต่างก็คิดเป็นเงินจํานวนมากดังนั้นการนําวัตถุดิบพวกนี้มาใช้ฝึกทําอาหารจึงถือว่าเป็นอะไรที่สิ้นเปลืองเป็นอย่างมากทําให้ตลอดเวลาที่ผ่านมาจํานวนพ่อครัวมืออาชีพมีจํานวนน้อยอย่างมากแต่ด้วยเกมนี้มันจะทําให้ปัญหาสําคัญได้หาย
และที่เป็นไฮไลน์ที่สุดของเกมนี้คือจะมีผู้เชี่ยวชาญชิมอาหารออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับอาหารที่ทําพร้อมกับชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดทั้งหมดในกระบวนการทําและนั้นทําให้ผู้เล่นสามารถเรียนรู้มากจากมันได้ แม้ว่าเกมนี้จะไม่มีสูตรอาหารที่มีชื่อเสียง แต่อาหารและของหวานทั่วไปนั้นกับมีพร้อมสรรพ
“เจ้านาย! ผมสามารถซื้อเกมนี้ได้ที่ไหน? ผมเองก็ต้องการเกมนี้ด้วย”
การรู้อาหารมากขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ดีสําหรับพ่อครัวทุกคน นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่ดีในการหลีกเลี่ยงคําบ่นของพนักงานที่มักจะพูดถึงเมนูอาหารเดิมๆทุกวันใครว่าการเป็นหัวหน้าพ่อครัวไม่เครียดกันเพราะยิ่งอยู่สูงความรับผิดชอบที่มีก็มากตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามหลังจากคําถามนี้จบลง โจวหยูก็นิ่งไปอย่างสมบูรณ์จะพูดยังไงดีเพราะเกมนี้เป็นเกมที่ผลิตโดยบริษัทของเขาเองและมันเป็นเพียงเกมที่ใช้เพื่อพัฒนาทักษะการทําอาหารของเขาเท่านั้นเขาไม่คิดว่ามันจะดีมากมายอะไร
“เอ่อ… คุณไม่จําเป็นต้องซื้อมันหรอก เดี๋ยวผมแค่คัดลอกมันลงในเครื่องคอมที่ห้องครัวก็ได้แล้วแบบนี้พวกคุณก็สามารถเรียนรู้มันได้ตลอดเวลา”
หลังจากนั้นโจวหยูได้ทิ้งเกมไว้ในคอมพิวเตอร์ในโรงอาหารเพื่อที่ว่าพ่อครัวที่นั่นสามารถเรียนรู้อาหารจานใหม่ได้มากขึ้นและทําอาหารจานใหม่ออกมาให้พนักงานของสวนสนุก
รอจนกระทั่งโจวหยออกไป หัวหน้าพ่อครัวลี่ก็ยักไม่หายจากความตกตะลึงกับเรื่องนี้ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเกมเองก็มีประโยชน์เช่นกันเพราะด้วยเกมนี้หากใครต้องการที่จะเรียนรู้ทักษะการทําอาหารใหม่ๆ พวกเขาสามารถฝึกทํามันได้ในคอมก่อนที่จะมาทดลองทําในชีวิตจริง
และยิ่งได้รับการยืนยันจากทักษะการทําอาหารที่น่าทึ่งของเจ้านายโดยตรงทําให้เหล่าบรรดาพ่อครัวต่างก็ตั้งตารอที่จะเล่นเกมนี้
อย่างไรก็ตามเจ้านายไม่ได้พูดถึงอีกประเด็นหนึ่ง นั้นคือเขาไม่ยอมพูดว่าเขาไปเล่นทําอาหารมาจากเชฟ ท่านใด แน่นอนว่าพ่อครัวลี่ไม่ใช้คนโง่เขารู้ว่าที่เจ้านายไม่ยอมพูดเรื่องนี้แต่เลือกที่จะเสนอเกมทําอาหารออกมามันก็ทําให้เขารู้แล้วว่าจะต้องทําตัวยังไง
เมื่อมีเกมนี้ถูกเพิ่มขึ้นมาในคอมของโรงอาหาร แน่นอนว่าเหล่าพ่อครัวต่างก็ให้ความสนใจมันทุกวันหลังจากทําอาหารเสร็จพวกเขาจะรวมตัวกันหน้าคอมพิวเตอร์เพื่อเรียนรู้กระบวนการทําอาหารใหม่
“เอาละ! นายรีบเติมเกลือได้แล้ว ทําไมนายถึงช้าแบบนี้? นั้นไง! นายใช้เมาส์เป็นไหม? นายเป็นพ่อครัวอาชีพได้ไงเนี่ย ขนาดเมาส์นายยังใช้ไม่คล่องเลย”
“ขนซุปได้แล้วนายต้องขนมันไปทางเดียวกัน 20 วินาที”
“นั้นมันนานเกินไปแล้ว! โอ้พระเจ้า! ดวงตาของนายมีปัญหาอะไรไหม? เร็ว! รีบเปลี่ยนระดับความร้อนเร็ว”
มันมีเสียงดังมากที่หน้าคอมพิวเตอร์ มันทําให้เหล่าพวกป้าๆที่รับผิดชอบในการล้างส่วนผสมอยู่หลังร้านต่างก็สับสน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างก็มีอายุมากกว่า 40 แต่ทําไมพวกเขายังเป็นคนติดเกมคอมพิวเตอร์เหมือนพวกเด็กๆกัน? แต่เมื่อพวกเธอตั้งใจฟังดีๆพวกเธอก็รู้ว่าพวกเขากําลังพูดกันถึงเกี่ยวกับการทําอาหารกัน
ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ล้วนเป็นพ่อครัวที่มีประสบการณ์ หลังจากที่พวกเขาเริ่มคุ้นเคยกับขั้นตอนการทําอาหารแล้ว พวกเขาก็เริ่มแสดงทักษะที่ตัวเองมีออกมา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาเจ้าหน้าที่ในสวนสนุกได้สังเกตเห็นว่าโรงอาหารเริ่มให้บริการอาหารประเภทต่างๆมากขึ้น จากเดิมที่มีอาหารเพียงจานเดียวและเหมือนกันเกือบทุกวัน ได้เปลี่ยนไปเป็นอาหารจานใหม่เกือบทุกวันทําให้พนักงานจํานวนมากต่างก็สงสัยว่าสวนสนุกอาจจะจ้างพ่อครัวคนใหม่มา
เมื่อเรื่องนี้เริ่มมีการพูดถึงมากขึ้น พ่อครัวลี่ก็ได้ออกมาอธิบายว่า “จ้างพ่อครัวใหม่กับตูดของฉันสิ!พวกนายตอบแทนอาหารแสนอร่อยพวกนี้ด้วยการไล่ฉันออกหรือไง? พวกนายต้องขอบคุณเจ้านายของเราที่มาสอนพิเศษให้ไม่อย่างนั้นพวกนายคงไม่ได้กินอาหารแสนอร่อยแบบนี้ทุกวัน”
อะไรนะ! เจ้านายสอนพ่อครัวมืออาชีพ? โลกนี้มันเกิดอะไรขึ้นกัน? เป็นความจริงที่ว่าเจ้านายได้มาที่โรงอาหารทุกวันเพื่อฝึกทักษะของตัวเอง แต่มันใช้เวลาเท่าไหร่กัน? มันเป็นเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ?
เมื่อโจวฟูกลับมาจากการเดินทางเพื่อทําธุรกิจ สิ่งแรกที่เขาได้ยินคือเจ้านายตัวน้อยได้กลายเป็นหัวหน้าพ่อครัวของโรงอาหารไปแล้ว มันทําให้เขารู้สึกราวกับว่าเขาได้ออกจากหมู่บ้านไปหลายปีแล้ว
เกิดอะไรขึ้น? ถ้าจําไม่ผิดก่อนที่ฉันจะจากไป เขาแค่เรียนรู้วิธีการหั่นผักเท่านั้นเอง ทําไมเมื่อฉันกลับมาเขาถึงกลายเป็นหัวหน้าพ่อครัวไปแล้วละ?’
โจวฟูไม่เชื่อข่าลือนี้แต่เมื่อเขาไปที่โรงอาหารกลางและได้เห็นฝูงชนจํานวนมากที่เข้าแถวตรงเค้าเตอร์ของโจวหยูแต่ละคนจะได้รับเพียงจานเดียวและเป็นแบบมาก่อนได้ก่อน เนื่องจากอาหารมีจํากัดทําให้คนที่มาช้ต้องรออาหารมื้อต่อไปได้ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่ใช้อุปสรรค์เลย
ปรากฏการณ์นี้ยังได้พิสูจน์ว่าทักษะการทําอาหารของโจวหยูดีเป็นอย่างมาก และอาจจะดีกว่าพ่อครัวไป แล้ว
โจวฟูที่เห็นแบบนี้ก็ได้ส่ายหัวไปมาและไม่ได้รู้จะพูดอะไรออกมาเห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ทุกคนต่างก็มองว่าโจวหยูนั้นเป็นโปรดิวเซอร์มือทองแต่ใครจะคิดว่ามาตอนนี้อีกฝ่ายกลับเปลี่ยนมาเป็นพ่อครัวอีกนี้ทําให้เขาไม่รู้ ด้วยซ้ําว่าเขาควรจะต่อว่าอีกฝ่ายหรือไม่?เพราะการที่ให้ความสนใจอะไรหลายอย่างพร้อมๆกันมันมีความเป็นไปได้มากที่จะไม่ประสบความสําเร็จซักอย่าง
โจวฟในฐานะผู้จัดการสวนสนุกมีสิทธิ์ได้รับอาหารก่อนอย่างแน่นอน สายตาของพ่อครัวลี่เองก็คมมากเช่นกันเขาสังเกตเห็นอีกฝ่ายได้ทันที ก่อนที่จะพาอีกฝ่ายเข้ามาในห้องครัวพร้อมกับยื่นอาหารที่เจ้านายทําให้
“พี่ฟู! พี่ต้องลองกินอาหารที่เจ้านายทํานะ มันไม่เพียงแต่อร่อยเท่านั้น แต่วัตถุดิบที่ใช้เองก็เป็นของที่เจ้านายปลูกเองทั้งหมด”
ตอนนี้อาจพูดได้ว่าพ่อครัวลี่ได้ประทับใจโจวหยูหมดหัวใจ ไม่เพียงแต่ผักที่ปลูกโดยเขาจะอร่อยเท่านั้นแต่อาหารที่ปรุงโดยเขาก็อร่อยมากเช่นกัน
โจวฟูเป็นคนที่กินของอร่อยมามากมาย เพียงแค่เขาดมกลิ่นความหอมของอาหารที่ลอบขึ้นมา เขาก็สามารถบอกได้เลยว่าอาหารตรงหน้าต้องอร่อยอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามมันก็ได้เกิดความกังวลขึ้นมาเล็กน้อยเช่นกันอย่าบอกฉันนะว่าเจ้าเด็กคนนี้จะหันมาเป็นพ่อครัวจริงๆ? มันถือว่าเป็นเรื่องปกติที่จะทํางานนี้เป็นเพียงแค่งานอดิเรกเขาคงไม่คิดจะเลิกทํางานหลักของตัวเองจริงๆหรอกนะ?
ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยในตัวโจวหยู มันทําให้โจวฟรีบหยุดรับประทานอาหารอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมอง หาโจวหยูทันที
แม้ว่าเจ้าเด็กคนนี้จะไม่ได้ออกจากสวนสนุก แต่เขาก็ไม่เคยนําโทรศัพท์มือถือติดตัวไปด้วยและเขายังไม่เคยบอกคนอื่นว่าเขาอยู่ที่ไหน เขามักจะวิ่งไปรอบๆอย่างอิสระ ดังนั้นทุกครั้งที่พวกเขาต้องการพบอีกฝ่านมันจึงเป็นอะไรที่ลําบากเสมอ และตัวสวนสนุกเองก็มีขนาดใหญ่มากมันจึงมีหลายสถานที่ที่โจวหยูสามารถไปเล่นได้และนั้นยิ่งทําให้การค้นหาเขายิ่งยากขึ้นไปอีก
หลังจากโทรศัพท์ไปหาหลายสายในที่สุดโจวฟูก็พบโจวหยที่ริมแม่น้ําสายเล็ก และว่าอีกฝ่ายยังคงเล่นเกมตกปลาอยู่ซึ่งก็เป็นเหมือนเดิมตั้งแต่ที่เขาเคยพบ นั้นคือโจวหยูไม่สามารถจับปลาได้ซักตัว
เมื่อเห็นภาพนี้มันก็ทําให้เขาไม่เข้าใจในตัวอีกฝ่ายจริงๆบางครั้งอีกฝ่ายก็เป็นพ่อครัว บางครั้งก็เป็นชาวประมง ใครจะรู้ว่าในอนาคตอีกฝ่ายจะไม่เป็นอาชีพแปลกๆอีก
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้โจวฟูก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเล็กน้อย เขาหวังว่าอีกฝ่ายจะไม่มีอาชีพแปลกๆอีก