The Rise of Otaku - ตอนที่ 41
บทที่ 41 การปล้น
เจ้าของซุปเปอร์มาร์เก็ตเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านลู่หัวเช่นกัน ในบริเวณรอบหมู่บ้านเองก็มีโรงงานหลายแห่งในเขตอุตสาหกรรมใกล้เคียง อัตราการไหลเวียนของผู้คนรายวันก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าประทับใจ ดังนั้นการเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตที่นี่ก็ถือว่าเป็นธุรกิจที่ไม่เลวเลยที่เดียว
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาทำงานของคนโรงงาน มันจึงเป็นช่วงเวลาที่ไม่เร่งรีบอะไร ในซูเปอร์มาร์เก็ตเองก็มีลูกค้าไม่มากนัก ดังนั้นพนักงานสามารถทำตัวผ่อนคลายในขณะนี้และเตรียมความพร้อมสำหรับชั่วโมงเร่งด่วนต่อไป
ทันใดนั้นเองก็ปรากฏเสียงฝีเท้าที่เรียบร้อยปรากฏขึ้นด้านนอกร้าน และเมื่อพนักงานในร้านสงสัยว่าวันนี้มีงานอะไรเกิดขึ้น ก็ได้ปรากฏกลุ่มเด็กซนตัวน้อยรีบเข้าไปในร้านแทน
คนที่นำทางคือหลานชายของหัวหน้าหมู่บ้าน – โจวเฮา เขาส่งเสียงดังมากขณะที่ผลักรถเข็นและวิ่งเข้าไปในร้าน เด็กคนอื่นๆก็เลียนแบบสิ่งที่เขาทำเช่นกัน ทุกคนต่างก็คว้าตะกร้าใส่สินค้าคนละหนึ่งใบและเริ่มวิ่งเข้าไปในร้าน หนึ่งในเด็กเหล่านั้นคือลูกชายของเจ้าของร้านเอง
‘พระเจ้า! ทำไมกลุ่มลิงตัวเล็กๆพวกนี้ถึงแสดงอาการแบบนี้!’
เจ้าของร้านไม่ใช่คนใจดีอะไรมากนัก เขาพร้อมที่จะจับเด็กเหล่านั้นออกไปนอกร้านทีละคน แต่เมื่อเขากำลังทำแบบนั้นเขาก็ได้เห็นโจวหยูได้เดินตามเด็กเหล่านั้นเข้าไปในร้าน
เจ้าของมีชื่อว่าโจวฟู และเขาเองก็ถือว่าเป็นคนรู้จักของพ่อของโจวหยู อาจจะบอกได้ว่าพวกเขาต่างก็เป็นเพื่อนเล่นด้วยกันสมัยเด็ก มันเป็นเพียงแค่ว่าหลังจากที่พ่อของโจวหยูได้ย้ายไปอยู่ที่เมือง ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ค่อยๆแยกออกจากกัน
เมื่อปีที่แล้วเมื่อโจวหยูกลับไปที่หมู่บ้านนี้ โจวหงเองก็ได้ขอให้เขาช่วยดูแลลูกชายของเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตามหลังจากโจวหยูตั้งรกรากอยู่ที่นี้แล้ว เจ้าตัวก็แทบจะไม่ออกจากบ้านของตัวเองเลย และเนื่องจากเขาเองก็ยังยุ่งอยู่กับงานของตัวเองเสมอ มันจึงทำให้จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้ไปพบหลานคนนี้ซักครั้ง
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปทำความรู้จักกับอีกฝ่ายมากนัก แต่เขาก็เคยได้ฟังคนอื่นพูดถึงว่าเด็กคนนี้ทำได้ดีมากเมื่อเร็วๆนี้และอีกฝ่ายยังมีโรงภาพยนตร์กลางแจ้งขนาดเล็กอีกด้วย ทำให้พวกเด็กๆมีความรับผิดชอบมากขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ ถึงขนาดภรรยาของเขาเองก็พูดว่ามันคงจะดีถ้าโรงภาพยนตร์กลางแจ้งนี้สามารถเล่นภาพยนตร์ได้ทุกวัน เพราะด้วยวิธีนี้เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการบ้านของลูกตัวเองอีกต่อไป
“โจวหยู!…เธอมานั่งที่นี่ก่อนนะ…เดียวฉันต้องรีบไปจับเด็กๆพวกนั้นก่อน…แล้วเราค่อยมาคุยกัน…ฉันไม่รู้เลยว่าอะไรกันที่ทำให้เด็กพวกนั้นกล้าที่จะมาที่ร้านของฉันและเล่นกับตะกร้าช้อปปิ้งของฉันกันในวันนี้!”
“ลุงฟู! พวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาอะไรเลย สำหรับค่าใช้จ่ายอะไรที่พวกนั้นต้องการผมจะเป็นคนจ่ายให้เอง” จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและพูดกับเด็กๆเหล่านั้น “จำไว้ว่ารถเข็นหนึ่งอันต่อคนหนึ่งคน และจำไว้ว่าพวกเธอสามารถเอาอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ เข้าใจไหม? “
เนื่องจากเขาไม่สามารถใช้เงินในเกมได้ เขาจึงใช้เงินกับเด็กเหล่านี้แทน และนี้เป็นสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับโจวฟู ผู้ที่ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด มันกลับเป็นอะไรที่ไม่ปกติเลย
เจ้าเด็กน้อยโจวจะต้องล้อเล่นแน่นอน อย่างน้อยก็มีเด็ก 20 คนที่นี่ และดูจากการแสดงออกแล้วเด็กเหล่านั้นไม่รู้ว่าจะทำอะไรบ้าง พวกนั้นอาจจะยัดจนเต็มรถเข็นจริงๆ ถึงแม้สิ่งของต่างๆในร้านจะไม่ได้แพงอะไรมากนัก แต่ถ้านำจำนวนที่พวกเด็กๆเหล่านี้หยิบมาแล้ว มันก็เป็นอะไรที่ไม่ถูกเช่นกัน นอกจากนี้เพื่อนของเขาอย่างโจวหงยังได้บอกว่าลูกชายของเขาไม่ต้องการหางานทำ แล้วอีกฝ่ายจะนำเงินจากไหนมาจ่ายกัน
เมื่อมองดูการแสดงออกที่น่าสงสัยของโจวฟู โจวหยูเกาหัวขณะยิ้มออกมาอย่างสุภาพ “ลุงฟู! ลุงยังจำครั้งสุดท้ายที่ผมขอให้หัวหน้าหมู่บ้านบอกลุงว่าผมได้ใช้เด็กๆเหล่านั้นเป็นแบบจำลองเกมได้ไหม? คือผมกับเพื่อนออนไลน์บางคนได้ทำเกมขึ้นมาด้วยใช้ตัวละครหลักเป็นพวกเด็กๆเหล่านี้ และตอนนี้ผมก็สามารถทำเงินได้จากเกมนั้นแล้ว ดังนั้นผมจึงคิดว่าผมต้องตอบแทนพวกเขาบ้าง “
เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด โจวฟูก็เหมือนจะจำได้ว่าเมื่อเร็วๆนี้หัวหน้าหมู่บ้านได้เคยบอกเขาเรื่องนี้เช่นกัน
ต้องยอมรับว่าในเวลานั้นเขาพบว่ามันเป็นอะไรที่แปลกมาก มันก็แค่เกม ทำไมหัวหน้าหมู่บ้านถึงกับต้องใช้ระบบกระจายเสียงของหมู่บ้านเพื่อแจ้งชาวบ้านทั้งหมดด้วย
นอกเหนือจากที่ว่าหมู่บ้านนี้ที่มีภูมิหลังทางทหารแล้ว มันก็ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับหมู่บ้านเลย ดังนั้นเขาจึงไม่มีใครสนใจมากขนาดนั้น
แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าโจวหยูจะสามารถทำเงินจากเกมนั้นได้จริงๆ และดูเหมือนว่าเขาจะทำมันได้ค่อนข้างมาก เพราะไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ใช้เงินหลายพันหยวนไปกับเด็กๆเหล่านี้
ยิ่งคิดมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้โจวฟูสงสัยมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงดึงโจวหยูออกไปด้านข้างและพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของอีกฝ่ายทันที
ในด้านของเด็กเหล่านั้นที่กำลังยุ่งอยู่กับการจับสิ่งของเข้ามายังรถเข็นของตัวเองนั้น เขาได้สั่งให้พนักงานของเขาให้ความสนใจกับพวกนั้นเป็นพิเศษ เพื่อทำให้แน่ใจว่าเด็กเหล่านั้นจะไม่ชนเข้ากับชั้นวางใดๆ
ด้วยจำนวนเด็กหลายสิบคนที่กำลังผลักรถเข็นของตัวเองออกวิ่งไปตามช่องต่างๆนั้น ทำให้เหล่าพนักงานในร้านต่างก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
เด็กๆบางคนที่มีนิสัยดีจะเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ พวกเขาจะเดินไปเรื่อยๆ เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเห็นสิ่งของที่ตัวเองชอบ พวกเขาจะขอให้พนักงานที่เดินตามมาด้านหลังช่วยนำมันมาให้พวกเขา
แต่สำหรับเด็กซนนั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่พวกเขาจะดันรถเข็นไปยังที่ต่างๆที่พวกเขาต้องการแล้ว พวกเขายังพยายามคว้าทุกสิ่งที่พวกเขาเห็น ราวกับว่าพวกเขาเป็นกลุ่มโจรจริงๆ
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง การปล้นครั้งนี้ก็จบลงในที่สุด กลุ่ม “โจรตัวน้อย” ต่างก็มาที่เคาน์เตอร์ขณะที่ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยสีแดงด้วยความตื่นเต้น
ขณะที่พวกเขาอยู่ในคิวรอที่จะเช็คราคาสินค้า พวกเขาต่างก็พูดคุยกันเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาทำไปก่อนหน้านี้
โซนพื้นที่ที่ได้รับความสูญเสียมากที่สุดก็คือโซนขนม ราวกับว่ามันได้ถูกพายุไต้ฝุ่นโจมตีมา มันทำให้ชั้นวางเหล่านั้นว่างเปล่าหมดจด เด็กบางคนถึงกับคว้าขนมทั้งแถวออกมา เห็นได้ชัดว่าเด็กเหล่านี้เป็นอะไรที่น่ากลัวมากเมื่อพวกนั้นเกิดบ้าขึ้นมา
โซนอื่นๆที่ประสบกับความสูญเสียอย่างหนักคือแผนกของเล่น หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่ารถของเล่นมีขนาดใหญ่เกินไปที่จะใส่ลงในรถเข็นได้ เด็กเหล่านั้นอาจจะเอามันไปด้วยเช่นกัน
ในท้ายที่เมื่อคิดรวมราคาทั้งหมดแล้ว มันก็เป็นเงินถึงหนึ่งหมื่นหยวนเลยที่เดียว
นี้มันเป็นอะไรที่หายากมากสำหรับพนักงานของร้านค้าที่จะเห็นคนใช้เงินจำนวนนี้ในร้านค้าประเภทนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเป็นเพียงเงินสำหรับพวกเด็กๆเท่านั้น ดังนั้นในขณะที่พวกเขาเช็คราคาของสินค้าไปนั้น พวกเขาทุกคนต่างก็สงสัยว่าชายหนุ่มที่กำลังพูดคุยกับหัวหน้าของพวกเขาเป็นใครกันแน่
ซึ่งเกือบทั้งหมดคิดว่าโจวหยูจะต้องเป็นคนรุ่นที่สองที่ร่ำรวยอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามไม่มีใครคาดหวังว่าเขาจะเป็นแค่โอตาคุเท่านั้น
เมื่อพวกเขาเห็นว่าโจวหยูนั้นสามารถหยิบบัตรออกมาและชำระค่าใช้จ่ายโดยไม่ลังเล ในที่สุดโจวฟูก็เชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เขาอดไม่ได้ที่จะพูดกับโจวหยูว่า “เด็กน้อยโจว! ทำไมเธอถึงไม่บอกเรื่องนี้กับพ่อของเธอกัน? ในตอนนี้เขาก็ยังคงคิดว่าเหตุผลที่เธออยากมาที่หมู่บ้านนี้ก็คือเพื่อหลีกเลี่ยงพวกเขาตลอดเวลา”
โจวฟูเข้าใจผิดคิดว่าเหตุผลที่โจวหยูกลับมาที่หมู่บ้านเพื่อทำเกม แต่เขาไม่รู้ว่าจริงๆแล้วที่โจวหยูกลับมานั้นก็คือเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการโต้เถียงกับพ่อแม่ของเขาจริงๆ หากไม่ใช่เพราะเขาได้รับความสามารถพิเศษอย่างสายตาของโลก ACG ในตอนนี้เขาก็ยังคงเป็นโอตาคุแบบเดิม
‘แต่ตอนนี้เขามีเงินแล้ว ดังนั้นพ่อแม่ของเขาก็ไม่ต้องกังวลอะไรมากเกี่ยวกับตัวเขา’
เด็กทุกคนสนุกกับการทำสิ่งที่พวกเขาชอบ อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาต้องการออกจากร้านค้านี้ พวกเขาก็พบปัญหาขึ้น นั้นก็คือไม่มีใครสามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของจากรถเข็นได้
โชคดีที่มีพนักงานของโจวฟูได้เข้าช่วยไว้ ดังนั้นเมื่อพวกเด็กๆจากไปก็มีกลุ่มผู้ใหญ่ติดตามพวกเขาด้วยถุงหลายใบในมือ
เมื่อใดก็ตามที่พวกโจวหยูมาถึงบ้านของเด็ก โจวหยูจำเป็นที่จะต้องหยุดพัก เพราะเขาจำเป็นต้องใช้เวลาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเด็กเหล่านั้น หลังจากที่เขาส่งเด็กกลับบ้านทั้งหมดโจวหยูก็รู้สึกว่าเสียงของเขาแหบแห้งลงไปเล็กน้อย
และเรื่องในคราวนี้เองก็ทำให้ชื่อเสียงของโจวหยูในหมู่บ้านนั้นดีขึ้นอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านรู้ว่าทำไมเขาไม่ออกจากบ้านตลอดหนึ่งปี มันเป็นเพราะเขากำลังทำเกม และเกมนี้เองก็ขายเงินเป็นจำนวนมาก
โจวหยูไม่สนใจเรื่องชื่อเสียงของตัวเอง เขาเป็นโอตาคุ และโอตาคุเองก็ไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้น อย่างไรก็ตามพ่อแม่ของเขาสนใจเรื่องนี้มาก ดังนั้นนี่อาจเป็นวิธีการตอบแทนพวกเขา
คืนนั้นเป็นคืนที่จะเล่นหนังอีกเรื่อง หลายครอบครัวต่างก็ปรากฏตัวในบ้านของโจวหยูพร้อมกับลูกๆของพวกเขา พวกเขายังนำของฝากมาด้วย
การได้เห็นลูกๆของพวกเขามีการ์ตูนแอนิเมชั่นได้ดูและทานของว่างไปพร้อมกัน ในที่สุดพ่อแม่หลายคนก็เข้าใจว่าทำไมลูกๆถึงอยากมาที่นี่ตลอดเวลา
อนิเมชั่นที่เล่นในวันนี้เรียกว่า “ฟอซ่า” มันดัดแปลงมาจากเกม – “สงครามของหมู่บ้านลู่หัว” ถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์การ์ตูนแนวแฟนตาซีชนบทก็ว่าได้
เมื่อภาพยนตร์เริ่มเล่น จุดเริ่มต้นของภาพยนตร์คือมุมมองที่น่าประทับใจของหมู่บ้านลู่หัวทั้งหมด ตอนแรกไม่มีใครจำมุมมองเหล่านี้ได้ อย่างไรก็ตามในขณะที่กล้องแพนเข้าใกล้มากขึ้น ใครบางคนในฝูงชนก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เฮ้! นั้นมันบ้านของฉันไม่ใช่เหรอ?”
จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงตกใจของใครหลายๆคน
ทันใดนั้นฉากชนบทธรรมดาก็ทรงพลังมากขึ้น มันถึงกับทำให้ผู้ใหญ่ที่ไม่ชอบอนิเมชั่นมาก่อนเริ่มให้ความสนใจกับอนิเมชั่นนี้มากขึ้น