The Rise of Otaku - ตอนที่ 15
บทที่ 15 การสร้างเรือบรรทุกเครื่องบิน
ในที่สุดโจวหยูก็สามารถทำให้โจวชูวหยูมีความสุขได้ ในไม่ช้าเธอก็จากไปพร้อมกับเหอหยวนหยวนเพื่อเริ่มต้น “ธุรกิจ” ของเธอ
นั้นทำให้ระหว่างนั้นโจวเฮาและเด็กคนอื่นๆได้เห็นของเล่นเหล่านั้นเช่นกัน ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างเมื่อพวกเขาเห็นของเล่น พวกเขาแกล้งทำเป็นว่าพวกเขาต้องการที่จะช่วยและใช้โอกาสนี้ในการเล่นกับของเล่นเหล่านั้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามสำหรับโจวชูวหยูแล้วโมเดลเหล่านั้นเป็นสินค้าสำคัญ ดังนั้นเธอไม่ต้องการให้เด็กเหล่านั้นแตะมันเด็ดขาด มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีรอยขีดข่วนขึ้นกับสินค้าเหล่านี้ มันอาจจะทำให้ราคาตกลงก็ได้
โจวเฮาได้ถูกไล่ออกมาอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเดินไปทางโจวหยูและพูดอย่างเศร้าโศก“ พี่หยู! นี้มันไม่ยุติธรรมเลย! พี่ซ่อนของเล่นมากมายจากพวกเราและยังไม่ให้โอกาสพวกเราได้เล่นมันอีกด้วย”
เป็นที่เข้าใจได้ว่าเหล่าเด็กผู้ชายนั้นชอบของเล่นประเภทนี้ ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงหลั่งไหลเข้ามาขอเล่นของเล่นที่โจวหยูทำ
เมื่อคิดว่าหัวหน้าหมู่บ้านคอยดูแลเขาอยู่เสมอ โจวหยูจึงตัดสินใจตอบแทนบ้าง “ โอเค! ตราบใดที่นายสามารถช่วยฉันกำจัดพวกวัชพืชป่าในลานบ้านของฉัน ฉันจะทำของเล่นให้นายเป็นการตอบแทน”
เพราะเขาเป็นคนขี้เกียจมาก ดังนั้นลานหน้าบ้านจึงรกเป็นเสมอมา มีบางส่วนของลานบ้านที่ถูกวัชพืชป่าขึ้นเต็มไปหมด ดังนั้นนี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเขาที่จะมีคนช่วยเขาทำความสะอาดลานบ้านนี้
เมื่อได้ยินสิ่งที่โจวหยูพูด โจวเฮาได้หยุดคิดเป็นหนึ่งวินาทีก่อนที่เขาจะรีบวิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ใช้ว่าเขาได้วิ่งหนีไปแต่อย่างใด กลับกับเขาได้วิ่งกลับไปที่สนามหญ้าอีกแห่ง ก่อนที่เขาจะพูดกับเพื่อนๆของเขาว่า “ พวกเรา! ฉันมีข่าวดีมาบอกพวกนาย! พี่หยูได้สัญญาว่าถ้าเราไปช่วยเขาถอนวัชพืชที่บ้านของเขา พวกเราจะได้รับของเล่นหนึ่งชิ้นเป็นการตอบแทน”
หลังจากนั้นไม่นานเหล่าเด็กๆ ก็ได้วิ่งมายังลานบ้านของโจวหยู พร้อมกับที่โจวเฮาได้ขอร้องเขาในข้อตกลงที่เขาได้ทำเอาไว้กับกลุ่มเพื่อนๆ
โจวหยูที่ได้ฟังแบบนั้นก็คิดว่าเจ้าเด็กตรงหน้านี้ฉลาดและเขาก็ไม่เห็นแก่ตัวจริงๆ มันจึงไม่สงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงได้กลายมาเป็นเหล่าผู้นำของเหล่าเด็กๆในหมู่บ้านนี้
ซึ่งมันเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขาที่จะเสียเงินโมไปเพียงไม่กี่เหรียญสำหรับเรื่องนี้ และยิ่งตอนนี้เขาได้รับเหรียญโมมาถึง 5,000 เหรียญ ดังนั้นโจวหยูจึงไม่สนใจเกี่ยวกับเหรียญจำนวนเล็กน้อยนี้ เขาได้ตอบตกลงอย่างมีความสุข ก่อนที่เขาจะเริ่มจดรายการสิ่งของที่เหล่าเด็กๆพวกนี้อยากได้
“ ผมต้องการเครื่องบิน!”
“ ผมต้องการรถถัง!”
“ ผมต้องการปืนกลมือ!”
เหล่าเด็กๆต่างก็ตะโกนขึ้นมาทีละคนด้วยความกลัวว่าพวกเขาจะไม่ได้รับของที่ตัวเองต้องการ ในขณะที่โจวหยูกำลังจดอยู่นั้นเขาก็มองไปที่โจวเฮาอย่างอยากรู้อยากเห็น ‘ทำไมไอ้เด็กเหลือขอนี้ถึงยังไม่ขอของเล่นอะไรเลย’
แต่ในไม่ช้าปริศนานี้ก็ได้รับการแก้ไข เมื่อเหลือเพียงโจวเฮาอยู่เพียงคนเดียว เด็กเหลือขอมองดูรอบๆแล้วพูดเสียงดังว่า “ผมต้องการเรือบรรทุกเครื่องบิน!”
เด็กคนนี้ได้แสดงความเป็นผู้นำออกมาจริงๆ แม้มีแต่ของเล่นที่เขายากได้ก็เป็นอะไรที่เกิดกว่าเด็กปกติจะเล่นกันแล้ว แต่เนื่องจากเขาได้รับปากไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถกลับคำพูดกลับมาได้ เขาแค่ปล่อยให้เด็กคนนี้ไปก่อนชั่วคราวเท่านั้น
……………………………
โจวชูวหยูยุ่งมากในสองวันนี้ ด้วยเหตุนี้เหอหยวนหยวนจึงไม่กล้ามาเยี่ยมโจวหยูเพียงลำพัง ท้ายที่สุดแล้วมันไม่เหมาะสมที่จะมีหญิงสาวคนหนึ่งพักอยู่ในห้องกับชายหนุ่มสองต่อสอง
ทางด้านโจวชูวหยูได้ทำการถ่ายโมเดลเหล่านั้นแยกเป็นชุดๆ ก่อนที่เธอจะแยกกันอัพโหลดไปยังร้านค้าออนไลน์ของเธอพร้อมกับเขียนคำอธิบายจำนวนมากลงไป มันเป็นงานที่เหนื่อยมากสำหรับเธอ
ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังต้องไปที่เว็บไซต์ของโมเดลทหารหลายแห่งเพื่อโฆษณาร้านค้าของเธอ เธอไม่สามารถรอให้ลูกค้ามายังร้านค้าของเธอได้นานนัก นอกจากนี้เธอยังต้องการใช้วันหยุดฤดูร้อนนี้เพื่อหารายได้พิเศษ นี่คือ ‘โอกาสทางธุรกิจ’ ที่เธอรอคอย
เธอต้องยอมรับว่าคุณภาพของโมเดลเหล่านี้สูงมาก ด้วยการแท็กข้อความว่าโมเดลเหล่านี้ทำด้วยมือทั้งหมด มันก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากมายในทันที การออกแบบอย่างพิถีพิถัน งานฝีมือที่สวยงามรายละเอียดที่สมบูรณ์แบบ และที่สำคัญที่สุดคือมันเหมือนจริงมาก ไม่มีใครรู้ว่าช่างไม้คนไหนที่สามารถทำได้แบบนี้
ในไม่ใช้รูปถ่ายของโมเดลเหล่านั้นก็ได้แพร่กระจายออกไป และนั้นทำให้ร้านค้าเล็กๆของโจวชูวหยูได้รับความนิยมเช่นกัน สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจมากยิ่งขึ้นก็คือภายในไม่กี่วันโมเดลทั้งหมดก็ถูกขายหมดแล้ว และยังมีลูกค้าบางคนที่ได้แสดงความคิดเห็นว่าถ้าเธอมีโมเดลอีกในอนาคต เธอต้องแจ้งให้พวกเขาทราบทันที
‘พระเจ้า! แค่มีทักษะสุดยอดแบบนี้ก็สามารถสร้างรายได้ได้อย่างง่ายดายแล้ว’ เธอสามารถหารายได้หลายพันหยวนเพียงแค่เสียไม้เพียงไม่กี่อัน นี้เป็นอะไรที่เธอทำได้เพียงฝันถึงเท่านั้น
หลังจากเธอถอนเงินที่ได้จากการขายนี้แล้ว เธอก็ได้รีบตรงไปยังบ้านของโจวหยูทันที แต่เมื่อเธอไปถึงกับต้องตกใจกับภาพที่เห็นแทน
ใต้ต้นไทรต้นใหญ่ มีโต๊ะสำหรับงานที่ตอนนี้เต็มไปด้วยชิ้นส่วนหลายชิ้นวางอยู่เต็มไปหมด
เรือขนาดใหญ่ที่มีความยาวกว่าความสูงของมนุษย์ปกติ ตอนนี้มันได้มาถึงครึ่งทางแล้ว เมื่อมองอย่างใกล้ชิดเธอก็สังเกตดีๆแล้วก็พบว่ามันเป็นโมเดลเรือบรรทุกเครื่องบิน
โจวหยูซึ่งสวมชุดตามปกติมาพร้อมกับเครื่องเมือของช่างไม้ เขาได้แสดงออกถึงความเป็นมืออาชีพเป็นอย่างมาก และทักษะที่เขาแสดงออกมานั้นก็เป็นอะไรที่ทำให้คนที่เห็นต้องหยุดดูอย่างไม่รู้ตัว กลุ่มเด็กๆเองก็ล้อมรอบโต๊ะทำงานขณะที่มองดูสิ่งที่โจวหยูกำลังทำไปด้วย ในขณะนี้ใบหน้าของพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความชื่นชมและส่งเสียงเชียร์ออกมาไม่หยุด
‘พระเจ้า…ถ้าฉันนำโมเดลนี้ไปขายจะได้ราคาเท่าไหร่กันนะ?’
สิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นมาในความคิดของโจวชูวหยูก็คือเงินที่เธอจะได้รับหลังจากที่เธอขายโมเดลนี้
แผนเดิมของโจวหยูนั้นคือ เขาจะใช้เวลาช่วงเย็นเพื่อสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามเด็กเหล่านั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งโจวเฮานั้นไม่มีความอดทนมากพอ พวกเขาต้องการให้โจวหยูสร้างให้พวกเขาทันที ดังนั้นในที่สุดโจวหยูจึงต้องไปขอให้ช่างไม้บีเวอร์ช่วยสร้างโมเดลนี้ให้เสร็จครึ่งหนึ่งก่อน จากนั้นโจวหยูจะจบครึ่งหลังด้วยตัวเอง แน่นอนว่าเขาจะไม่สามารถสร้างชิ้นส่วนเล็กๆอย่างพวกเครื่องบินได้ แต่พวกชิ้นส่วนขนาดใหญ่นั้นไม่มีปัญหาสำหรับเขา และด้วยการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของช่างไม้ระดับพระเจ้า มันจึงทำให้การสร้างของโจวหยูนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น
เมื่อเขาได้ลงมือทำมันจริงๆ เขาก็พบว่าการกระทำก่อนหน้านี้ของช่างไม้บีเวอร์นั้นสุดยอดมากขนาดไหน เขามักจะคิดว่างานไม้เป็นเรื่องง่ายๆเหมือนการสร้างบล็อก อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้ลงมือทำมันจริงๆแล้ว เขาก็รู้ว่ามันยากแค่ไหน หากไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่ามีช่างไม้ระดับพระเจ้าคอยช่วยแก้ไขความผิดพลาดของเขาอยู่ตลอดเวลา เขาอาจจะทำเรื่องยุ่งๆขึ้นมาแล้วก็ได้
ลานบ้านของโจวหยูนั้นเต็มไปด้วยเสียงดังของเด็กๆ มันจึงได้ดึงดูดพวกผู้ใหญ่เช่นกัน บางคนอยู่ที่นั่นเพื่อมองหาลูกๆของพวกเขา เพราะยังไงนี้ก็ถึงเวลาแล้วสำหรับอาหารกลางวัน แต่เด็กเหล่านั้นยังไม่ต้องการกลับบ้าน ดังนั้นอาจจะมีคนที่ร้องไห้ระหว่างเดินกลับบ้านในภายหลัง
อย่างไรก็ตามความสนใจของผู้ใหญ่เหล่านั้นก็ถูกดึงดูดโดยเรือบรรทุกเครื่องบินเช่นกัน เมื่อพวกเขาเห็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่งดงามได้ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ พวกเขาต่างก็ทึ่งกับความสามารถที่โจวหยูมี เมื่อเปรียบเทียบงานที่ทำโดยเฒ่าจางแล้ว งานของเขาคือการซ่อมแซมเฟอร์นิเจอร์ที่ชำรุดในหมู่บ้านเท่านั้น มันไม่สามารถนำมาเทียบกับงานที่สวยงามที่ชายหนุ่มคนนี้กำลังทำได้เลย
โจวชูวหยูเองก็ทำได้เพียงรออย่างอดทนในขณะที่เธอใช้สายตาที่แหลมคมของเธอสแกนเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ ในเวลาเดียวกันเธอพยายามประเมินราคาของมันไปในตัว
อย่างไรก็ตามเธอมีความรู้สึกที่คลุมเครืออย่างมาก เพราะถ้าผลงานชิ้นนี้สร้างเสร็จแล้วมันจะต้องกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘สมบัติ’ และด้วยความยาวสองเมตรมันจึงเป็นอะไรที่ใหญ่เป็นอย่างมาก! มันอาจจะสร้างปัญหาสำหรับการจัดส่งก็ได้
จนกระทั่งกระเพาะอาหารของโจวหยูเริ่มส่งเสียงประท้วงออกมา เขาจึงได้หยุดการสร้างเรื่อบรรทุกเครื่องบินเอาไว้ก่อน ตอนนี้ตัวเรือบรรทุกเครื่องบินเองก็สำเร็จไปเกินครึ่งแล้ว และมันยังทำให้เขารู้สึกว่าเป็นการใช้เวลาว่างที่ไม่เลวเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าผลงานส่วนใหญ่จะเป็นของช่างไม้บีเวอร์ก็ตาม
“ สวัสดีศิลปินใหญ่! ฉันต้องการถามว่าคุณว่ายินดีขายโมเดลนี้ไหม? เพราะตัวโมเดลจิ๋วที่พี่ให้ฉันก่อนหน้านั้นได้ถูกขายไปหมดแล้ว ฉันคิดว่าจะมาของานชุดต่อไปให้พี่ไปขาย”
หลังจากโจวชูวหยูได้ส่งเงินส่วนแบ่งของกำไรไปให้อีกฝ่ายแล้ว เธอก็พยายามที่จะเกลี้ยกล่อมให้โจวหยูนั้นขายเรือบรรทุกเครื่องบินอันนั้น แน่นอนว่าอีกฝ่ายก็ยังคงตอบปฏิเสธเธอเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตามเมื่อโจวหยูได้เข้าไปในบ้านเพื่อทำอาหารกลางวันแล้วนั้น พวกเด็กๆเองก็ได้ตามพ่อแม่ของตัวเองกลับไปบ้านเพื่อทานอาหารหลางวันเช่นกัน
โจวหยูอาจดูสงบมากในก่อนหน้านี้ แต่หลังจากที่เขารับเงินหลายพันหยวนมาแล้ว เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกลายเป็นราชาของโลกนี้ เขาถึงกับเริ่มนับเงินทันทีหลังจากที่เขาเข้ามาในบ้าน
ในฐานะนักเขียนระดับล่างที่อาศัยเพียงโบนัสเล็กๆในการปล่อยบททุกวัน ทันทีที่เขาได้รับเงินหลายพันหยวนนั้นมันเหมือนกับว่าเพิ่งได้รับแจ็คพอตใหญ่มา
แต่เดิมเขาคิดว่าเขาสามารถทำเงินได้เฉพาะเมื่อเขาได้รับสตูดิการ์ตูน หรือบริษัทเกมเท่านั้น แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะสามารถแก้ปัญหารายได้ของเขาได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ อย่างไรก็ตามธุรกิจประเภทนี้ยังไม่ดีที่สุด เขาไม่ควรเสียเหรียญโมทั้งหมดในการสร้างแบบจำลองเหล่านั้น
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาจำได้ว่าเขานั้นมีเหรียญโมถึง 5,000 เหรียญ เขาลังเลมาหลายวันแล้วกับเรื่องนี้ แต่เขาก็ยังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าควรจะเลือกอันไหนก่อนดี
สตูดิโอการ์ตูน? สตูดิภาพยนต์? หรือบริษัทเกม?
หรือทั้งหมดในเวลาเดียวกัน?