The Rise of Otaku - ตอนที่ 55
บทที่ 55 กำเนิดอนิเมชั่นศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริง
ต้นกระเทียมและถั่วงอกผัดได้ว่างอยู่บนโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย และกลุ่มคนทั้งหมดต่างก็รวมตัวกันรอบๆจานและเริ่มลงมือกินกันภายใต้กันแบ่งสรรค์ของราชามังกรเฒ่า
อันที่จริงอาหารจานผัดของโจวหยูนั้นไม่เลวเลย แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเรียกได้ว่าดีมากอะไร อย่างไรก็ตามจุดประสงค์ที่แท้จริงของงานเลี้ยงหมู่บ้านก็คือการฉลองอาหารมื้อแรกด้วยกัน แต่ถ้าพวกเขาต้องการกินอาหารอร่อยจริงๆ พวกเขาก็ทำได้เพียงแต่รอให้พ่อครัวมาปรากฏที่หมู่บ้านได้เท่านั้น
ฉากของคนตัวจิ๋วตั้งหน้าตั้งตากินกินอาหารจานใหญ่นั้นน่าสนใจมาก เมื่อโจวหยูยังเป็นเด็กเขาเคยเห็นซีรีส์การ์ตูนที่มีชื่อว่า “คนตัวจิ๋ว” นั้นถือว่าเป็นการ์ตูนอนิเมชั่นที่จุดประกายแรงปรารถนาบางอย่างของเขาขึ้นมา นั้นก็คือการที่เขาสามารถกินผลไม้ที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเขาเอง มันคงเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน และในตอนนี้สิ่งที่เขาฝันไว้ในที่สุดก็เป็นจริงขึ้นมาแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่กินมัน แต่การที่เขาได้เห็นเหตุการณ์นี้อย่างใกล้ชิดก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
ถั่วงอกนั้นเป็นเหมือนหัวไชเท้าสีขาวสำหรับคนตัวเล็กๆเหล่านั้น การกัดแต่ละครั้งของพวกเขามันแสดงให้เห็นถึงความมันฉ่ำและกรอบมาก และเมื่อนำมันไปจุ่มในซอสถั่วเหลืองมันก็แสดงรสชาติได้ค่อนข้างโอเคเลยที่เดียว
เห็นได้ชัดว่าการทำอาหารครั้งแรกของโจวหยูนั้นประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ดูได้จากชาวบ้านจากโลก ACG นั้นไม่ได้บ่นออกมาแม้แต่คนเดียว พวกเขาถึงกับร้องเพลงและเต้นรำด้วยกันเพื่อฉลองการเก็บเกี่ยวกันชนด้วยซ้ำ
โจวหยูยังได้ปรบมืออยู่ด้านข้างเพื่อทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกด้วย แน่นอนว่าเขาเองก็ได้ลิ้มรสผักของโลก ACG เช่นกัน เขาไม่รู้ว่าถ้านำรสชาติของผักจากโลก ACG มาเปรียบเทียบกับผักจากโลกแห่งความจริงมันจะดีกว่าหรือไม่ แต่ถ้าไม่ได้คิดอะไรมากสำหรับการตัดสินใจในครั้งนี้ เขายกให้ผักในโลกACG ชนะเลิศ
ใช้เวลาไม่นานก่อนที่งานเลี้ยงหมู่บ้านจะสิ้นสุดลง โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ในบ้านของโจวหยูในเวลานี้ อาจจะเพราะช่วงเวลานี้ยังคงมีการเรียนการสอนอยู่ จึงทำให้เหล่าเด็กซนต่างก็อยู่ในโรงเรียนกันทั้งหมด ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดมีใครมาเห็นเขากำลังตบมืออยู่ในเรือนกระจก พวกเขาอาจคิดว่าเขากำลังมีอาการโรคจิตเป็นระยะอีกครั้งขึ้นมาอีกครั้ง
ในตอนเย็นวันเดียวกัน เบียร์ที่ผลิตจากโรงเบียร์เองก็เสร็จเช่นกัน โดยที่เจ้าเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์นี้ทำมาจากต้นถั่วงอกและต้นหอมจริงๆ มันเป็นอะไรที่น่าแปลกอย่างมากที่ผักทั้งสองชนิดนี้สามารถนำไปทำเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ มันถึงกับทำให้เขายังอยากรู้เกี่ยวกับรสชาติของมันด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามโจวหยูไม่ได้ตัดสินใจที่จะลองมัน เมื่อเขาได้ดูขนาดของขวดเบียร์ที่ได้มา มันมีความสูงเพียงมีนิ้วเดียวเท่านั้น สำหรับชายแก่ขี้เมาแล้วมันสามารถทำให้เขาเพลิดเพลินได้หนึ่งวันเต็ม แต่สำหรับโจวหยูแล้วมันอาจไม่เพียงพอที่เขาจะจิบเพียงครั้งเดียวด้วยซ้ำ
‘เอาเถอะ! ฉันไม่ได้ชอบดื่มอะไรพวกนี้อยู่แล้ว’
ด้วยการมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นี้อยู่ในมือของเขา ตำแหน่งของพวกเขาก็ได้เปลี่ยนไปทันที ชายขี้เมาเฒ่าได้เปลี่ยนการแสดงออกจากเดินทันที ในตอนนี้เขากำลังพยายามประจบประแจงโจวหยูอย่างออกหน้าออกตา
“เอาละ! ผมรู้ว่าคุณต้องการดื่มพวกมัน แต่คุณก็คงรู้ว่ามันไม่มีอาหารกลางวันฟรีในโลกนี้ ดังนั้นคุณจำเป็นต้องทำงานให้ผม! คืนนี้คุณจะต้องมีส่วนร่วมในการสร้างแอนิเมชันของบริษัทอนิเมชั่น ซึ่งผมจะให้เบียร์หนึ่งขวดต่ออนิเมชั่นหนึ่งเรื่อง”
หลังจากที่ชายขี้เมาเฒ่าได้ฟังแบบนั้น ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร กลับกันเจ้าตัวถึงกับรีบวิ่งไปยังบริษัทอนิเมชั่นและเริ่มลงมือปรึกษาตัวบทกับหยางกู่ทันที
ในที่สุดอนิเมชั่นศิลปะการต่อสู้ที่เขารอคอยมานานก็พร้อมที่จะเปิดตัวแล้ว!
หมู่บ้านลู่หัวนั้นมีประวัติทหารที่ยาวนาน ดังนั้นผู้คนในหมู่บ้านจึงมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง ในชั้นเรียนของโรงเรียนประถมศึกษาลู่กัวเองก็มีกิจกรรมอย่าง การฝึกให้เด็กๆให้รู้จักกับกฎระเบียบเบื้องต้นของการเป็นทหาร หรือการฝึกเบื้องต้น นั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าหนูน้อยโจวเฮาถึงรู้จักการเดินสวนสนามและการออกคำสั่งมากนักในช่วงก่อนหน้านี้ ดังนั้นในสภาพแวดล้อมแบบนี้การสร้างอนิเมชั่นอย่างการฝึกศิลปะการต่อสู้จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ในวันเสาร์นี้เองโจวหยูก็ได้ฉายอนิเมชั่นเรื่อง “เจ้าหนูกังฟู” นั้นทำให้ความกระตือรือร้นของพวกเด็กๆเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตัวบทอนิเมชั่นเองก็ถูกทำให้เรียบง่ายและชัดเจน มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวัยรุ่นขี้อายผู้ซึ่งถูกส่งไปฝึกศิลปะการต่อสู้ในภูเขาโดยพ่อแม่ของเขา และนั้นทำให้เขานั้นค่อยๆกล้าหาญและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ในพล็อตเรื่องนี้ไม่ได้มีคนเลวหรือความขัดแย้งระหว่างความดีกับความชั่วอยู่ มันมีเพียงความรู้ของโรงเรียนฝึกสอนศิลปะการต่อสู้และความรู้เกี่ยวกับแก่นแท้ของศิลปะการต่อสู้เท่านั้น
นั้นทำให้พล็อตเรื่องหลักของอนิเมชั่นศิลปะการต่อสู้ครั้งแรกของบริษัทแอนิเมชันนั้นไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นได้ตามปกตินัก เพราะมันเกี่ยวกับความงามของศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นมันจึงถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกอย่างมากในตลอดอนิเมชั่นแนวนี้
แต่ด้วยการมีปรมาจารย์ด้านกังฟูอย่างชายขี้เมาเฒ่าอยู่ด้วย มันก็ทำให้ศิลปะการต่อสู้ที่ปรากฏออกมานั้นเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบที่สุด เมื่อรวมเข้ากับดนตรีและสภาพแวดล้อมที่ทำหน้าที่เป็นฟอยด์สูงสุด มันทำให้อนิเมชั่นนี้พาทุกคนเข้าถึงอารมณ์ร่วมของ “ศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริง” ได้โดยตรง
ภูเขานั้นสูงส่ง วิหารเต๋าที่งดงามและการเปลี่ยนแปลงของฉากสี่ฤดูในภูเขา มันยิ่งทำให้อนิเมชั่นนี้สวยงามและน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น รายละเอียดของภาพยนตร์นั้นเกินคำบรรยายใดๆ
ในวิหารเต๋าที่ยิ่งใหญ่มีวัยรุ่นขี้อายคนหนึ่งกำลังสวมเสื้อคลุมสำนัก ในตอนแรกเขาเป็นเพียงเด็กเล็กที่สนุกสนานตลอดทั้งวัน บางครั้งก็มีความขัดแย้งเกิดขึ้นเล็กน้อย แต่มันก็นับว่าเป็นแค่เรื่องตลกสำหรับเด็กๆเท่านั้น
เมื่อตัวหนังเริ่มคืบหน้า การต่อสู้ครั้งแรกก็ปรากฏขึ้น มันเป็นการต่อสู้กับกลุ่มรุ่นพี่และรุ่นน้อง ด้วยที่เขาพยายามเข้าไปช่วยเหลือเพื่อนของเขา แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมายเลย กลับกันเขาและเพื่อนของเขากับถูกรุ่นพี่คนนั้นตีอยู่หลายครั้ง
เมื่อจบการต่อสู้ครั้งนี้ไปแล้ว อีกฝ่ายก็ได้มีโอกาสพบกับปรมาจารย์ด้านกังฟูที่อยู่บนเขาหลังวิหาร และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริงของตัวเอก
พวกเด็กๆไม่เข้าใจคำพูดเชิงเปรียบเทียบที่มีในเรื่องมากนัก แต่พวกเขาก็ยังคงตื่นเต้นกับการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม ไม่มีการแสดงอภินิหารเหมือนกับอนิเมชั่นอื่นๆที่มีอยู่ในตลอด มันไม่ได้มีทักษะตัวเบาเหมือนอย่างที่มีในนวนิยายนิยายศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิม มันมีเพียงทักษะฝีมือและขาที่แท้จริงเท่านั้น
นี้จึงทำให้มันไม่ใช้เรื่องแปลกใจเลยว่าทำไมชื่ออนิเมชั่นเรื่องนี้จึงถูกเรียกว่า “เจ้าหนูกังฟู“
โจวหยูชอบอนิเมชั่นเรื่องนี้มาก ถ้าให้เทียบกับอนิเมชั่นการต่อสู้ก่อนๆมันถือได้ว่าเป็นเพียงการบอกเล่าเรื่องราวเท่านั้นไม่มีอะไรให้น่าจดจำเลย แต่กับอันนี้มันดูเหมือนจะมีจิตวิญญาณของตัวเอง มันทำให้ผู้คนมีความรู้สึกอย่างท่วมท้นจากแอนิเมชันเรื่องนี้
ดูเหมือนว่าหลังจากมีปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้เข้าร่วมกับบริษัทแอนิเมชันแล้ว มันจะทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของอนิเมชั่นการต่อสู้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นไม่นานการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมครั้งที่สองก็เกิดขึ้น โดยที่การต่อสู้ครั้งนี้คือภาพสะท้อนของความเร็วและทักษะ
เริ่มจากคนตัดไม้และชาวประมงกำลังต่อสู้กันอย่างรวดเร็วด้านข้างลำธาร คนตัดไม้ได้ตัดท่อนไม้เป็นรูปขวานอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ชาวประมงใช้เพียงคันเป็ดที่ตัวเองถืออยู่เท่านั้น
เมื่อรวมทักษะศิลปะการต่อสู้กับศิลปะเข้าด้วยกัน ความสุดยอดของอนิเมชั่นเรื่องนี้ก็ได้อยู่ในชาร์ตทันที
การต่อสู้ครั้งที่สามเป็นการแสดงอาวุธทุกชนิด และมันถือว่าเป็นฉากที่ให้อารมณ์มากที่สุดในเรื่องอีกด้วย ด้วยการแลกเปลี่ยนการต่อสู้กัน และทุกครั้งที่พวกเขาเปลี่ยนอาวุธออร่าของพวกเขาก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน ดาบที่อยู่เหนือได้แสดงถึงความดุดันตรงไปตรงมา ส่วนหอกยาวนั้นแสดงถึงว่องไวหอกและความไม่แน่นอนสุดที่จะคาดเดา … ยิ่งการต่อสู้มีนานขึ้นมาเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้ผู้คนตื่นตามากขึ้นเท่านั้น
นั้นทำให้อนิเมชั่นเรื่องนี้เข้าใกล้สิ่งที่เรียกว่าสารคดีที่แสดงให้เห็นถึงความงดงามของศิลปะการต่อสู้อย่างมาก แต่ในฐานะที่เป็นตัวเอกของอนิเมชั่นเรื่องนี้ ชายหนุ่มไม่ได้ต่อสู้กับใครอย่างแท้จริง จนกระทั่งตอนจบของเรื่อง
จากมุมมองของอนิเมชั่นเรื่องนี้ มันถือว่าประสบความสำเร็จอย่างถึงที่สุด แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช้เรื่องที่นิยมของผู้คนจำนวนมาก อาจจะพูดได้ว่าอนิเมชั่นที่คนส่วนใหญ่มักจะชอบดูก็คือตัวเอกมักจะได้รับสิ่งของเทพๆตามภูเขาหรือกองขยะ และการหยอกล้อผู้หญิงหรือการขยายฮาเร็มของตัวเอง
แต่สำหรับพวกเด็กๆในบ้านลู่หัวนี้กับไม่ใช้พวกที่จู้จี้จุกจิกมากนัก สำหรับพวกเขาแล้วตราบใดที่มันเป็นอนิเมชั่นออกมาให้พวกเขาดูเรื่อยๆ มันก็ทำให้พวกเขามีความสุขกับมันแล้ว นอกจากนี้พวกเขาต่างก็คิดว่าหนังเรื่องนี้น่าสนใจมาก อย่างน้อยมันก็ทำให้พวกเขาเข้าใจว่าภาพยนตร์กังฟูไม่เพียงแต่ต่อสู้กับคนเลวเท่านั้น ภาพยนตร์กังฟูก็มีมุมมองอื่นที่สวยงามเช่นกัน
แน่นอนว่าอนิเมชั่นประเภทนี้เป็นสิ่งที่ดีที่จะนำออกมาเปิดเป็นครั้งคราว ในแง่ของอนิเมชั่นเรื่องต่อไปโจวหยูได้ตัดสินใจสร้างภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้เชิงพาณิชย์ขึ้นมา ด้วยวิธีนี้เขาสามารถดูได้ว่าขีดจำกัดของชายขี้เมาเฒ่านั้นอยู่ที่ไหน
และนี้คือจุดสิ้นสุดของการฉายหนังในวันนี้