The Rise of Otaku - ตอนที่ 57
บทที่ 57 พาหนะตัวใหม่ของแจ็ค
เนื่องจากการออกแบบเนื้อเรื่องของทั้งสามฝ่ายนั้นเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนมาก มันจึงทำให้ตัวเกมเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ของคอเกม ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะได้เห็นถึงความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆของทั้งสามฝ่ายในเกม ก่อนที่จะเริ่มขยายตัวออกไปตามเว็บไซต์ของอนิเมชั่น เกม และ การ์ตูน
อย่างไรก็ตามซึ่งสถานการณ์ของผู้สร้างเกมอย่างโจวหยูกับตรงกันข้ามอย่างมาก ในตอนนี้เจ้าตัวกับรู้สึกถึงความเสียใจ
ผับที่ขอโดยหนูแจ็คนั้นไม่ได้แพงอย่างที่คิด มันเป็นเพียงแค่เขาจำเป็นต้องเก็บเงินประมาณสองสัปดาห์ก็สามารถสร้างสิ่งเหล่านี้ได้ และนี้ก็ถือได้ว่าเป็นความสุขอย่างมากสำหรับเขาที่จะมีอาคารเพิ่มขึ้นในหมู่บ้านมินิลู่หัวแห่งนี้
หลังจากที่ช่างไม้บีเวอร์และพี่ชายของเขาสร้างมันขึ้นมา โจวหยูก็พบว่าผับนั้นมีขนาดใหญ่อย่างน่าประหลาดใจ มันไม่ใช่ผับที่สามารถจัดการได้โดยหนูแจ็คเพียงคนเดียว
โจวหยูจึงได้ตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งอย่างละเอียด ผลลัพธ์ก็คือ: ผับลู่หัว เจ้าของ – แจ็ค ไม่สามารถให้บริการได้ในขณะนี้
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีอาคารที่ใช้เพื่อรับบุคคลภายนอกเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามในขณะนี้มันกับยังไม่สามารถใช้งานได้ แน่นอนว่าทุกคนที่รู้ข่าวนี้ต่างก็รู้สึกหดหู่
ส่วนเหตุผลที่มันไม่สามารถให้บริการได้ก็คือการขาดแคลนพนักงาน ในอดีตเมื่อมีการสร้างอาคารพวกนี้มันก็มักจะมีปุ้มรับสมัครพนักงานโดยตรงจากอาคาร แต่ครั้งนี้โจวหยูไม่ได้คาดคิดว่าเจ้าผับนี้จะแตกต่างออกไป มันจำเป็นที่เขาจะต้องออกไปค้นหาพนักงานด้วยตนเอง
ดังนั้นในตอนนี้ผับจึงเปิดให้คนสามารถเข้าออกไป แต่มันไม่สามารถให้บริการใดๆได้ นั้นทำให้ลูกค้าจำเป็นต้องช่วยตัวเองไปก่อนเท่านั้น
และหลังจากการสอบถามอย่างละเอียดจากแจ็ค มันก็ทำให้โจวหยูรู้ว่าไม่เพียงแต่เขาต้องไปหาเด็กเสิร์ฟเท่านั้น แต่เขายังจ้างบาร์เทนเดอร์และพ่อครัวอีกด้วย
ด้วยที่พนักงานเหล่านี้เขาจำเป็นที่จะต้องออกไปค้นหาพวกเขาด้วยตัวเอง ส่วนแจ็คเจ้าของผับนั้นก็มีเพียงหน้าที่เดียวนั้นก็คือการฝึกพาหนะให้เหล่านักผจญภัยเท่านั้น
อาจจะเพราะระดับคลาสผจญภัยของแจ็คคืออัศวินศักดิ์สิทธิ์ มันจึงทำให้เขาได้รับหน้าที่เพียงอย่างเดียว
แม้ว่าหลังจากที่โจวหยูรู้เรื่องนี้เขาจะรู้สึกหดหู่ก็ตาม แต่เขาก็สามารถยอมรับมันได้โดยเร็ว มันก็แค่เขาจำเป็นต้องเริ่มทำมันที่ละขั้น และสักวันหนึ่งที่เขาก็จะสามารถปลดล็อกบริการทั้งหมดของผับได้
แต่สิ่งที่เขาต้องการอยากรู้ในตอนนี้ก็คือสิ่งที่เรียกว่าการฝึกพาหนะของผจญภัย? เป็นไปได้ไหมที่แจ็คจะฝึกสัตว์ป่าบางตัวในโลกของ ACG?
อย่างไรก็ตามแจ็คพูดเพียงว่า “ข้าแค่รับผิดชอบในการฝึกอบรมและให้เช่าพวกมันแก่นักผจญภัยในผับเท่านั้น ส่วนสัตว์ที่จะนำมาฝึกนั้นมันเป็นงานของเจ้าของที่จะหาพวกมัน“
‘แม่* สุดท้ายก็ไม่พ้นฉันที่จะต้องทำเอง!’
แต่ดูเหมือนว่าพระเจ้าอนิเมะจะไม่ได้ใจร้ายกับโจวหยูมากนัก เพราะหนึ่งสัปดาห์ต่อมาปัญหานี้ได้รับการแก้ไขในที่สุด หลังจากใช้เขาได้ใช้ตู้กาชาปองตามปกติ นอกเหนือจากไม้และแร่ทั่วไปแล้ว เขายังได้รับวัตถุแปลกๆอีกชิ้นนั่นก็คือไข่แปลๆ
หากไม่ใช่เพราะคำว่า “ไข่ของสัตว์ที่ไม่รู้จัก” ซึ่งกำลังลอยอยู่ในอากาศตรงหน้าของเขา เขาก็คงคิดว่าตัวเองกำลังถือไข่ไก่ธรรมดาไว้ในมือ เพราะมันดูคล้ายกันจริงๆ แต่เมื่อนำมันไปมองภายใต้ดวงอาทิตย์ ตัวไข่นี้ก็เหมือนกับว่ามีจุดดำเล็กๆอยู่ข้างใน
‘มันเป็นไข่ที่ปฏิสนธิแล้ว!’
เมื่อแจ็คได้รับข่าวนี้ เขาก็ตื่นเต้นมากถึงแม้ว่าไข่จะใหญ่เท่ากับตัวเอง เขาก็สามารถหยิบมันขึ้นมาได้อย่างสบายๆก่อนที่จะเริ่มวิ่งกลับไปที่ผับ
ผับนั้นใหญ่มาก มันเปรียบได้กับวิหารลัทธิเต๋าของนกอมตะได้เลย มันเป็นโครงสร้างสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบบจีนโบราณ โถงด้านหน้าเป็นสถานที่ให้บริการนักผจญภัย อาคารทั้งสองด้านเป็นที่พักในขณะที่ห้องโถงด้านหลังเป็นห้องครัว หอพักพนักงาน และห้องทำงานอื่นๆ
ในช่วงกลางลานบ้านเองก็มีบ้านหลังใหญ่ที่มีป้ายบอกทางว่า “บ้านฟักไข่ของแจ็ค” ดูเหมือนจะเป็นสถานที่สำหรับฟักไข่
หลังจากที่แจ็ควางไข่ในโรงฟักไข่ เขาก็ปิดประตูทันทีก่อนที่จะบอกว่ามันเป็นความลับทางธุรกิจเขา เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายได้ปฏิเสธที่จะให้โจวหยูได้เข้าไปดูในโรงฟักไข่
เดิมทีโจวหยูคิดว่ามันจำเป็นที่จะใช้เวลานานในการฟักไข่อย่างน้อยก็หนึ่งเดือน อย่างไรก็ตามกฎของโลก ACG นั้นแปลกมากๆ ในเช้าวันถัดไปโจวหยูก็ได้ยินเสียงร้องอย่างแผ่วเบาจากหมู่บ้านมินิลู่หัว เมื่อเขาออกไปตรวจดูก็พบว่ามีลูกไก่ปรากฏตัวที่ผับ
‘มันเป็นไก่จริงๆ!’
ไม่ว่าจะเป็นในสายตาของโลก ACG หรือดวงตาแห่งความเป็นจริง สิ่งที่เขาเห็นก็คือไก่!
‘เออ! ดูยังไงมันก็ไม่เห็นจะเป็นพาหนะได้เลย? อย่าบอกฉันว่านักผจญภัยจะต้องขี่ไก่เพื่อออกไปกำจัดศัตรูของพวกเขาจริงๆ … ‘ จริงๆแล้วแม้ว่าลูกเจี๊ยบตัวเล็กๆนี้จะเพิ่งเกิดมา แต่มันกลับมีความสูงเกินครึ่งของตัวแจ็ค
ดูเหมือนว่าแจ็คจะไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย เพราะตอนนี้อีกฝ่ายดูเหมือนจะดูมีความสุขเป็นอย่างมาก ถ้าจำไม่ผิดก่อนหน้านี้อีกฝ่ายได้พูดว่าพาหนะของเขานั้นถูกกินโดยมังกรไป และตอนนี้การปรากฏตัวของลูกเจี๊ยบตัวน้อยสามารถบรรเทาความโศกเศร้าของเขาได้เล็กน้อย แจ็คยังตั้งชื่อให้มันอีกด้วย โดยที่เขาตั้งชื่อว่า “เดียนเดียน“ ดูเหมือนว่าเขาจะให้ลูกเจี๊ยบนี้แทนพาหนะตัวเดิมของเขา
เดียนเดียนหลังจากที่ออกมาจากไข่ มันก็ได้สังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบ ด้วยข้อจำกัดด้านความสูงจึงทำให้มันไม่สามารถหนีออกจาก “กำแพงสูง” ของผับได้ ดังนั้นมันจึงสามารถอยู่ในสนามเล็กๆได้เท่านั้น
แต่โจวหยูก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับมันและแจ็คอยู่ดี เพราะอัตราการเติบโตของลูกไก่มักจะเป็นอะไรที่รวดเร็วเสมอ ถ้ามันถูกเก็บไว้ในผับตลอดเวลามันอาจจะกระโดดออกมาโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากในเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือน ในเวลานั้นมันจะเป็นฝันร้ายสำหรับอาคารอื่นๆทั้งหมด มันจะเป็นเหมือนสัตว์ยักษ์บุกเข้าไปในเมืองเลยก็ว่าได้
แต่ดูเหมือนว่าแจ็คจะมีวิธีแก้ไขเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงได้ตอบว่า“ โปรดมั่นใจได้ว่าเมื่อเดียนเดียนโตขึ้น มันจะถูกจัดให้อยู่ข้างนอกอย่างแน่นอน และการสร้างบ้านไก่ก็ไม่ควรเป็นเรื่องยากสำหรับช่างฝีมือในหมู่บ้านใช่ไหม?”
หลังเลิกเรียนเด็กๆก็มาเล่นที่บ้านของโจวหยูตรงเวลา จากนั้นพวกเขาก็เห็นว่าพี่ชายหยูกำลังยุ้งกับการทำอะไรบางอย่าง
ตามหลักการของช่างไม้บีเวอร์ คือต้องไม่ใช้ตะปูในการทำงาน ดังนั้นโจวหยูจึงจำเป็นที่จะต้องใช้ไม้แทนตะปูได้เท่านั้น ปลายของไม้แต่ละท่อนได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อเข้าด้วยกันได้อย่างราบรื่น เดิมที่เขาต้องการสร้างบ้านไก่ปกติ อย่างไรก็ตามหลังจากสร้างเสร็จมันกับดูเหมือนวังเสียมากกว่า
ไม่นานหลังจากนั้นบ้านไม้เล็กๆที่สูงประมาณหนึ่งเมตรกว้างสองเมตรและยาวสามเมตรปรากฏขึ้นที่มุมของบ้านโจวหยู หลังจากยืนยันว่าไม่มีปัญหากับการประกบช่างไม้บีเวอร์ก็ได้พยักหน้าเป็นอันเสร็จ
เด็กๆที่เห็นแบบนั้นต่างก็คิดว่ามันเป็นแบบจำลองอาคารตัวใหม่ของพี่ชายหยู พวกเขาทั้งหมดจึงได้เข้ามาดูทีละคน แต่เมื่อพวกเขาเห็นป้ายห้อยอยู่ที่ประตูบ้านไม้พร้อมกับคำว่า “บ้านม้าอัศวิน” ที่เขียนไว้ ก็แสดงสีหน้าแปลกใจออกมา
“ พี่ชายหยู! เห็นได้ชัดๆว่ามันเป็นเพียงบ้านไก่ธรรมดา ทำไมพี่ถึงสร้างมันสวยงามแบบนี้?”
เจ้าหนูน้อยโจวเฮาเป็นคนตรงไปตรงมาเสมอ แต่เมือเขาพยายามหาสัตว์ที่อาจจะอยู่ที่นี้ แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ก็ได้ถามโจวหยูอีกครั้งว่า “พี่ชายหยู! พี่ต้องการเลี้ยงไก่หรือเป็ดเหรอ? แต่ถ้าพูดกันตามจริงแล้วด้วยทักษะการทำฟาร์มของพี่ มันจะเป็นเรื่องง่ายกว่าถ้าพี่จะซื้อสัตว์ที่โตเต็มที่มาเลี้ยง “
เห็นได้ชัดว่าโจวหยูนั้นไม่สามารถกำจัดชื่อเสียงก่อนหน้านี้ของเขาในฐานะ “ผู้ทำทารุณกรรมผัก” ได้ หลังจากผักทั้งหมดที่เขาปลูกไว้ในฤดูใบไม้ร่วงที่แล้ว แม้ว่าผักที่เขาปลูกในฤดูหนาวจะเติบโตได้ดีทีเดียว อย่างไรก็ตามจะมีใครบ้างที่ปลูกผักมากกว่าสิบชนิดในหลุ่มเดียวกัน? นอกจากนี้เขายังไม่ได้ใช้แม้แต่กระถางผักด้วยซ้ำ
“พวกเรา! รีบมาดูนี้เร็ว! มีลูกไก่ตัวเล็กๆอยู่ในเรือนกระจกของพี่ชายหยู!”
เมื่อพวกเด็กๆพบเดียนเดียนในเรือนกระจกต่างก็เริ่มส่งเสียงดัง หากไม่ใช่เพราะแจ็คพยายามทำให้เดียนเดียน สงบตลอดเวลา มันก็มีความเป็นไปได้ที่ลูกเจี๊ยบตัวน้อยจะวิ่งหนีออกไปด้วยความกลัว
เดียนเดียนตัวเล็กเกินไป หากเขามอบมันให้กับเด็กๆมีความเป็นไปได้มากที่มันจะไม่สามารถรอดได้ ดังนั้นโจวหยูจึงได้ปฏิเสธที่จะให้พวกเด็กๆเข้าไปในเรือนกระจกตลอดเวลา
และด้วยการดูของแจ็คความปลอดภัยของเดียนเดียนจะไม่เป็นปัญหา เขาเพียงแค่ต้องรอจนกว่ามันจะโตกว่านี้ ก่อนที่เขาจะปล่อยมันออกไป
หลังจากที่เห็นว่าสถานการณ์ต่างๆได้กลับมาเป็นปกติแล้ว โจวหยูก็ได้ออกไปที่จุดเซฟสำหรับอาหารสัตว์ เพื่อรับอาหารของเดียนเดียน
ในตอนนี้มันมีขนาดเล็กเกินไปที่จะออกไปหาอาหารด้วยตัวเองได้ ดังนั้นหน้าที่อย่างการไปหาอาหารนี้จึงตกเป็นของโจวหยูที่จะต้องออกไปทำ
ซึ่งนั้นหวังว่าด้วยอาหารที่ระบบมอบให้นี้ มันจะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแรงและปลอดภัย