The Rise of Otaku - ตอนที่ 39
บทที่ 39 หลักฐานชัดเจน
มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ที่เขาไม่สามารถทำอนิเมชั่นระดับสามในวันละเรื่อง เนื่องจากเขาจำเป็นต้องคำนึงถึงจำนวนการใช้เหรียญโมที่เขามี แต่ที่สำคัญที่สุดก็คงเป็นเขาต้องคำนึงถึงจุดอารมณ์ของพนักงานเหล่านั้น
ในความเป็นจริงเขาทำแค่สองอนิเมชั่นในช่วงวันหยุดก็เพียงพอ และบวกกับเอฟเฟคของพู่กันวิเศษที่เขามี มันจึงทำให้เขาสามารถนำภาคต่อของอนิเมชั่นทั้งสองเรื่องมาเล่นซ้ำได้ทุกๆสามวัน
อนิเมชั่นที่เขารู้สึกชื่นชอบที่สุดคือเจ้าหนูนักสู้ เพราะนี้เป็นเพียงเรื่องเดียวที่เขาไม่รู้ว่าภาคต่อของมันเป็นยังไง ส่วนเรื่องพี่น้องน้ำเต้านั้นมันกับไม่ได้น่าดึงดูดใจมากนัก เมื่อนำมาเทียบกัน
แต่ในแง่ของการเปลี่ยนบทของน้ำเต้าที่ห้าให้กลายเป็นผู้หญิงนั้น มันถือว่าเป็นความคิดที่ถูกต้องเลยก็ว่าได้ เพราะถ้ายังคงดำเนินเนื้อเรื่องโดยเด็กผู้ชายทั้งหมด มันคงเป็นอะไรที่น่าเบื่อเกินไป ดังนั้นการมีเด็กผู้หญิงในกลุ่มบ้างจะช่วยทำให้อารมณ์ที่ตัวอนิเมชั่นมีนั้นดียิ่งขึ้น
และสิ่งที่เด็กๆชอบมากที่สุดคือพี่น้องน้ำเต้า สำหรับพวกเขาแล้วการได้เห็นฉากของการปล่อยไฟออกมาจากปากและปล่อยน้ำยังคงเป็นฉากที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ใช้เวลาไม่นานก่อนที่เด็กๆพวกนั้นจะขอให้เขาสร้างของเล่นของพี่น้องน้ำเต้าขึ้นมา
… ในวันที่สามของวันหยุดประจำชาติ …
เมื่อเปิดประตูในตอนเช้า โจวหยูก็เห็นว่าพวกของโจวเฮายังคงทำความสะอาดบ้านอยู่ เนื่องจากเมื่อวานนี้จำนวนคนที่มาดูนั้นมากกว่าปกติ และนั้นทำให้จำนวนขยะที่ทิ้งไว้ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ดูเหมือนว่ามันจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการทำความสะอาด
โจวหยูที่เห็นแบบนั้นก็ได้เหยียดร่างของเขาก่อนที่จะไปนอนลงยังเก้าอี้ผ้าใบและอาบแดดยามเช้าที่สุขสบาย ไม่มีวี่แววว่าเขาจะไปช่วยเหลือเด็กๆพวกนั้นทำความสะอาด
ด้วยภาพลักษณ์นี้ของโจวหยู มันทำให้เขาเหมือนเจ้าของที่ดินที่ร่ำรวยในสมัยโบราณ ที่ตอนนี้กำลังใช้แรงงานเด็กๆตาดำๆ ซึ่งสิ่งที่ขาดไปตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่คนนวดขาและบริการน้ำดื่มให้เขาเท่านั้น
ความเพลิดเพลินนี้คืออะไร? บางคนอาจคิดว่าการมีปาร์ตี้บนเรือยอชท์ในทะเลนั้นเป็นความเพลิดเพลินที่แท้จริง แต่สำหรับโจวหยูแล้วการอาบแดดบนเก้าอี้ผ้าใบใต้ต้นไทรนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความบันเทิง ไม่มีความแตกต่างระหว่างความต่ำต้อยและความสูงส่งตราบใดที่เขาชอบมัน
เขาได้เผลอหลับไปครึ่งชั่วโมง ก่อนที่เจ้าหนูโจวเฮาจะได้มากระซิบข้างหูว่า “ พี่ชายหยู! พี่ชายรีบตื่นเร็ว มีใครบางคนกำลังตามหาพี่อยู่”
‘ฮะ! ในเวลาเช้าแบบนี้เนี้ยนะ! ใครกันที่จะตามหาฉัน?’
หลังจากมาถึงประตู ในที่สุดเขาก็เห็นว่าเป็นกลุ่มผู้หญิงที่ต้องการพบเขา และนี้ทำให้เขาคิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก
ในความเป็นจริงโจวหยูเคยเห็นพวกเธอมาเมื่อคืนนี้เช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วมันก็ไม่มีผู้หญิงมากมายในหมู่บ้านนี้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาไม่คุ้นเคยกับพวกเธอ มันจึงทำให้เขาจึงจ้องมองพวกเธอจากที่ไกลๆเท่านั้น
แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าพวกเธอจะตามหาเขาในวันนี้
เมื่อเปรียบเทียบกับเขาหยวนหยวนผู้ที่อ่อนเยาว์และนุ่มนวลแล้ว ในสายตาของโลก ACG พวกเธอที่อยู่ที่นี้ต่างก็เป็นผู้หญิงที่สวยและดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่า
ผู้หญิงคนที่อยู่ตรงกลางนั้นสำหรับเขาแล้วรู้สึกว่าเธอจะเป็นผู้หญิงประเภทสปอร์ต บางทีเธออาจเรียนกีฬาบางประเภทที่มหาวิทยาลัย สองคนที่ยืนอยู่ข้างๆเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่มีสไตล์เพียงเล็กน้อย สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือผู้หญิงที่ซ่อนอยู่ข้างหลังที่กำลังทำท่าทางเหมือนพวกคนขี้ขลาด ดูเหมือนว่าเธอจะกลัวอะไรบางอย่าง
ขณะเดียวกันเขาก็ได้ก้มศีรษะลงและจ้องมองพวกเขาอีกครั้งด้วยดวงตาปกติ ลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้หญิงแต่ละคนที่เขาเห็นผ่านโลกของACG ก่อนหน้านี้ได้หายไปทั้งหมด กลับเหลือเพียงพวกเธอที่เป็นเพียงกลุ่มนักเรียนหญิงสามัญสี่คนเท่านั้น
ประโยชน์อีกประการหนึ่งของการทำความคุ้นเคยกับดวงตาของ ACG ก็คือว่าลักษณะบุคลิกภาพและอารมณ์ของคนในโลกแห่งความเป็นจริงเหล่านั้น ‘จะชัดเจนมาก!’ หลังจากพวกเขากลายเป็นตัวละครการ์ตูน
เช่นเดียวกับการเฝ้าดูความผิดปกติ ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้ปลอมตัวเป็นอย่างดี ลักษณะบุคลิกภาพและอารมณ์ของพวกเขาจะสามารถสังเกตได้ทันทีตั้งแต่แรกเห็น
เขาจำผู้หญิงคนนี้ได้ เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมาเมื่อเขาหันกลับมาหลังจากมีความรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังเฝ้าดูเขาอยู่ ก็เป็นเธอที่ตะใจและล้มลงนั่งไปบนพื้น
‘หรือว่าเธออยู่ที่นี่เพื่อบ่นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้กัน?’ ความเงียบของโจวหยูทำให้ผู้หญิงเหล่านี้รู้สึกอึดอัดใจมาก แต่ลูหยวนยังคงยื่นมือออกมาอย่างเป็นมิตรและจับมือโจวหยูเพื่อทำลายชั้นน้ำแข็งนี้
“ สวัสดีคุณโจว! เราเป็นสมาชิกของชมรมอะนิเมะในมหาวิทยาลัย XX เราได้เห็นภาพยนตร์การ์ตูนที่คุณแสดงเมื่อวานนี้ เราคิดว่ามันสวยงามมาก เราอยากรู้ว่าบริษัทไหนที่คุณได้ซื้อฟิล์มมากัน?”
‘โอ้! ที่แท้พวกเธอก็มาด้วยเรื่องนี้… ‘ โชคดีที่โจวหยูเตรียมพร้อมแล้ว ไม่ว่าพวกเธอจะถามคำถามอะไร เขาก็แค่ตอบว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับจากเพื่อนทางอินเทอร์เน็ตของเขาเท่านั้น ในแง่ประวัติของเพื่อนเหล่านั้นและทำไมพวกเขาต้องการให้เขาแสดงภาพยนตร์เหล่านั้นในหมู่บ้านนี้ โจวหยูก็ตอบกลับไปเพียงว่าเขาไม่รู้
เมื่อพวกเธอไม่สามารถหาคำตอบใดๆจากโจวหยูได้ ลั่วหยวนและเพื่อนๆของเธอก็ได้ขอตัวกลับมาทันที
……………………
เหมิงเหมิงนั้นชอบเกมตำนานของหมู่บ้านลู่หัวจริงๆ มันมีทั้งเรื่องราวความรักที่สวยงามและบิดเบี้ยว เรื่องราวที่น่าขนลุกและเต็มไปด้วยเลือดในเกม ที่เว็บไซต์ฉันเป็นโอตาคุ เองก็ได้มีแม้กระทั่งกลุ่มแฟนเกมนี้ขึ้นมา และแฟนๆหลายคนก็พยายามค้นหาเนื้อหาที่ซ่อนอยู่ของเกม
เหมิงเหมิงเองก็อยู่ในกลุ่มแฟนคลับนี้เช่นกัน
การได้เห็นหมู่บ้านลั่วหัวที่แท้จริงและคนขายเนื้อสีขาวตัวจริง มันทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นมาก ทันทีที่เธอกลับไปที่บ้านของลูหยวน เธอก็ได้ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครนี้กับแฟนเกมอื่นๆทันที
อย่างไรก็ตามมีมันก็มีกลุ่มคนที่ไม่เชื่อสิ่งที่เธอพูด แม้ว่าจะมีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ใช้ชื่อว่าตำนานของหมู่บ้านลู่หัวบนอินเทอร์เน็ต แต่มันก็เป็นเพียงภาพยนตร์ที่ถ่ายทำโดยกลุ่มมือสมัครเล่นเท่านั้น ไม่มีใครสามารถเห็นสิ่งต่างๆอย่างชัดเจนจากภาพยนตร์เรื่องนี้ ดังนั้นหลายคนจึงไม่ทราบว่าหมู่บ้านลู่หัวนั้นมีอยู่จริงในโลกนี้
ถึงแม้ว่าเธอจะถูกคนหลายคนต่อถาม แต่เธอก็ไม่ลังเลที่จะยอมแพ้ อย่างไรก็ตามเธอไม่มีหลักฐานใดๆที่จะใช้โต้แย้งได้เช่นกัน เธอไม่สามารถพิสูจน์เรื่องที่พูดมาได้
ดังนั้นในวันที่สองเธอจึงได้จับกล้องถ่ายรูปโดยเฉพาะ และไปที่หมู่บ้านลู่หัวอีกครั้งเพื่อถ่ายรูป ตราบใดที่มีสถานที่ในเกมเธอจะถ่ายรูปพวกมันทั้งหมด มันเป็นความอัปยศที่วิหารที่ถูกทำลายไม่มีที่ซ่อนใต้ดินเหมือนในเกม ไม่อย่างนั้นมันจะยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนเป็นเกมจริงๆมากขึ้น
แน่นอนว่ารูปที่เธอต้องการจะถ่ายมากที่สุดคือคนขายเนื้อสีขาว นั่นเป็นตัวละครที่คลาสสิคที่สุดของเกม
แต่เมื่อใดก็ตามที่เธอเห็นคนขายเนื้อสีขาว(โจวหยู) เธอจะจำได้โดยไม่ได้ตั้งใจเสมอว่าเขาเป็นฆาตกรรมที่บ้าที่มีรอยยิ้มที่น่ากลัวอยู่เสมอบนใบหน้าของเขา ดังนั้นมันจึงทำให้ร่างกายของเธอสั่นอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากความอยากรู้อยากเห็นที่รุนแรง เธอจึงอดไม่ได้ที่จะเข้าใกล้เขาที่ละนิด มันเป็นความคิดที่ขัดแย้งกันอย่างแท้จริง
ในที่สุดการถ่ายรูปทั้งหมดของเธอก็เสร็จสมบูรณ์ เมื่อเธอกลับบ้านของลูหยวน เธอก็ได้ทำการอัพโหลดรูปทั้งหมดลงบนอินเทอร์เน็ต นี้อาจจะเป็นรูปที่เธอเอาใช้ในพิสูจน์ข้อความก่อนหน้านี้ของเธอได้เป็นอย่างดี
“ สวัสดีทุกคน! นี่คือหลักฐานที่คุณทุกคนถามหามัน! จงเสพมันซะ!”
ด้วยภาพถ่ายจำนวนมากคราวนี้ไม่มีใครกล้าโต้เถียงกับเธออีกแล้ว
อย่างไรก็ตามเนื่องจากจางเธอตื่นเต้นเกินไป มันจึงทำให้รูปถ่ายเซลฟี่ของเธอลดลงไปดูเช่นกัน และนั้นทำให้พวกนิสัยเสียหลายคน ได้ใช้ช่วงเวลานั้นในการล้อเรียนเหมิงเหมิง
หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็มีคนโพสต์ข้อความว่า “ เจ้าของโพสต์! เนื่องจากคุณบอกว่าคุณเห็นคนขายเนื้อสีขาวทำไมคุณถึงไม่ไปถ่ายรูปกับเขาล่ะ”
แน่นอนว่าตัวละครคนขายเนื้อเขียงสีขาวเป็นตัวละครที่นิยมมากในฝ่ายปีศาจ ไม่มีใครคาดคิดว่าตัวละครนี้มีอยู่จริงในชีวิตจริง นี่ไม่ใช่การคอสเพลย์อีกต่อไป แต่มันเป็นคนจริงๆ เมื่อใดก็ตามที่เหมิงเหมิงคิดเกี่ยวกับมันเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น
และเธอเองก็ยังต้องการถ่ายรูปกับคนขายเนื้อสีขาวด้วยเช่นกัน แต่ทุกครั้งที่เธอเห็นตัวจริงของอีกฝ่าย มันก็ยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็วมากขึ้น อย่าเข้าใจผิด! นั่นไม่ใช่ความรู้สึกรักแน่นอน แต่มันเป็นความรู้สึกที่แท้จริงของความกลัว
โดยเฉพาะเมื่อเขาหันกลับมามองเธอในคืนนั้น เมื่อรวมเข้ากับจินตนาการอันโหดร้ายของโจวหยูที่มีในเกมแล้ว มันยิ่งเป็นการตอกย้ำปีศาจในใจของเธอ
เมื่อคิดได้อย่างนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะเป็นรู้สึกเหมือนเป็นหวัดและตัวสั่นอีกครั้ง
แต่ยังไงเธอก็ต้องการถ่ายรูปกับเขาจริงๆ
ความคิดที่ขัดแย้งกันคือการต่อสู้ที่รุนแรงในใจของเหมิงเหมิง ในท้ายที่สุดเธอยังไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ก่อนหน้านี้เธอเป็นถึงผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายชั้นนำในชมรมแอนิเมชัน คราวนี้เธอได้นำชุดมาด้วยเช่นกันและชุดเหล่านั้นเพิ่งจะถูกออกแบบมาเพื่อตำนานของหมู่บ้านลู่หัว ดูเหมือนว่านี่เป็นชะตากรรมที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้แล้ว
แน่นอนว่าเธอไม่สามารถไปหาโจวหยูได้ด้วยตัวเอง เธอยังคงต้องการให้ลูหยวนไปเป็นเพื่อนเธอเช่นกัน
ที่จริงแล้วลูหยวนสนใจภาพยนตร์อนิเมชั่นที่โจวหยูเล่นอย่างมาก แต่หลังจากที่เธอไม่ได้รับคำตอบใดๆทางอินเทอร์เน็ต เธอก็ยอมแพ้เกี่ยวกับเรื่องนี้ไป
แต่การแต่งตัวคอสเพลย์เป็นสิ่งที่ทุกคนหลงใหล ดังนั้นเมื่อเหมิงเหมิงเกิดความคิดว่า เราควรใช้ “ตำนานของหมู่บ้านลู่หัว” เป็นธีมหลักของคอสเพลย์ในครั้งนี้ เธอก็เห็นด้วยทันที
ดังนั้นพวกเธอจึงได้กลับไปที่หมู่บ้านลู่หัวอีกครั้ง