The Rise of Otaku - ตอนที่ 80
บทที่ 80 มังงะเรื่องใหม่
น่าเสียดายที่มังงะบทแรกจากสตูนิโอการ์ตูนนั้นยังไม่ออกมา สิ่งนี้ทำให้โจวหยูรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะถ้าเขาจำไม่ผิดเมื่อวานนี้เขาได้เห็นว่าสถานะของสตูดิโอการ์ตูนขึ้นมา “ทำงาน” เมื่อมันขึ้นแบบนี้โดยปกติแล้วมันจะใช้เวลาเพียงยี่สิบสี่ชั่วโมงเท่านั้นที่จะทำหนึ่งบทออกมา แต่ตอนนี้มันผ่านมาจะ 30 ชัวโมงแล้ว มันยังไม่มีมังงะออกมาให้เขาเลย หรือว่าวังฟาสต์จะลืมทำงานนะ?
อย่างไรก็ตามไม่นานวังฟาสต์ก็ได้ออกมาอธิบายว่า “ฉันยังไม่ได้รวบรวมข้อมูลมากพอเลย แล้วนี้เจ้าของจะคาดหวังให้ฉันทำงานได้ยังไง”
‘ข้อมูล?! มันจำเป็นที่จะต้องมีการตั้งค่าอะไรเพิ่มอีกไหม? แต่เมื่อวานมันก็ไม่เห็นมีอะไรออกมาให้เรากรอกนี้น่า? หรือว่านี้อาจจะเป็นข้อแก้ตัวของวังฟาสต์กัน?’
แต่ไม่นานวังฟาสต์ก็ได้เฉลยว่า เขาได้ถามโจวหยูว่ายังจำได้ไหมว่าเมื่อวานนี้ที่เขาได้ขอการ์ดสัตว์ร้ายสิงโตจำนวน 10 ใบมา โจวหยูที่ได้ฟังแบบนั้นก็พยักหน้า เห็นแบบนี้แล้ววังฟาสต์ก็ได้พูดต่อว่า เขาได้ปล่อยให้พวกสัตว์ร้ายขนาดเล็กจำนวน 10 ตัว ออกไปรวบรวมข้อมูลต่างๆมาให้เขา ที่เขายังไม่เริ่มลงมือวาดนั้นก็เพราะเขาต้องรอให้สิงโตทั้งสิบตัวนี้กลับมาก่อน ไม่อย่างนั้นเขาจะหาข้อมูลอ้างอิงยังไง?
เมื่อโจวหยูได้ฟังแบบนั้นก็ถึงกับถอนหายใจออกมาทันที พร้อมกับคิดว่านี้มันช่างเป็นอะไรที่ลำบากจริงๆ อาจจะเพราะนี้เป็นเพียงสตูดิโอการ์ตูนราคาถูกด้วยที่ทำให้มันมีข้อกำหนดมากมายเหล่านั้น ดังนั้นเขาจึงได้ให้สัญญาในใจว่าถ้าเขามีเงินมาพอเขาจะต้องซื้อสตูดิโอหลังใหม่ให้กับวังฟาสต์อย่างแน่นอน
…….
ในช่วงเวลานี้เองก็ได้มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันมากมายบนอินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวกับจุดจบของมังงะฮันเตอร์ บางคนบอกว่าที่ลัทธิเต๋าหยุดปล่อยตอนใหม่ก็เนื่องมาจากเขาได้หมดไฟแล้ว เมื่อความคิดเห็นนี้ถูกโพสต์ออกไป มันก็เต็มไปด้วยความคิดสนับสนุนมากมาย เพราะอีกฝ่ายก็ได้ปล่อยมังงะเรื่องนี้มาเกือบหนึ่งปีแล้ว มันก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะหมดไฟแบบนี้ ขนาดศิลปินต้นฉบับเองก็ได้ออกมายอมรับว่าเขานั้นไม่สามารถทำแบบอีกฝ่ายได้
ถึงจะมีความคิดเห็นมากมายยังไงก็ตามการลอกเลียนแบบมันก็ยังคงเป็นการเลียนแบบอยู่วันยังค่ำ ไม่ว่าลัทธิเต๋าที่ถูกคุมขังจะสามารถสร้างผลงานออกมาได้สุดยอดแค่ไหนก็ตาม ดังนั้นแฟนๆของลัทธิเต๋าที่ถูกคุมขังจึงได้ออกมาเรียกร้องให้ลัทธิเต๋าที่ถูกคุมขังนั้นปล่อยมังงะของตัวเองออกมาโดยเร็ว
เมื่อโจวหยูได้เห็นข้อความที่ให้กำลังใจจำนวนมากแบบนี้ มันก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจะเกิดไฟแห่งการต่อสู้ขึ้นอีกครั้ง แต่เห็นได้ชัดว่าถึงแม้ว่าเขาจะมีไฟแล้วจะทำอะไรได้ เพราะยังไงเขาก็ต้องรอให้วังฟาสต์ทำอยู่ดี
จนถึงตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่ามังงะที่วังฟาสต์จะทำการวาดออกมานั้นเป็นประเภทไหน และนี้ถือว่าเป็นอีกเรื่องที่ทำให้เขาไม่สบายใจ แต่ท้ายที่สุดแม้ว่าอีกฝ่ายจะวาดอะไรออกมา ด้วยทักษะการวาดที่สมบูรณ์แบบที่สุดมันคงเป็นผลงานชั้นยอดอย่างแน่นอน ดังนั้นในตอนนี้ที่เขาควรทำก็คือการรออย่างอดทนเท่านั้น
แตกต่างจากบริษัทแอนิเมชั่น และบริษัทเกม สตูดิโอการ์ตูนไม่มีระบบระดับให้ มันจึงำให้คุณภาพของงานทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของศิลปินแต่ละคนทั้งหมด หากเขาสามารถหาอุปกรณ์บางอย่างให้กับสตูดิโอการ์ตูนได้ มันก็อาจจะช่วยให้ผลดำเนินงานโดยรวมเพิ่มขึ้นเช่นกัน ตัวอย่างเช่น รูปปั้นของศิลปินมังงะทั่วไปที่เขาเพิ่งได้รับมานั้นมันมีความสามารถเพิ่มความสามารถในการวาดได้ 5 คะแนน
‘เฮ้อ! คงมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเมื่อไหร่เจ้าวังฟาสต์จะเริ่มทำงาน’
ประมาณสามวันต่อมาเจ้าสัตว์ร้ายตัวเล็กๆที่ได้ถูกปล่อยออกไปก่อนหน้านี้ในที่สุดก็กลับมา ก่อนที่มันจะได้ส่งทีม้วนฟิล์มให้กับวังฟาสต์โดยตรง
เมื่อการรวบรวมวัสดุทั้งหมดเสร็จแล้ว การวาดมังงะก็เริ่มขึ้นทันที
……
มันเป็นเดือนพฤษภาคมแล้วและงานในสวนแรกของสวนสนุกลิตเติ้ลพาราไดซ์อย่าง – สวนน้ำก็ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ ในขณะนี้มีเพียงงานตกแต่งขั้นเล็กๆสุดท้ายเท่านั้นที่ต้องทำ
มีสระว่ายน้ำอยู่สองประเภท คือสระว่ายน้ำธรรมดาและสระโต้คลื่น ในสระว่ายน้ำธรรมดานั้นมีของเล่นบางอย่างเช่นเรือไม้และเรือกลสำหรับเด็ก ซึ่งมันได้ถูกกำหนดให้ใช้เพื่อความบันเทิงสำหรับเด็กๆ แต่สิ่งที่โจวหยูกังวลมากที่สุดคือสระคลื่น แม้ว่าขนาดโดยรวมของมันจะเหมือนกับสระว่ายน้ำมาตรฐานทั่วไป แต่เขากลับได้มาตรวจงานที่สระนี้บ่อยที่สุดในช่วงการก่อสร้าง
เดอะเวฟพูลเป็นสระว่ายน้ำในร่ม มันได้มีมาตรการติดตั้งแผ่นฉนวนกันเสียงที่ผลิตในโรงงานผลิตคลื่นเพื่อป้องกันเสียงดัง ในอนาคตมันจะต้องมีการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอโดยผู้เชี่ยวชาญ หากมีสิ่งใดผิดพลาดขึ้นโจวหยูก็จำเป็นที่จะต้องนำพนักงานที่มีความสามารถมาแก้ไขมัน แน่นอนว่าเรื่องนี้มันต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน
ด้านข้างของสระว่ายน้ำเดอะเวฟพูลเป็นชายหาดจริง ทรายที่ใช้เองเป็นทรายขาวละเอียดทั้งหมด โดยที่เจ้าทรายนี้ได้ถูกซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงกับทะเลจริงๆมากที่สุด
ตรงใจกลางของชายหาดเองก็มีพื้นที่ที่ถูกปกคลุมด้วยกระจกใส่ๆซึ่งดูเหมือนรีสอร์ทริมทะเลขนาดเล็กที่มีวัตถุขนาดเล็กทุกชนิด เช่น ร่มชายหาดขนาดเล็ก, เก้าอี้ชายหาดขนาดเล็ก, ร้านอาหารริมทะเลขนาดเล็กทุกชนิด สิ่งอำนวยความสะดวกริมทะเลเองเสร็จสมบูรณ์และที่สำคัญที่สุดคือมันมีวิลล่าริมทะเลขนาดเล็กอีกด้วย
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้มีไว้สำหรับเจ้าชายมังกรที่สาม
เจ้าชายมังกรที่สามไม่เคยไปทะเลจริง แต่เขาก็หลงรักชายหาด “ปลอมคุณภาพสูง” นี้เป็นอย่างมาก ก่อนที่มันจะเสร็จสมบูรณ์ เขาก็เริ่มแสดงสีหน้ามีความสุขออกมาแล้ว มันถึงกับพูดอยู่ตลอดเวลาว่า “ทะเล” นี้ดีกว่า “ทะเล” อันเกาที่มันเคยอยู่ด้วยซ้ำ …
มีคนที่มีความสุขกับเรื่องนี้ก็ต้องย่อมมีคนที่ไม่มีความสุข พนักงานที่รับหน้าที่ก่อสร้างต่างก็รู้สึกว่าการทำแบบนี้มันไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์แต่อย่างใด พนักงานได้เดินเข้ามาเพื่อพูดคุยกับโจวหยูเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มันกลับเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง หลังจากที่เขาเห็นว่าไม่สามารถโน้มน้าวใจเจ้านายได้ เขาจึงได้ปล่อยเรื่องนี้ไป
เมื่อเรื่องการสร้างชายหาดได้รับการอนุมัติเป็นที่เรียบร้อย มันก็ได้ทำให้พื้นที่ที่ได้รับการจัดสรรเดิมสำหรับสระว่ายน้ำของคลื่นมีขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามโจวหยูกับไม่เคยมีความคิดที่จะทำกำไรจากสระคลื่นนี้เลย ดังนั้นแม้ว่าทุกคนจะต่อต้านการตัดสินใจการสร้างชายหาดนี้อย่างรุนแรง แต่เขาก็ยังยืนยันที่จะสร้างมันอยู่ดี
ในตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่รอจนกว่าสระสร้างคลื่นนี้เปิดอย่างเป็นทางการ เขาจะได้พาทุกคนที่อยู่ในหมู่บ้านมินิลู่หัวมาสัมผัสกับประสบการณ์วิวทะเลแห่งนี้
……………….
ในที่สุดวังฟาสต์ก็ได้ฤงามยามดีที่จะปล่อยมังงะเรื่องใหม่ในที่สุด หลังจากที่เขาได้รับมังงะจากสตูดิโอการ์ตูนมา เขาก็มีความรู้สึกผสมกันไปหมด ใจหนึ่งเขาก็อยากเห็นมันจริงๆ แต่ใจหนึ่งเขาก็ไม่กล้าที่จะเห็นมัน
หลังจากตัดสินใจได้ในที่สุด เขาก็เลือกที่จะเปิดมันอ่านในที่สุด
“อัสแซสซินส์”
เมื่อเห็นชื่อการ์ตูนเรื่องนี้ โจวหยูก็รู้สึกโล่งใจไปครึ่งหนึ่ง ด้วยชื่อดีถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช้มังงะที่แปลกใหม่อะไร แต่มันก็ไม่ถือว่าแย่เช่นกัน หลังจากการตรวจสอบเนื้อหาอย่างละเอียดแล้ว มันเป็นเรื่องราวของชายผู้ชอบธรรม ผู้ซึ่งยังคงยึดมั่นในความเชื่อมั่นของมือสังหารในยุควัตถุที่ทันสมัยและลงโทษคนเลวในความมืด
เขาเป็นเหมือนซุปเปอร์ฮีโร่ในจักรวาลมหัศจรรย์ แต่เขาไม่มีพลังพิเศษใดๆเลย ตัวละครหลักใช้ความฉลาดของเขาในการทำภารกิจลอบสังหารทุกประเภทอย่างไม่น่าเชื่อ
มันดูเป็นการ์ตูนดาร์กไปหน่อย แต่สำหรับโจวหยูแล้วกลับชอบมันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการฆ่าที่แปลกประหลาดทุกชนิดเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก แม้ว่าเป้าหมายจะรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาถูกกำหนดเป้าหมายไว้ พวกเขายังคงหนีไม่พ้นความตาย ไม่ว่าเขาจะพยายามปกป้องตัวเองยังไง
มันเป็นมังงะที่ตื่นเต้นและมีการใช้ความคิดที่สมเหตุสมผลอย่างมาก
อาจจะเป็นเพราะวังฟาสต์นั้นมีงานอดิเรกอย่างการฟันดาบและขี่ม้า มันจึงทำให้เขาสามารถวาดมังงะการลอบสังหารได้อย่างละเอียดขนาดนี้ ตัวบทพูดและเนื้อเรื่องเองก็มีรสชาติของนวนิยายของชื่อดังเช่นกัน สไตล์การวาดนั้นละเอียดอ่อนและประณีตมาก มักจะมีภาพวาดสไตล์หมึกกระเด็นรับหน้าทั้งหมด ผู้อ่านการ์ตูนจะต้องรู้สึกประหลาดใจกับภาพวาดเหล่านั้นอย่างแน่นอน แม้ว่าพวกเขาอาจไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของภาพ แต่ความประทับใจครั้งแรกของโจวหยูในเรื่องนี้กลับเป็นอะไรที่ดีมาก เขาเชื่อมั่นว่าเรื่องนี้จะต้องทำให้ทุกคนสนใจอย่างแน่นอน
สไตล์การวาดภาพและเนื้อเรื่องเป็นสิ่งที่ดี แต่ในปัจจุบันนี้มันกับมีเพียงบทเดียวเท่านั้น ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสรุปผลออกมา เขาคงต้องรอให้เนื้อเรื่องหลักของมันชัดเจนมากกว่านี้ก่อน เขาจึงจะตัดสินใจทำอะไรต่อไป
ในวันถัดไปโจวหยูแทบรอไม่ไหวที่จะดูบทที่สอง อย่างไรก็ตามมันกับไม่เป็นอย่างที่เขาหวังไว้ ถึงแม้ว่าสตูดิโอการ์ตูนจะมีกฏที่บอกว่าหนึ่งบทใน 24 ชั่วโมง แต่ในเช้าวันนี้วังฟาสต์กับไม่ได้ทำงานในสตูดิโอการ์ตูน เหตุผลก็คือเขาเมื่อคืนนั้นเขาได้ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป และมันทำให้ตอนนี้เขายังอยู่บนเตียงและไม่สามารถทำงานได้อย่างน้อยสามวัน
‘พระเจ้า! ที่แท้วังฟาสต์เองก็เปิดปีศาจสุรา!’ มันอาจจะเรียกได้ว่าเป็นชะตาที่ฟ้าลิขิตเอาไว้ที่ทำให้ชายขี้เมาเฒ่าและวังฟาสต์นั้นมาเจอกัน
เมื่อพวกเขาได้พบกันที่ผับในเย็นวันนั้น พวกเขาถึงกัลป์หยุดคุยกันไม่ได้ ก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าพวกเขานั้นต่างก็ชอบสิ่งเดียวกัน จนการพูดคุยกันแบบง่ายๆครั้งนั้นก็ได้กลายเป็นการชวนกันแอบเข้าไปในโรงเบียร์และแอบขโมยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางอย่างออกมา จากนั้นเมื่อทั้งคู่เริ่มเมาแล้วจากที่คุยกันอยู่ดีๆก็กลายมาเป็นการแลกเปลี่ยนฝีมือกัน
เมื่อเห็นคนเมาสองคนได้ต่อสู้กันก็ไม่มีใครกล้าที่จะหยุดพวกเขา แม้แต่แจ็คก็ไม่กล้าขัดจังหวะพวกเขาทันที
‘เฮ้อ! ดูเหมือนว่าฉันคงจะไม่สามารถรักษาตำนานอย่างการปล่อยหนึ่งบทต่อวันทุกวันเอาไว้ได้อีกแล้ว’