The Rise of Otaku - ตอนที่ 4
บทที่ 4 สตูดิโอการ์ตูน
ปรากฎว่าการตัดต้นไม้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย แม้ว่าเขาจะเข้าใจหลักการพื้นฐานอย่างการที่จะต้องทำการเล็งขวานไปยังที่เดียวกันตลอด แต่เมื่อเขาได้พยายามฟันลงไปจริงๆ เขากับพบว่ามันเป็นเรื่องยากอย่างมาก มีอยู่สองสามครั้งที่เขาฟันพลาดเป้าและทำให้ด้ามขวานเกือบถูกตัวเอง
แม้ว่าเขาจะพยายามเล็งไปยังจุดเดียวกันกี่ครั้งก็ตาม มันก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดีที่เขาจะฟันถูก หลังจากพยายามสับต้นไม้อยู่สองสามครั้ง ฝ่ามือของเขาก็เริ่มที่จะแดงและบวมขึ้นมา
หัวหน้าหมู่บ้านที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นก็ทำได้เพียงส่ายหัวอยู่ตลอดเวลา เขาไม่คิดว่าโจวหยูเด็กจากในเมืองจะอ่อนแอแบบนี้ เพียงต้นไม้ต้นเล็กๆแค่นี้ยังไม่สามารถฟันมันลงมาได้
เขาได้ย้อนคิดไปถึงในสมัยที่เขายังเด็กๆ เขาจำได้ว่าเขานั้นฟันเพียงไม่กี่ครั้งต้นไม้ขนาดนี้ก็ล้มลงแล้ว
หลังจากตัดต้นไม้ไปได้อักซักพัก ในที่สุดโจวหยูก็ล้มต้นไม้ลงได้สำเร็จ แต่มันยังไม่จบแค่นั้น เขายังต้องขุดรากออกอีกด้วย โชคดีที่ครั้งนี้หัวหน้าหมู่บ้านได้เข้ามาช่วยเขาอีกแรง
ตลอดช่วงเช้าทั้งเช้า โจวหยูวุ่นอยู่กับการตัดต้นไม้เพียงต้นเดียว และนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของเขาที่ได้ทำงานหนักขนาดนี้ เมื่อเขาเห็นว่างานเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาถึงกับนอนอยู่บนพื้นพร้อมหอบหายใจอย่างหนัก ในเวลานี้เขารู้ตัวดีว่าเขานั้นไม่สามารถลุกขึ้นได้อีกแล้ว
ทางด้านหัวหน้าหมู่บ้านเองก็ได้ส่ายหัวออกมาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็เริ่มที่จะขนย้ายต้นไม้ไปวางเอาไว้บนหลังรถสามล้อด้วยตัวคนเดียว จนกระทั่งในที่สุดโจวหยูก็กลับมามีแรงได้ในที่สุด เขาก็ได้ช่วยดันสามล้อกลับไปที่หมู่บ้านด้วยความยากลำบาก
เดิมทีเมื่อถึงบ้านของเขาแล้ว โจวหยูต้องการให้เงินแก่หัวหน้าหมู่บ้านเป็นค่าตอบแทน อย่างไรก็ตามหัวหน้าหมู่บ้านได้ยืนยันว่าเขาไม่ต้องการมัน ก่อนที่เขาจะจากไปด้วยสามล้อที่ว่างเปล่าและก่อนจากไปเขาก็ยังได้เตือนโจวหยูอีกครั้งว่า ถ้าเขาต้องการตัดต้นไม้ในครั้งต่อไป ให้มาหาเขาก่อนเป็นอันดับแรก
‘ตัดต้นไม่ในครั้งหน้า? พระเจ้า!’ แค่ครั้งเดียวมันทำให้เขารู้สึกเหมือนเขาเสีย HP ไปเกินครึ่งแล้ว ถ้าหากเขายังต้องไปทำอะไรแบบนี้อีก เขาคงต้องเตรียมแพทย์สนามมาสแตนบายรอเอาไว้แล้ว
หลังจากตัดกิ่งก้านของต้นสนทั้งหมดออกมาแล้ว โจวหยูคิดว่าอย่างน้อยเขาก็ต้องทำให้ลำต้นของต้นไม้นี้แห้งเสียก่อน อย่างไรก็ตามช่างไม้บีเวอร์ไม่ได้คิดอย่างนั้น มันเพียงพูดว่าส่งไม้มา ก่อนที่มันจะขอให้เขาทำตามคำแนะนำของมันอย่างเคร่งคัด
เขาได้เริ่มลงมือตัดแบ่งตัวไม้ออกจากกันตามขนาดที่ช่างไม้บีเวอร์ได้บอกเอาไว้ ก่อนที่จะมีข้อความสองมิติลอยอยู่เหนือวัสดุเหล่านั้น : “วัสดุจำเป็นในการสร้างกระดานหมากรุก” และหลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเรื่องที่แปลกอย่างมากเกิดขึ้น เพราะพวกวัสดุไม้เริ่มที่จะแห้งลงก่อนที่มันจะกลายเป็นพร้อมใช้งาน
ทันใดนั้นช่างไม้บีเวอร์ก็ได้ทำการเปลี่ยนตัวเองเช่นกัน โจวหยูไม่รู้ว่ามันเอาเวลาที่ไหนไปเปลี่ยน เพราะในตอนนี้มันได้ปรากฏพวกชุดอุปกรณ์ที่หรูหราและฉูดฉาดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเต็มตัวไปหมด มันเกือบจะทำให้เขานั้นตาบอดเพราะแสงสะท้อนเลยที่เดียว “โลหะผสมไทเทเนียม , เส้นไหมชวา และไม้จันทน์แดง, ไม้บรรทัดหยกขาวของ ” … ต้องบอกว่าการจัดเต็มครั้งนี้ของช่างไม้บีเวอร์นั้นเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ มันถึงกับทำให้โจวหยูเกิดความคิดบ้าๆอย่างการ ‘ฆ่ามันแล้วขโมยพวกมันมา!’
เมื่อความคิดนี้ได้ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา เขาจำเป็นจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการปราบปรามแรงกระตุ้นนี้เอาไว้ ‘ฉันต้องทำได้! ฉันเป็นคนดี! ฉันเป็นคนดี! … ‘ มี NPC เพียงสองตนในหมู่บ้านแห่งนี้ ถ้าเกิดว่าเขาฆ่าตนใดตนหนึ่งไป มันอาจจะส่งผลระยะยาวต่อเขาก็เป็นไปได้ ดังนั้นจะเป็นการดีที่สุดที่เขาจะรักษาพวกมันเอาไว้
ช่างไม้ระดับพระเจ้าไม่ใช้เพียงฉายาที่ตั้งเอาไว้ดูเท่เฉยๆ ช่างไม้บีเวอร์ได้ใช้เวลาสร้างกระดานหมากรุกขนาดเล็กนี้เสร็จสมบูรณ์ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ตลอดกระบวนการผลิตโจวหยูนั้นได้เฝ้าดูอยู่ด้านข้างตลอดเวลา ช่วงเวลานั้นมันช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าประหลาดใจจริงๆ สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจไม่ใช่แค่ความเร็วที่ช่างไม้บีเวอร์ทำได้เท่านั้น แต่เป็นฉากที่แตกต่างกันระหว่างสองฉากที่เขาเห็นเมื่อเขามีแว่นตากับตอนถอดแว่นตา
เมื่อเขามองผ่านสายตาของโลก ACG เขาเห็นว่าช่างไม้บีเวอร์ได้ทำกระดานหมากรุกด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ แต่ด้วยสายตาตามปกติของเขา เขาเห็นเพียงขี้เลื่อยนับไม่ถ้วนที่พุ่งออกมาจากชิ้นส่วนของไม้โดยอัตโนมัติ ก่อนที่มันจะบินไปทุกที่ในอากาศจนกระทั่งชิ้นส่วนของไม้ค่อยๆกลายเป็นกระดานหมากรุกในที่สุด
หลังจากสร้างกระดานหมากรุกเสร็จแล้ว ก็เหมือนกับไฟที่อยู่ในใจของมันถูกจุดติดขึ้นมาอีกครั้ง บางทีมันอาจจะไม่ได้สร้างอะไรขึ้นมาหลายปีแล้ว ดังนั้นเมื่อมันได้รับโอกาสแบบนี้จึงทำให้ไฟที่เคยมอดดับถูกจุดติดขึ้นมาอีกครั้ง
ในครั้งนี้มันตั้งใจจะสร้างศาลาที่เอาไว้ใช้สำหรับเล่นหมากรุก เดิมทีศาลานั้นตั้งใจจะวางไว้บนบ่อน้ำเล็กๆ แต่บ่อน้ำเล็กๆแห่งนี้ไม่มีน้ำอยู่มาตั้งนานแล้ว ดังนั้นมันจึงคิดจะสร้างศาลาเอาไว้ใต้ต้นไทรเป็นการชั่วคราว
โจวหยูไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำภารกิจเพิ่มเติมนี้ให้เสร็จ
ศาลาขนาดเล็กนี้สูงประมาณเมตรครึ่ง มันเป็นอาคารที่ค่อนข้างใหญ่ คราวนี้ช่างไม้บีเวอร์ได้ทำการสร้างเฉพาะส่วนทั้งหมดของศาลาขึ้นมา ก่อนที่มันจะบอกให้โจวหยู – ช่วยในการประกอบมันขึ้นมาอีกครั้ง
ชิ้นส่วนทั้งหมดนั้นเป็นอะไรที่บอบบางเป็นอย่างมาก และมันยังต้องใช้ความอดทนในการประกอบอีกด้วย อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับโจวหยูเลย เนื่องจากเขาได้เล่นกับชุดโมเดลโรงรถทุกชนิดมาแล้ว ดังนั้นการประกอบชิ้นส่วนพวกนี้เข้าด้วยกันไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา ในไม่ช้าศาลาที่มีกลิ่นอายของสมัยโบราณก็ถูกประกอบขึ้นมาสำเร็จ รวมไปถึงโต๊ะและเก้าอี้ด้วย
“ในสนามรบชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ มันจะมาพร้อมกับทุกการเคลื่อนไหว”
“ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน จงรู้ว่าไว้ว่ากรรมจะตามคุณไปทุกที”
ประโยคเหล่านี้เป็นกลอนคู่ที่เขียนบนเสาหลักของศาลา
และช่างไม้บีเวอร์ยังได้มีการเขียนกลอนคู่ที่แข็งแกร่งและมีพลังเอาไว้ตรงทางเข้าศาลาแห่งนี้ด้วยว่า : ‘ศาลาแห่งลมและฝน’
หลังจากเสร็จสิ้นการสร้างศาลา ช่างไม้บีเวอร์ก็ได้เรียกร้องให้โจวหยูรีบทำการสร้างบ่อน้ำขนาดเล็กขึ้นมาโดยเร็วที่สุด เพราะเมื่อถึงเวลานั้นมันจะสร้างท่าเรือเพื่อเชื่อมต่อกับศาลากลางสระน้ำ จากนั้นมันจะสนุกกับการเล่นหมากรุกธรรมกลางสระน้ำ
‘อืม … มันอาจต้องใช้เวลาสักพัก … ‘ โจวหยูถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเขาได้รับภารกิจนี้
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจในครั้งนี้ ช่างไม้บีเวอร์ก็ได้มอบขวานธรรมดา เลื่อยไม้ธรรมดา และเหรียญโม 135 เหรียญ เป็นการตอบแทน เมื่อเปรียบเทียบกับเควสต์ที่เขาเคยได้รับจากราชามังกรเฒ่าแล้ว มันถือว่าคุ้มเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเขาได้คิดถึงรายละเอียดของเควสที่ได้รับ มันก็ถือว่าสมเหตุสมผล
และในแง่ของเหรียญโมเหล่านั้น เขาคิดว่าควรใช้กับเครื่องกาชาปองหรือควรเก็บเอาไว้ก่อนดี เพราะเมื่อไม่นานมานี้เขาได้ไปอ่านรายละเอียดของสิ้นค้าที่ตู้ขายของอัตโนมัติมี และเมื่อเขาอ่านรายละเอียดจบเขาก็ไม่สามารถสบถออกมาได้
สตูดิโอการ์ตูน (1,000 เหรียญโม) ฐานแอนิเมชัน (1500 เหรียญโม) บริษัทเกม (2000 เหรียญโม) …
เมื่อเขาได้เห็นราคาเหล่านี้เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากทำใจเท่านั้น ราคาเหล่านี้มันแพงเกินไป … แม้แต่ของที่ถูกที่สุดอย่าง – สตูดิโอการ์ตูน เขาก็ต้องเก็บเหรียญโมอีกหลายวันกว่าจะซื้อได้ และไม่ต้องพูดถึงเลยว่าผู้เฒ่าทั้งสองคนนี้อาจจะไม่ได้มอบเควสให้เขาทุกวัน
อนิจจา! เขาต้องอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ดังนั้นมันจะเป็นการดีกว่าที่เขาจะเสี่ยงโชคกับตู้กาชาปองและ ปล่อยให้มือแห่งปาฏิหาริย์นี้ของเขาเป็นผู้กำหนดมัน
เขาไม่รอช้าที่จะทำการสุ่มถึงหกครั้งติดต่อกัน
เมล็ดของต้นจันทน์แดง, เมล็ดของต้นสนธรรมดา, ทองแดงขนาดเล็ก 4 ชิ้น, คันเบ็ดเมเปิ้ลฟานของยียี , บ้านชาวนา (ชั่วคราว), สตูดิโอการ์ตูน (เลียนแบบตัวละครคุณภาพสูงแบบชั่วคราว)
เมื่อของสุดท้ายออกมา โจวหยูก็เปล่งเสียงร้องออกมาดังอย่างมีความสุข เขาไม่ได้สนใจว่าเสียงร้องนี้ของเขาจะทำให้เพื่อนบ้านกลัวหรือไม่ เขาได้ใช้เหรียญโมครั้งละ 20 เหรียญ แต่เขาได้รับบางสิ่งที่มีมูลค่า 1,000 เหรียญโม เขาตื่นเต้นมากจนลืมมองไปยังข้อความพิเศษในวงเล็บ
เขาได้ทิ้งสิ่งของอื่นไว้ก่อน ตอนนี้เขาสนใจเพียงเจ้าสตูดิโอการ์ตูนที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น
เจ้าสตูดิโอการ์ตูนนั้นมีลักษณะที่คล้ายกับบ้านตุ๊กตา มันเป็นอะไรที่สวยมาก เมื่อมองเข้าไปในบ้านผ่านหน้าต่าง ดูเหมือนจะมีสตูดิโอการ์ตูนจริงๆอยู่ข้างใน
แต่เขาสังเกตว่าไม่เห็นศิลปินมังงะคนใดอยู่เลย และบริษัทบนหลังคาของตัวบ้านได้มีปุ่มที่เขียนเอาไว้ว่าเป็นการเปิดใช้งานอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่รอช้าที่จะกดเปิดมันทันทีโดยไม่ต้องคิด
ได้ปรากฏเสียงหัวเราะแปลกๆขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นก็มีชายร่างเล็กแต่งตัวเป็นตัวตลกปรากฏตัวต่อหน้าเขา “ยินดีต้อนรับสู่การแสดงเลียนแบบใบของตัวตลกพันหน้า โปรดระบุศิลปินที่คุณต้องการ ผมสามารถเลียนแบบสไตล์การ์ตูนของเขาได้อย่างสมบูรณ์”
‘อืม … นี่มันเกิดบ้าอะไรกัน?’
จนถึงขณะนี้โจวหยูก็ยังสังเกตเห็นข้อความในวงเล็บว่า “การเลียนแบบตัวละครคุณภาพสูง”
‘เลียนแบบอะไรนะ? มันเป็นเหมือนการลอกเลียนแบบท่าทางหรือเปล่า? ”
สตูดิโอการ์ตูน (เลียนแบบตัวละครคุณภาพสูงแบบชั่วคราว) : ระบุศิลปินมังงะในโลกแห่งความจริงลงไป นักมายากลจะใช้สไตล์และความสามารถของศิลปินในการสร้างผลงานใหม่ที่ไม่น้อยกว่า 300 บท หรือทำงานที่มีอยู่ต่อไป ในทำนองเดียวกันมันจะไม่ทำงานเกินกว่าหรือน้อย 300 บท ผลงานที่ผลิตขึ้นนี้เป็นเนื้อหาของแฟนๆ และไม่ควรใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้า หากมีการละเมิดคำนี้อาคารจะทำลายตัวเองทันที
หลังจากอ่านคู่มือการใช้งานที่แนบมา ริมฝีปากของโจวหยูกระตุกไปมาและไม่สามารถควบคุมได้