The Rise of Otaku - ตอนที่ 37
ตอนที่ 37 อนิเมชั่นในตำนาน
การคาดคะเนยาในน้ำเต้าของลูหยวนนั้นผิดอย่างสมบูรณ์ เจ้าของที่อาศัยอยู่ที่นี่เป็นชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะอยู่ในวัยยี่สิบเท่านั้น เขาดูไม่เหมือนครู ที่สำคัญกว่านั้นทำไมเขาถึงอยู่ในหมู่บ้านห่างไกลแบบนี้?
และเขาก็ดูไม่เหมือนคนที่ต้องการสร้างธุรกิจการเกษตรในหมู่บ้านเช่นกัน ดูได้จากผิวของเขาซีดมากจนเขาดูไม่เหมือนคนที่สามารถทำงานแรงงานได้เลย
ท้ายที่สุดเขาและเธอไม่ได้มาจากหมู่บ้านเดียวกัน แม้ว่าเธอจะมีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับอีกฝ่าย เธอก็ไม่สามารถถามออกมาได้ ดังนั้นในท้ายที่สุดเธอก็ทำเพียงเปิดถุงขนมขบเคี้ยวและเตรียมพร้อมที่จะเพลิดเพลินไปกับความทรงจำในวัยเด็กของเธอ
อย่างไรก็ตามความคาดหวังแบบนี้ก็ได้ลดลง เมื่อเธอได้เห็นชื่อของภาพยนตร์ขึ้นมา เพราะบนหน้าจอมันกำลังเขียนด้วยสองคำ – “พี่น้องน้ำเต้า”
‘นี่คือปีอะไรกันแล้ว? ทำไมยังมีใครบางคนที่ต้องการดูการ์ตูนประเภทนี้ มันมีเพียงพวกเด็กๆเท่านั้นที่ชอบดูมัน? เอ่อ…ฉันลืมไปว่าผู้ชมหลักก็คือพวกเด็กๆนี้น่า!’
‘ดูเหมือนว่าเจ้าเครื่องฉายเองก็ดูเป็นของโบราณด้วย เฮ้อ! ฉันคงคาดหวังมากเกินไปเองสินะ! ดูเหมือนว่าฉันต้องชมภาพยนตร์แอนิเมชั่นในวัยเด็กจริงๆแล้วในครั้งนี้… ‘
ด้วยความคิดนี้ลูหยวนก็ทำเพียงเริ่มดูอนิเมชั่นได้อย่างเดียว อย่างไรก็ตามคุณภาพของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ชื่อว่า “พี่น้องน้ำเต้า” นั้นเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อเป็นอย่างมาก
การเปิดตัวของอนิเมชั่นเรื่องนี้ได้แสดงให้เห็นหมู่บ้านบนภูเขาขนาดเล็ก แค่หมู่บ้านบนภูเขาเล็กๆแห่งนี้ก็มากเกินพอที่จะทำให้ผู้ชมตกใจแล้ว ด้วยทิวทัศน์ของหมู่บ้านบนภูเขาดอกไม้และพืชต่างๆ มันเป็นอมิเมชั่นที่มีคุณภาพสูงสุด ด้วยการร้องเพลงนกแมลงร้องและเพลงพื้นหลังที่ไพเราะ มันยิ่งทำให้ทั้งหมู่บ้านนี้ดูเหมือนสรวงสวรรค์มากขึ้น
ลูหยวนที่กำลังดื่มโค้กอยู่นั้น ก็เกือบจะพุ้นโค้กออกมา ‘นี่เป็นอนิเมชั่นในประเทศจริงๆเหรอ!’
ในมหาวิทยาลัย ลูหยวนเองก็ได้เป็นสมาชิกของชมรมแอนิเมชันเช่นกัน แม้ว่าโดยปกติเธอจะเข้าร่วมในกิจกรรมบางอย่างเท่านั้น เช่น การแต่งตัวคอสเพลย์ แต่แค่นี้ความรู้เรื่องอนิเมชั่นของเธอดีกว่าคนอื่นๆที่นี่ไปมากแล้ว แค่อนิเมชั่นเริ่มต้นของเรื่องเช่นนี้ มันก็เป็นอะไรที่ไม่ควรมีอยู่ในประเทศแล้ว
มันน่าเสียดายที่ไม่มีใครนอกจากเธอที่รู้สึกว่ามันแปลกมาก เมื่อมองไปที่การแสดงออกอย่างสงบของทุกคนในสนาม มันก็ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังแสดงออกเหมือนคนบ้า
‘ไม่มีทาง! หนังอนิเมชั่นที่เล่นในโรงหนังกลางแจ้งในหมู่บ้านเล็กๆนี้ มันจะดีกว่าภาพยนตร์การ์ตูนที่เล่นในโรงภาพยนตร์ในเมืองใหญ่ได้ยังไงกัน’
ลูหยวนที่คิดได้แบบนั้นก็รีบนำโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะอักเป็นคลิปสั้นๆ แล้วส่งไปให้เพื่อนของชมรมแอนิเมชันของเธอดู
“เชื่อไหมว่าฉันได้เห็นบล็อกบัสเตอร์แอนิเมชันระดับประเทศในหมู่บ้านเล็กๆของฉัน!”
แม้ว่าคลิปจะมีความยาวเพียงสิบวินาทีเท่านั้น และมันยังถูกถ่ายโดยโทรศัพท์มือถือในสภาพแสงสลัว แต่คุณภาพของอนิเมชั่นที่มันแสดงออกมาก็ยังคงทำให้เพื่อนของลูหยวนเกิดความสับสนขึ้นมาได้อยู่ดี
“ อึศักดิ์สิทธิ์! อนิเมชั่นเรื่องนี้เปิดตัวขึ้นตอนไหน? ทำไมฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน!”
“ นี่ไม่ใช่เรื่องพี่น้องน้ำเต้าหรือ? ถ้าฉันจำไม่ผิดตัวอนิเมชั่นเรื่องนี้มันไม่ควรจะอยู่ในระดับนี้!”
“ มันเป็นไปไม่ได้! แต่ถึงฉันจะลองหาข้อมูลยังไงก็หาไม่เจอ! อย่าบอกนะว่านี้เป็นอนิเมชั่นที่มีเพียงในหมู่บ้านของลูหยวนเท่านั้น”
ในช่วงเวลานี้กลุ่มของลูหยวนเต็มไปด้วยเสียงจอแจ หลังจากนั้นไม่นานลูหยวนก็ได้ส่งคลิปอีกอันใหม่ไปให้ นี้เป็นเหมือนกับตัวจุดระเบิด พวกเขาถึงกับเริ่มค้นหาอนิเมชั่นทั้งหมดที่เกี่ยวกับพี่น้องน้ำเต้าที่นี้ทันที
มันถือว่าเป็นเรื่องแปลกอย่างมากที่พวกเขาไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับคุณภาพของอนิเมชั่นเรื่องนี้ ถึงพวกเขาจะถือว่าเป็นมือสมัครเล่นแต่พวกเขาก็สามารถบอกได้ทันทีว่าอนิเมชั่นเรื่องเป็นอนิเมชั่นที่สูงที่สุดเท่าที่เคยทำมาในประเทศ
ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นคลิปวิดีโอพวกนี้ สิ่งแรกที่เกิดขึ้นมาในหัวของพวกเขาก็คือ ทำไมมันถึงไม่มีข่าวเกี่ยวกับออกมาก่อน? และทำไมอนิเมชั่นระดับนี้ถึงไปปรากฏตัวที่หมู่บ้านห่างไกลแบบนั้นได้?
ทุกครั้งที่ลูหยวนได้ส่งคลิปสั้นๆมาให้พวกเขา มันก็จะทำให้พวกเขาเกิดอาการบ้ามากขึ้นเท่านั้น พวกเขาเกือบทุกคนอยากที่จะบินไปที่หมู่บ้านของเธอ เพื่อไปพิสูจน์เรื่องนี้เป็นการส่วนตัว
“ อึศักดิ์สิทธิ์! น้องที่ห้าเป็นเด็กผู้หญิงจริงๆด้วย!”
“ ไม่! ไม่! ไม่! …ฉันไม่สามารถสรรหาคำอะไรมาอธิบายฉากที่สวยงามนี้ได้อีกอีกแล้ว! ฉันคิดว่าถ้ามีงานคอสเพลย์ครั้งต่อไป ฉันจะใส่ชุดนี้”
ฉากที่พวกเขากำลังพูดถึงคือ การเกิดของน้องเล็กคนที่ห้า ชุดที่เธอใส่นั้นเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของราชวงศ์ฮั่น และด้วยการตกแต่งที่สวยงามมากมายมันยิ่งเพิ่มความหน้าลงไหลมากยิ่งขึ้น และสัญลักษณ์น้ำเต้าเองก็ไม่ได้อยู่บนหัวเธออีกต่อไป แต่กลับปรากฏเป็นรอยสักบนหน้าผากรูปน้ำเต้าขึ้นมาแทน มันเป็นเหมือนลวดลายเปลวไฟที่สาวโบราณเคยชอบ
ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์ของน้องเล็กที่ห้าเท่านั้นที่แตกต่างจากต้นฉบับอย่างสิ้นเชิง แม้แต่พี่น้องของเธอที่เหลือเองก็ไม่ได้มีรูปร่างที่เหมือนกันอีกต่อไป
รูปร่างหน้าตาบุคลิกภาพและความสามารถของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน และยิ่งแสดงให้เห็นอย่างละเอียดมากขึ้นในอนิเมชั่นนี้ มันทำให้ตัวละครดังเดิมเหล่านี้ได้กลายเป็นรสชาติที่ทันสมัยขึ้นมาแทน และเมื่อรวมองค์ประกอบทั้งหมดเข้าด้วยกัน มันก็ทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นเต้นและแปลกประหลาดเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาทำดูมัน
“ลูหยวน! เธอช่วยถามเจ้าของโรงหนังได้ไหมว่าเขาจะเล่นหนังวันพรุ่งนี้ด้วยไหม? ถ้าเขาเล่นฉันจะซื้อตั๋วแล้วไปหมู่บ้านของเธอในวันพรุ่งนี้!”
บางคนไม่พอใจกับคลิปสั้นๆที่ถูกส่งมานี้ ดังนั้นบางคนจึงได้ตัดสินใจไปที่บ้านของลูหยวนเป็นการส่วนตัว ไม่เพียงแต่พวกเขาจะสามารถเพลิดเพลินไปกับอนิมีชั่นระดับสุดยอดได้เท่านั้น แต่พวกเขาอาจจะเรียกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันได้อีกด้วย ดังนั้นในวันต่อมาจึงมีเพื่อนๆของเธอได้ใช้เวลาวันหยุดมาที่หมู่บ้านลู่หัวแห่งนี้…
การต่อสู้ครั้งสุดท้ายระหว่างด้านความชอบธรรมและด้านความชั่วร้ายนั้นน่าตื่นเต้นมาก จนทำให้ผู้ชมต่างก็มีอารมณ์ร่วมตลอดเวลา ความสามารถในการยิงของน้ำเต้าที่สี่นั้นเหมือนกับ ‘ไฟนรก จากเรื่อง เจ้าชายแห่งเพลิง’ ในขณะที่น้ำเต้าที่ห้านั้นก็ได้ใช้ท่าเหมือนกับ ‘แสงจันทร์แห่งการรักษา จากเรื่อง เจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์’ นั้นเกือบทำให้ผู้ชมต่างก็คิดว่าพวกเขากำลังดูอนิเมชั่นรวมมิตรไปแล้ว เมื่อน้ำเต้าทั้งหมดรวมกันต่อสู้ก็เกิดเป็นการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นขึ้นมา และมันยังช่วยสร้างพลังอันล้นเหลือและรอยยิ้มที่มีความสุขขึ้นมาได้ตลอดเวลา
หลังจากที่ได้เห็นคลิปการต่อสู้ที่เป็นไปอย่างตรงไปตรงมาของเหล่าพี่น้องน้ำเต้าแล้ว เพื่อนๆของลูหยวนต่างก็ล้วนรู้สึกประทับใจกับบริษัทที่ทำหนังเรื่องนี้ขึ้นมาสุดหัวใจ แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่รู้ว่าบริษัทไหนทำก็ตาม
แต่สิ่งที่แปลกก็คือไม่ว่าพวกเขาจะค้นหายังไง ผลลัพธ์ที่พวกเขาได้รับมาก็คืออนิเมชั่นพี่น้องน้ำเต้ารุ่นเก่าเสมอ ไม่มีใครสามารถค้นหารุ่นที่เหมือนกับในห้องแชทได้เลย
นี่มันแปลกจริงๆ มันกับถูกแสดงในหมู่บ้านเล็กแห่งนี้ แต่มันไม่มีอยู่ในโลกออนไลน์
เพื่อที่ว่าพวกเขาจะค้นหาคำตอบของคำถามพวกนี้ มันจำเป็นที่พวกเขาจะต้องเดินทางมายังหมู่บ้านของลูหยวนที่นี้เท่านั้น
ก่อนที่เพื่อนของเธอจะมาถึง เธอก็ได้ทำการบ้านเช่นกัน
เธอรู้ว่าเจ้าของโรงหนังกลางแจ้งชื่อโจวหยู เขาเป็นชายหนุ่มที่แปลกๆ จากข้อมูลทีเธอได้รับมามันบอกว่าเขาไม่ได้ออกจากบ้านของเขาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว สิ่งนี้ไม่ใช้เรื่องแปลกใจสำหรับเธอ
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเป็นโอตาคุ มีหลายคนในเมืองใหญ่ๆที่เป็นแบบนี้ แต่ที่ทำให้เธอแปลกใจก็คือ เธอไม่ได้คาดหวังว่าจะมีโอตาคุในหมู่บ้านที่ห่างไกลแบบนี้
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ไลฟ์สไตล์ของโจวหยูก็เริ่มเปลี่ยนไป ในตอนแรกเขาสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์บางอย่างขึ้นมา และนั้นก็ทำให้เป็นที่สนใจของสื่อท้องถิ่น จากนั้นการแสดงนิทรรศการในโรงเรียนประถม หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเปิดโรงหนังกลางแจ้ง มันทำให้เด็กหลายคนอยากไปบ้านของเขาทุกวัน แต่สิ่งที่แปลกคือเขาไม่ต้องการเงิน ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาถึงทำเช่นนั้น
จากข่าวลือทั้งหมดที่เธอรวบรวมมา มันทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ประหลาดเป็นอย่างมาก
เมื่อถึงช่วงบ่ายอีกวัน ลิลี่น้อยก็ได้กระตุ้นให้น้าสาวพาเธอไปที่บ้านของโจวหยูอีกครั้ง แต่คราวนี้พวกเธอไม่ได้ไปเพียงสองคนอีกแล้ว เพราะการไปครั้งนี้ได้มีเพื่อนๆของเธอติดตามมาด้วย
ด้วยกลุ่มคนที่มากขึ้น มันจึงเป็นเรื่องยุ้งยากถ้าเธอยังจะขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไป แต่ก็ถือว่าโชคดีที่หมู่บ้านลู่หัวนั้นอยู่ไม่ไกล มันใช้เวลาเดินเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้นพวกเธอจึงได้ตัดสินใจที่จะเดินไป และนี้ยังถือว่าเป็นการออกกำลังกายหลังอาหารอีกด้วย
เมื่อเข้าสู่หมู่บ้านลู่หัว เพื่อนของเธอที่ชื่อว่าเหมิงเหมิงก็ได้สังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างขึ้น เธอพบจุดที่สูงที่สามารถเห็นหมู่บ้านลู่หัวได้อย่างชัดเจน ดังนั้นเธอจึงได้รีบขึ้นไปเพื่อทำการสำรวจมัน
“ นี่…นี่คือหมู่บ้านลูหัวจริงๆ!”
ลูหยวนรู้สึกแปลกใจมาก เธอไม่เคยเอ่ยชื่อหมู่บ้านนี้มาก่อน แล้วทำใหม่เพื่อนของเธอถึงรู้จักชื่อหมู่บ้านได้กัน
“ นั่นคือโรงเรียนประถมลู่หัว ที่นั่นนั่นคือวิหารที่ถูกทำลาย…ที่นั่นคือบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน อย่าบอกนะว่าบ้านที่เธอพูดถึงคือบ้านหลังนั้น ที่มีสนามหญ้าขนาดใหญ่อยู่ตรงนั้น…”
ราวกับว่าเหมิงเหมิงเกิดในหมู่บ้านแห่งนี้ เธอสามารถเรียกชื่อสถานที่บางแห่งได้อย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตามลูหยวนรู้ว่าเหมิงเหมิงไม่ได้มาจากหมู่บ้านนี้ เธอไม่ได้มาจากเมืองนี้ด้วยซ้ำ แต่ทำไมเธอถึงคุ้นเคยกับหมู่บ้านนี้ได้กัน?
“ เหมิงเหมิง! ทำไมเธอถึงคุ้นเคยกับหมู่บ้านลู่หัวกัน? และเธอยังรู้สถานที่บางแห่งที่ฉันไม่รู้จักอีกด้วย อย่าบอกฉันนะว่าเมื่อก่อนหน้านี้เธอเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านนี้?”
“ อย่าโง่ไปหน่อยเลย! มันเป็นเพราะเกมที่ฉันชอบเล่นต่างหาก เกมนั้นเรียกว่าหมู่บ้านลู่หัว และมันก็เหมือนกันกับหมู่บ้านนี้มาก ”