The Rise of Otaku - ตอนที่ 62
บทที่ 62 ช่วยเหลือหญิงงาม
ชื่อเสียงของโจวหยูได้แพร่กระจายออกไปโดยเด็กๆในโรงเรียนประถมศึกษาลู่หัว ครูทุกคนที่นั่นต่างก็รู้ว่าในตอนนี้หมู่บ้านลู่หัวมีคนแปลกหน้าซึ่งไม่เพียงแต่จะฉายภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังมีฝีมือดีอีกด้วย ล่าสุดมีข่าวลือบอกว่าเขาได้สร้างรายได้มหาศาลจากการพัฒนาเกม อย่างไรก็ตามไลฟ์สไตล์ของเขาก็ดูเหมือนจะไม่หรูหราอะไร ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสร้างเรือนกระจกที่สวยงามอีกด้วย
วันนี้เป็นวันเสาร์ มันเป็นวันที่จะมีการฉายภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่ง นั้นจึงทำให้ครูฝึกสอนหลายคนที่เพิ่งได้รับมอบหมายให้เข้ามาสอนที่โรงเรียนประถมลู่หัวแห่งนี้สนใจที่จะไปดูโรงหนังกลางแจ้งนี้สักครั้ง
อาจจะเพราะในหมู่บ้านนี้ไม่ค่อยมีกิจกรรมสันทนาการมากนัก ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ครูเหล่าฝึกสอนเหล่านี้มักจะไปที่เมืองเพื่อสนุกสนาน แต่คราวนี้พวกเขาตัดสินใจที่จะสัมผัสกับค่ำคืนของชนบท
อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงคืนในชนบทนั้นไม่สวยงามอย่างที่ผู้คนเขียนไว้ในวรรณกรรม อย่างน้อยก็มีสุนัขป่าในชนบทที่ในนิยายไม่มีบอก
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่ครูฝึกสอนเหล่านี้ไม่รู้วิธีจัดการกับสุนัขเหล่านั้นอย่างถูกต้อง เมื่อพวกเขาพบสุนัขป่าเห่าหนึ่งครั้ง พวกเขาต่างก็กรีดร้องและวิ่งหนีด้วยความตกใจ หนึ่งในนั้นได้หันหลังกลับและขว้างก้อนหินใส่สุนัขป่าพวกนั้น ซึ่งวิธีนั้นมันกับเป็นการกระตุ้นให้สุนัขป่าพวกนั้นรีบไล่พวกมันอย่างบ้าคลั่งมากขึ้น
มู่เซี่ยวเป็นหนึ่งในอาจารย์ที่ถูกไล่ล่าในครั้งนี้และเธอก็ถือว่าเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดอีกด้วย สุนัขป่าเหล่านั้นต่างก็ได้วิ่งไล่เธอคนเดียว แม้ว่าเพื่อนๆของเธอที่หนีออกไปก่อนหน้านี้ตั้งการวิ่งกลับมาช่วยเหลือเธอ แต่พวกเธอก็กลัวพวกสุนัขป่ามากกว่า นั้นจึงทำให้พวกเขาทำได้เพียงร้องตะโกนของความช่วยเหลือเท่านั้น
อย่างไรก็ตามมันก็สายเกินไปสำหรับพวกเขาที่จะทำอะไรได้แล้วในตอนนี้
ใบหน้าของมู่เซี่ยวซึ่งทั้งหวาดกลัวและอ่อนล้า เธอได้หยิบกิ่งไม้ที่ตกอยู่ที่พื้นเพื่อเป็นอาวุธชิ้นสุดท้าย ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากิ่งไม้ที่เธอถือนั้นไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก
แสงแวววับในสายตาของพวกมันทำให้ขาทั้งสองของมู่เซี่ยวเริ่มอ่อนลงและเธอไม่สามารถแม้แต่จะถือไม้อยู่ในมือของเธอได้มั่นคงด้วยซ้ำ
ในตอนนี้เธอหวังว่าจะมีใครบางคนออกมาช่วยเหลือเธอเหมือนที่พระเอกหนังชอบทำกัน อย่างไรก็ตามนี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะมีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้น
เมื่อสถานการณ์กำลังถึงจุดตัดสิน เธอก็ได้ร้องตะโกนแล้วโบกอาวุธของเธอไปด้วยความกลัว แต่ระหว่างนั้นเองก็มีสิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มีไก่หุ้มเกราะแปลกๆได้บินลงมาจากท้องฟ้า ก่อนที่มันลงจอดตรงหน้าของเธอพอดี
และนั้นทำให้การต่อสู้ระหว่างไก่กับสุนัขเกิดขึ้นทันที
โดยปกติเมื่อไก่ต่อสู้กับสุนัข ไก่จะไม่ได้เปรียบอะไรเลย อย่างไรก็ตามเจ้าเดียนเดียนไม่ใช่ไก่ธรรมดา มันเป็นถึงนักรบไก่ที่มีอาวุธครบมือ และมันก็ได้รับการฝึกอย่างดีโดยอัศวินผู้เก่งกาจ และการเห็นผู้หญิงตกอยู่ในอันตรายมันเป็นไปไม่ได้ที่มันจะปล่อยไป
เห็นได้ชัดว่าพวกสุนัขป่าพวกนั้นต่างก็สับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางทีพวกมันอาจไม่เคยเห็นไก่แปลกๆแบบนี้ แต่อย่างไรก็ตามไก่ก็ยังคงเป็นไก่อยู่วันยังค่ำ
พวกสุนัขป่าไม่เชื่อว่าพวกมันจะแพ้ไก่ตรงหน้าเลย ดังนั้นพวกมันจึงพุ่งเข้าหาเดียนเดียนอย่างดุเดือด
เจ้าเดียนเดียนเองก็ได้ย้ายไปรอบๆตัวสุนัขป่าโดยไม่รีบร้อน มีวี่แววว่าจะเกิดการจู่โจมขึ้นได้ตลอดเวลา ท้ายที่สุดในแง่ของรูปร่างและความแข็งแรงเจ้าเดียนเดียนไม่สามารถแข่งขันกับสุนัขป่าพวกนั้นได้ ดังนั้นการเป็นฝ่ายโจมตีก่อนอาจจะเป็นวิธีเดียวที่มันจะมีโอกาสชนะ
นั้นจึงทำให้ยุทธวิธีการรบแบบกองโจรของเจ้าเดียนเดียนประสบความสำเร็จอย่างมาก มันสามารถเดินไปรอบๆสุนัขป่าและจิกหัวมันได้หนึ่งหรือสองครั้ง ด้วยจะงอยปากเหล็กที่ติดเอาไว้มันทำให้พลังโจมตีของมันมีมากขึ้น ถึงแม้ว่าการโจมตีของเจ้าเดียนเดียนจะได้ผล แต่บาดที่เกิดขึ้นบนตัวของสุนัขป่าพวกนั้นกลับเป็นแผลเล็กๆเท่านั้น มันไม่ได้ร้ายแรงถึงตาย และด้วยแผลพวกนี้เองที่ทำให้พวกสุนัขพวกนั้นได้เริ่มโจมตีอย่างดุร้ายยิ่งขึ้น
มู่เซี่ยวตกใจมากจนเธอเกือบจะรู้สึกเหมือนอยู่ในฝันร้าย แต่เธอก็ไม่เข้าใจฝันร้ายครั้งนี้ของเธอถึงมีไก่แปลกๆอยู่ด้วยกัน และสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือเจ้าไก่ตัวนี้กลับสามารถต่อสู้กับสุนัขป่าทั้งฝูงได้อีกด้วย
ในเวลานี้เพื่อนของเธอซึ่งตกใจหนีไปก่อนหน้านี้ ก็ได้ย้อนกลับมาพร้อมกับชาวบ้านคนอื่นๆ นั่นคือชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน เมื่อได้ยินว่ามีครูฝึกสอนถูกสุนัขป่าทำร้าย พวกเขาต่างก็รีบนำไม้กวาดหรือไม้และสิ่งอื่นๆมาช่วยทันที
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขามาถึงที่เกิดเหตุ ทุกคนก็ตกตะลึงเพราะพวกเขาเห็นว่าเจ้าเดียนเดียนกำลังยืนอยู่บนหลังของสุนัขอย่างมั่นคง กรงเล็บเหล็กของมันได้ฝังแน่นในผิวหนังและเนื้อของสุนัขป่า ก่อนที่สุนัขป่าจะต่อสู้กลับมันก็จิกหัวสุนัขป่าอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าสุนัขป่าได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีนี้ หูของมันได้ลู่ลงและมันกำลังร้องคร่ำครวญอยู่เรื่อยๆ ราวกับว่ามันกำลังร้องขอความเมตตาหลังจากความพ่ายแพ้
‘อึศักดิ์สิทธิ์!’ แม้แต่ชาวบ้านในท้องที่ก็ไม่เคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มากก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกครูฝึกสอนเหล่านี้เลย
“ไก่ตัวนี้ช่างแตกต่างจากไก่ปกติจริงๆ! ไม่รู้ว่าเด็กชายโจวฝึกมันขึ้นมาได้ยังไง เห็นได้ชัดว่ามันดุร้ายกว่าไก่ชนปกติเสียอีก”
กลุ่มคนที่มาช่วยในครั้งนี้หนึ่งในนั้นมีลุงชิงเจ้าของฟาร์มเลี้ยงปลาอยู่ด้วย เขาไม่เพียงแต่ที่เลี้ยงปลาเท่านั้นแต่เขายังได้เลี้ยงไก่จำนวนหนึ่งไว้ที่บ้านของเขาอีกด้วย แต่เห็นได้ชัดว่าไก่ที่เขาเลี้ยงนั้นไม่มีตัวไหนสามารถเทียบเคียงกับเจ้าเดียนเดียนได้
หลังจากไล่สุนัขป่าไปแล้วเจ้าเดียเดียนก็ไม่กลับมา มันยังคงลาดตระเวนในที่อื่นต่ออีก หัวหน้าหมู่บ้านเองก็รู้สึกทึ่งกับพฤติกรรมของมันเช่นกัน แต่เรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือปลอบขวัญครูฝึกสอนที่กำลังตกใจให้ดีขึ้น และถือว่าพวกเขายังโชคดีอยู่บ้าง ด้วยการมาทันเวลาของเจ้าเดียนเดียนจึงทำให้ไม่มีใครที่ได้รับบาดเจ็บ
หลังจากนั้นสถานการณ์ก็ถูกแก้ไขในที่สุด และนั้นทำให้มู่เซี่ยวที่หายตกใจได้เข้ามาถามหัวหน้าหมู่บ้านว่า “พี่ชายโจวหยูเป็นคนเลี้ยงไก่ตัวนั้นขึ้นมาเหรอค่ะ? ฉันอยากจะไปขอบคุณพี่ชายหยูเป็นการส่วนตัว ถ้าไม่ได้ไก่ของเขาช่วยเอาไว้ มันคงจะเป็นวันที่น่าเศร้าสำหรับฉันแน่นอนในวันนี้”
นอกเหนือจากการขอบคุณเจ้าของเป็นการส่วนตัวแล้ว เธอก็ยังต้องการที่จะดูว่าใครกันที่เลี้ยงไก่ให้กลายเป็นม้าศึกแบบนี้ เพียงแค่มองอานม้าที่ด้านหลังของไก่มันก็สามารถบอกได้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ อย่างไรก็ตามเธอยังคงสับสนว่าคนแบบไหนที่จะขี่มันได้ เพราะถ้าดูจากขนาดของอานที่ติดและตัวของไก่เอง มันเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะขี่มันได้
‘มันแปลกจริงๆ’
หัวหน้าหมู่บ้านที่ได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพาเหล่าครูฝึกสอนเหล่านั้นไปที่บ้านของโจวหยู ในขณะนี้เด็กๆกำลังตรวจสอบการบ้านของกันและกันอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นครูของพวกเขามาพวกเขาทั้งหมดก็ยืนขึ้นและทักทายอาจารย์ เด็กซุกซนหลายคนที่เคยต่อสู้และวิ่งไล่ล่ากันก่อนหน้านี้ก็หยุดเล่นกันเองและยืนเงียบๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เด็กน้อยโจว, เด็กน้อยโจว เธอออกมาได้ไหม?”
หลังจากหัวหน้าหมู่บ้านได้ตะโกนเรียกชื่อโจวหยูเพียงไม่กี่ครั้ง ก็ได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาจากตัวบ้านด้วยอาการงุนงง ไม่มีคนหนุ่มสาวจำนวนน้อยในหมู่บ้านลู่หัว การที่พวกเขาเหล่านี้ต่างก็มารวมกันที่บ้านของเขาในตอนนี้มันจึงเป็นเรื่องที่แปลกๆอย่างมาก หรือว่านี้เป็นเทศกาลฤดูใบไม้ผลิกัน?
“พวกเขาเป็นครูฝึกสอนของโรงเรียนประถมลู่หัว พวกเขามาที่นี่เพื่อขอบคุณเจ้าเดียนเดียนสำหรับความช่วยเหลือครั้งล่าสุด”
คำอธิบายของหัวหน้าหมู่บ้านทำให้โจวหยูสับสนเพิ่มขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าเจ้าเดียนเดียนสามารถทำสิ่งที่สะเทือนโลกเช่นนี้ได้ด้วย? และจากสิ่งที่หัวหน้าหมู่บ้านพูดดูเหมือนว่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้นเพิ่งจะเกิดขึ้นไม่นานมานี้
มันเป็นช่วงเวลานี้ในที่สุดพระเอกอย่างเจ้าเดียนเดียนได้กลับมา และวิธีการที่ฮีโร่เข้ามาในฉากนั้นก็เป็นอะไรที่น่าดึงดูดและสะดุดตาอยู่เสมอ มันบินตรงข้ามกำแพงของสนามด้วยขนาดของตัว กำแพงที่สูงสองหรือสามเมตรจึงไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด
“เจ้าเดียนเดียน! นายมาที่นี่หน่อย”
ในขณะที่โจวหยูตะโกนชื่อมันออกมา เจ้าเดียนเดียนก็ได้เดินเข้ามาอย่างเชื่อฟัง นี่ทำให้มู่เซี่ยวและดวงตาของทุกคนต่างก็เปิดกว้างด้วยความตกใจ