The Rise of Otaku - ตอนที่ 43
บทที่ 43 เรือนกระจก
ความสัมพันธ์ระหว่างโจวหยูกับพ่อของเขาไม่ได้กลมกลืนกันมากนัก ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจเล็กน้อยที่จะพบกันและพูดคุยบางอย่างในเวลานี้
แต่สุดท้ายพวกเขายังคงเป็นพ่อและลูกชายกัน ถึงแม้ว่าโจวหยูจะไม่เต็มใจออกไปทำงานในช่วงก่อนหน้านี้ แต่พฤติกรรมของเขาก็เองก็ถือว่าไม่สุภาพมากนักเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตก็ให้มันผ่านพ้นไป และยิ่งตอนนี้โจวหยูเองก็ถือว่าประสบความสำเร็จเล็กน้อยเช่นกัน เขาจึงไม่คิดว่าพ่อแม่ของเขาจะเป็นห่วงเรื่องของเขาอีกในอนาคต
คืนนี้โจวหงได้ถามรายละเอียดงานปัจจุบันของโจวหยูตลอดเวลา เมื่อเขารู้ว่าลูกชายตัวเองได้เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกับบริษัทเกมแห่งหนึ่ง เขาก็ไม่ได้ถามคำถามอีกต่อไป แม้ว่าลูกชายของเขาจะยังคงอยู่ที่บ้าน แต่มันก็ถือได้ว่าลูกชายของเขาได้งานทำแล้ว ในแง่นี้มันจึงทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก
ทางด้านของโจวหยูเองก็ต้องการให้เงินกับพ่อแม่ของเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตามมันกลับถูกปฏิเสธโดยพ่อของเขาทันที โดยที่พ่อของเขาให้เห็นผลว่าทั้งตัวเองและภรรยาจะเกษียณงานในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า พวกเขาไม่ต้องการเงินจากลูกชายของเขาแต่อย่างใด
และเงินในกองทุนเกษียณอายุของพวกเขามันก็เพียงพอสำหรับพวกเขาแล้ว พ่อของเขายังบอกให้เขาประหยัดเงินเอาไว้ให้มาก เพราะในอนาคตเขาอาจจะจำเป็นต้องการใช้เงินมากขึ้นเมื่อเขาจะแต่งงาน แล้วไหนจะเรื่องบ้านหลังใหม่อีก
ในระหว่างการพูดคุยกันนั้น โจวหยูก็ทำได้เพียงพยักหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับแผนการที่พ่อวางไว้ให้เขา
ไม่ว่าในกรณีใด ในตอนนี้พ่อของเขาอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด ด้วยหมูตุ๋นและอาหารเย็นอื่นๆที่นำออกมาจากตู้เย็น โจวหยูและพ่อของเขาทานอาหารด้วยกัน เพราะโจวหยูไม่ชอบดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นจึงไม่ได้มีการดื่มเหล้ากันเกิดขึ้น แต่เมื่อเขามองไปที่รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อของเขา โจวหยูก็รู้ทันทีว่าพวกเขาไม่มีมื้ออาหารที่มีความสุขด้วยกันแบบนี้เป็นเวลานานมากแล้ว
ในเช้าวันถัดไปโจวหงตื่นเช้าเพื่อตรวจดูสภาพบ้านหลังนี้ และนั้นทำให้เขาไม่มีความสุขกับสิ่งที่เขาค้นพบ
เห็นได้ชัดว่าเจ้าลูกชายของเขานั้นขี้เกียจเกินไป แม้ว่าเจ้าตัวจะอาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่านี้มานานกว่าหนึ่งปี แล้ว แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ทำความสะอาดบ้านเก่าซักครั้ง
นอกเหนือจากห้องนอนซึ่งมีการทำความสะอาดบางส่วน สถานที่อื่นๆทั้งหมดต่างก็ถูกปกคลุมด้วยใยแมงมุม มันเกือบจะเหมือนบ้านผีสิงอยู่แล้ว โชคดีที่ภรรยาของเขาไม่ได้กลับมากับเขาด้วย ไม่เช่นนั้นเมื่อเธอเห็นสถานการณ์แบบนี้ มีความเป็นไปได้มากที่เธออาจบังคับให้เขาและลูกชายทำความสะอาดบ้านแบบกลับหัวกลับหางก่อนที่เธอจะจากไป
แต่ก็มีบางสิ่งที่แปลกใหม่เช่นกัน ตัวอย่างเช่น ต้นไม้กระถางเหล่านั้นได้รับการตัดแต่งอย่างสวยงามมาก เขาไม่ได้คาดหวังว่าลูกชายของเขาจะมีงานอดิเรกประเภทนี้
แต่มันก็มีเรื่องที่เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงมีบ้านชาวนาขนาดเล็กได้วางไว้ข้างๆกระถางต้นไม้เหล่านั้น และที่ด้านบนของบ้านชาวนาดูเหมือนจะเขียนว่า “บ้านของเทียนเนี้ยน”
เมื่อเดินเข้าไปมากขึ้น เขาก็ค้นพบว่ามีโมเดลอาคารขนาดเล็กมากปรากฏขึ้นมา ในเสาแห่งหนึ่งมีบ้านของชาวประมงนกอ้ายงั่วตั้งเอาไว้ เขายังเห็นวิหารเต๋าขนาดเล็ก สตูดิโอมังงะ บริษัทเกม และบริษัทอนิเมชัน พวกมันทั้งหมดดูเป็นงานที่ละเอียดอ่อนมาก และเห็นได้อย่างชัดเจนว่าโมเดลทั้งหมดถูกทำด้วยมือ
เขารู้ว่าลูกชายของเขารู้วิธีสร้างแบบจำลองอาวุธทหารและโมเดลเรือบรรทุกเครื่องบินเมื่อไม่นานมานี้ แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าแม้แต่งานโมเดลตัวอาคารพวกนี้ลูกชายของเขาก็ทำออกมาได้ดี
มันไม่น่าแปลกใจเลยที่หัวหน้าหมู่บ้านมักพูดจายกย่องลูกชายของเขาในระหว่างการโทรศัพท์เสมอ ถ้าเขารู้ว่าลูกชายของเขามีทักษะแบบนี้ เขาก็คงไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว
‘เด็กคนนี้! ตั้งแต่เขายังเด็ก เขาก็มักเป็นเด็กเงียบๆ เมื่อไหร่กันที่เขาจะเปิดใจกับพ่อแม่ของเขามากกว่านี้? ‘
โจวหงยังคงมีสอนในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถอยู่ในหมู่บ้านได้นานนัก หลังจากตรวจสอบรอบๆบ้านเขาเสร็จ เขาก็ไปที่บ้านของเพื่อนบ้านเพื่อขอบคุณพวกเขาที่คอยดูแลโจวหยูเสมอมา
หลังจากเตือนลูกชายให้หมั่นทำความสะอาดบ้านมากขึ้น โจวหงก็ได้ออกจากหมู่บ้านอย่างมีความสุข เมื่อเปรียบเทียบกับความรู้สึกก่อนหน้านี้ เขารู้สึกว่าเขาได้รับการคลายความเครียดลงตอนนี้ เขาเริ่มกระโดดเหมือนเด็กตัวเล็กๆระหว่างทางไปสถานีขนส่ง
ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้สึกดีใจ ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็ชมลูกชายของเขาอย่างต่อเนื่องทุกครั้งที่เห็นเขา มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ทำให้โจวหงถอนหายใจด้วยความโล่งใจเป็นเวลานาน
…………………………
ตอนนี้โจวหยูเองก็เหมือนกับถูกปลอดจากความกดดันเช่นกัน เนื่องจากพ่อแม่ของเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับตัวเขาอีกต่อไป แน่นอนความกดดันของเขาก็จะหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ในแง่ของการทำความสะอาดบ้าน … มองไปที่บ้านเก่าที่ถูกทอดทิ้งมาหลายปีก่อนที่เขาจะย้ายกลับมา พูดตามตรงว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน การทำความสะอาดบ้านแบบนี้สำหรับโอตาคุที่ขี้เกียจอย่างโจวหยูนั้น มันเป็นอะไรที่เลวร้ายพอๆกับการทรมานตามร่างกายเลยที่เดียว หรือบางที…เขาสามารถทำลายมันและสร้างใหม่ดี?
เนื่องจากในตอนนี้เขามีเงินแล้ว มันจะเป็นการดีกว่าถ้าเขาจะสร้างบ้านหลังใหม่แทน ยิ่งเขาคิดถึงมันมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี ดังนั้นแผนการสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ของเขากับพวกชาวโลก ACG จึงได้เริ่มขึ้น
เขาได้ทำการเรียกรวบพลประชาชนทั้งหมดของโลก ACG ในห้องนอนของเขา และเขาไม่ลืมที่จะปิดประตูเพื่อให้มีการประชุมในครั้งนี้ไม่ให้รั่วไหลออกไป และหัวข้อหลักของการประชุมในครั้งนี้ก็คือการค้นหาว่าพวกเขาต้องการมีสภาพแวดล้อมแบบไหน
คนแรกที่กระโดดออกมาเพื่อให้คำแนะนำก็คือเจ้าชายมังกรที่สาม “ โอเชี่ยน! ข้าต้องการมหาสมุทรอันยิ่งใหญ่! แม่น้ำในหมู่บ้านนี้เล็กเกินไปและสงบเกินไป มันน่าเบื่อเกินไป! ข้าต้องการคลื่น! ข้าต้องการท่องโลก! ข้าต้องการ … ”
ยิ่งเขาพูดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น แต่โจวหยูได้ใช้นิ้วของเขาสะบัดอีกฝ่ายออกไปแทน ‘มหาสมุทรตูดของฉันนี้! ไอ้บ้านั้นต้องการที่จะท่วมหมู่บ้านลู่หัวทั้งหมดหรือไง?’
จากนั้นทุกคนผลัดกันให้คำแนะนำ เมื่อเปรียบเทียบกับเจ้าชายมังกรองค์ที่สามแล้ว คำแนะนำของคนอื่นนั้นมีเหตุผลและเป็นไปได้มากกว่า ในหมู่พวกเขาคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสภาพความเป็นอยู่มากที่สุดคือพนักงานของบริษัทเกมและบริษัทแอนิเมชั่น พวกเขาให้เหตุผลว่าพวกเขานั้นถูกขังอยู่ในโรงเลื่อยโดยไม่เห็นแสงแดดมาโดยตลอด ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการสภาพแวดล้อมที่มีชีวิตชีวามากกว่านี้ พูดง่ายๆก็คือพวกเขาต้องการแสงแดด
สิ่งนี้ทำให้โจวหยูปวดหัวมาก หากเขานำอาคารเหล่าวางไว้ด้านนอก มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่มันจะถูกทำลายโดยเด็กๆ วิหารเต๋านั้นถือว่าเป็นข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียว เนื่องจากมันเป็นโมเดลอาคารเดียวที่มีทั้งขนาดใหญ่และหนักมาก มันจึงได้รอดพ้นจากมือของเด็กซนเหล่านั้นมาโดยตลอด
ส่วนเทียนเนียงจะรับหน้าที่ดูแลต้นไม้กระถางสำหรับเขา ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะนำเธอไปวางไว้ด้านนอกได้ นอกจากนี้ราคาของบริษัทแอนิเมชั่นและบริษัทเกมก็มีราคาแพงมาก หากพวกมันทั้งสองถูกทำลายลง อย่างน้อยที่สุดเขาก็จำเป็นต้องใช้จ่ายเงินหลายพันเหรียญเพื่อสร้างมันขึ้นมาใหม่
เมื่อคิดซ้ำแล้วซ้ำอีก โจวหยูจึงตัดสินใจสร้างเรือนกระจกขึ้นมาแทน ด้วยวิธีนี้ไม่เพียงแต่จะสามารถป้องกันเด็กๆจากการทำลายอาคารได้เท่านั้น แต่พวกคนในโลกAGCยังสามารถเพลิดเพลินกับแสงแดดได้เช่นกัน
ในเบื้องต้นเขามีพื้นที่ที่ใช้แล้ว มันเป็นบริเวณในสนามหญ้าประมาณ 100 ตารางเมตร ด้วยพื้นที่นี้มันเป็นเรื่องสบายที่เขาจะทำการสร้างเรือนกระจกแก้วเอาไว้
‘อืม …เอาตามนี้ละกัน!’
งานต่อไปของโจวหยูก็คือการตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการสร้างเรือนกระจกจากโลกออนไลน์ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10000 หยวน มันเป็นราคาที่เขายอมรับได้ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาต้องการที่จะดำเนินการตามแผนอาคารของเขา มันก็เกิดปัญหาขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะตั้งแต่เขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เขาก็อยู่ในหมู่บ้านตั้งแต่นั้นมา เขาได้ขาดการติดต่อกับผู้คนจากเมืองไปหมดแล้ว และการที่เขาต้องการค้นหาบริษัทและหารือเกี่ยวกับข้อตกลงทางธุรกิจที่มีมูลค่า 10,000 หยวนในครั้งนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าเขาควรจะมองหาใครดี?
หลายคนอาจจะไม่เข้าใจในสิ่งนี้ พวกเขาอาจจะคิดว่าลูกค้าคือพระเจ้า แล้วทำไมเขาต้องกลัวด้วย อย่างไรก็ตามสำหรับโอตาคุเช่นโจวหยูแล้ว นอกเหนือจากร้านค้าที่เขาคุ้นเคย ร้านอื่นๆทั้งหมดก็เหมือนดันเจี้ยนระดับสูง
หลังจากใช้ความคิดอย่างรอบครอบแล้ว มันจะเป็นการดีกว่าถ้าเขาจะไปปรึกษากับคนที่คุ้นเคย
แต่เขาควรจะคุยเรื่องนี้กับใครกัน?
‘ใช้แล้ว ลุงโจวฟู’
ลุงโจวฟูถือได้ว่าเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้าน เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเองแล้ว โจวหยูเป็นเพียงนักธุรกิจหน้าใหม่เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเขาเคยเป็นทหารและมีประสบการณ์มากมายในสังคมชั้นสูงมานานหลายปี ดังนั้นผู้ที่มีความรู้มากอย่างลงฟูจะต้องสามารถช่วยเหลือเขาได้อย่างแน่นอน
“อะไรนะ!? เธอต้องการสร้างเรือนกระจกในบ้าน? ฉันหมายถึงเธอต้องการทำแบบนั้นจริงๆเหรอ? มันไม่ง่ายเลยที่จะหาเงินในปัจจุบัน มันจะเป็นการดีกว่าไหมถ้าเธอเก็บเงินเอาไว้ อ่า! เป็นที่เรื่องเข้าใจได้ถ้าเธอต้องการสร้างขึ้นเพื่อปลูกผัก แต่นี้เธอจะเอาไว้ใส่ดอกไม้และกระถางต้นไม้พวกนั้น? ถ้ายึดตามมุมมองของลุงแล้ว มันเป็นอะไรที่ไม่คุ้มค่าอย่างแท้จริง!? แต่ถ้าเธอต้องการที่จะสร้างมันจริงๆ ก็รอจนกว่าเธอจะแต่งงานก็ไม่สาย ตอนนี้เธอควรจะมุ่งเน้นไปที่งานของตัวเองจะดีที่สุด เพราะเมื่อเธอรวยพอแล้ว ถึงแม้ว่าเธอต้องการสร้างพระราชวังก็จะไม่มีใครหยุดเธอได้…”
สำหรับสิ่งที่ลุงฟูพูดมานั้น โจวหยูไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมด ถึงแม้ว่าในสายตาของคนอื่นพวกมันจะเป็นเพียงเรือนกระจกธรรมดา แต่สำหรับเขานี้เป็นตัวรับประกันความปลอดภัยของคนในโลก AGC และมันยังเป็นตัวรับกันว่าเขาจะไม่ต้องเสียเงินของเขาในอนาคตอีกด้วย
แต่เมื่อคิดกลับกันเงินในโลกจริงที่เขามีนั้นถือว่าเป็นที่ไร้ค่า เพราะสำหรับเขาแล้วเงินเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น สิ่งที่ค่าจริงๆก็คือบริษัทเกมและการ์ตูนแอนิเมชั่น ของเขามากกว่า ดังนั้นการสร้างเรือนกระจกจึงจำเป็น แม้ว่าจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากก็ตาม
เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของโจวหยูได้ โจวฟูก็ทำได้เพียงถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง ก่อนที่จะบอกเขาว่าเขาจะช่วยเขาหาบริษัทก่อสร้างให้