The Rise of Otaku - ตอนที่ 81
บทที่ 81 การเปิดทดลองใช้งาน
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะตามอารมณ์ของศิลปินมังงะที่ดีที่สุด โจวหยูต้องทนกับอารมณ์แปลกๆของอีกฝ่าย และความสนใจแปลกๆของวังฟาสต์ อย่างไรก็ตามความเร็วในการปล่อยบทเองก็ได้รับการจัดใหม่เป็นหนึ่งบทต่อสัปดาห์
เมื่อเร็วๆนี้โจวหยูกำลังเล่นบนชายหาดของสระคลื่นบ่อยมาก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่เด็กอีกต่อไป แต่ทุกคนก็ยังประหลาดใจที่เห็นเขาเล่นทรายตลอดเวลา แต่สิ่งที่คนอื่นไม่รู้ก็คือมีกลุ่มคนตัวเล็กๆกำลังเล่นอยู่กับเขาเช่นกัน
งานส่วนใหญ่ได้ลดลงเช่นกัน ดูจากความคืบหน้าแล้วงานทั้งหมดคงจะเสร็จในเวลาไม่นาน งานต่อไปของโจวหยูก็คือการจ้างทีมผู้บริหารมาดูแลเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามมันก็ได้มีปัญหาเกิดขึ้น นั้นก็คือสวนน้ำจะเปิดให้บริการเฉพาะช่วงฤดูร้อนเท่านั้น หลังจากหมดช่วงเวลานั้นไปแล้วสวนน้ำจะทำการปิดยาวจนไปถึงฤดูร้อนหน้า ยิ่งตอนนี้ที่สวนสนุกของเขายังไม่มีโครงการอื่นนอกจากสวนน้ำ มันจึงทำให้เขาสามารถรับสมัครพนักงานชั่วคราวได้เท่านั้น
ความคิดแรกคือการสรรหาคนจากเมือง แต่เมื่อคิดดูใหม่แล้วมันก็ทำให้โจวหยูคิดว่าผู้คนจากเมืองส่วนใหญ่ไม่เต็มใจที่จะทำงานในหมู่บ้านที่ห่างไกลแบบนี้ นอกจากนี้มันยังเป็นเพียงงานชั่วคราวเท่านั้น และที่สำคัญที่สุดคือถ้าเขารับสมัครจากคนในตัวเมืองจริงๆ มันอาจจะมีปัญหามากเกินไป และนั้นมันเป็นอะไรเขาไม่ต้องการเจอมากที่สุด
จนถึงตอนนี้กระดาษลงทะเบียนอย่างเป็นทางการของสวนสนุกแห่งนี้แสดงให้เห็นว่ามีพนักงานเพียงคนเดียวนั้นก็คือ – เจ้าของโจวหยู
ทุกอย่างได้ดำเนินไปในทิศทางที่ตั้งไว้จนเสร็จสมบูรณ์อย่างเงียบๆ มันเงียบมากจนหลายคนสงสัยว่าเมื่อไหร่ที่สวนสนุกจะเปิดขึ้น
แม้ว่าจะไม่มีการโฆษณาใดๆ แต่ผู้คนมากมายจากหลายหมู่บ้านใกล้เคียงต่างก็ได้ยินเกี่ยวกับสวนสนุกมาแล้ว โดยเฉพาะหมู่บ้านวูตงซึ่งเป็นหมู่บ้านที่รุ่งเรืองเนื่องจากการท่องเที่ยวในชนบท ผู้คนจากหมู่บ้านวูตงต่างก็ทั้งรักและเกลียดสวรรค์เล็กๆแห่งนี้
พวกเขาต่างก็รู้สึกชอบเกี่ยวกับโครงการนี้มาก เพราะนี้จะโครงการความบันเทิงขั้นสูงที่สามารถดึงดูดผู้คนจากในเมืองให้มาที่หมู่บ้านรอบนอกมากขึ้น แต่ที่พวกเขาไม่ชอบมันก็เนื่องจากว่าทำไมสวนสนุกนี้จึงถูกสร้างขึ้นในหมู่บ้านลู่หัวซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่า 30 นาที มันเป็นอะไรที่ไม่สะดวกอย่างมาก แต่ถ้ามันตัวโครงการมันได้ถูกสร้างขึ้นในหมู่บ้านวูตงละก็ มันจะถือได้ว่าเป็นโครงการที่ดีและประสบความสำเร็จ
สถานที่ท่องเที่ยวของหมู่บ้านวูตงเองก็เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว มันมีร้านค้าและร้านอาหารเกือบทุกประเภทถูกเปิดทั้งสองด้านของถนน 100 เมตรที่นำไปสู่ตัวหมู่บ้าน และมันก็ยังอยู่ใกล้ตัวจังหวัดอีกด้วย มันจึงทำให้ผู้คนมักจะขับรถไปที่หมู่บ้านเพื่อลองอาหารชนบทสีเขียวและสดใหม่ทุกวัน ก่อนที่มันจะได้กลายเป็นเทรนด์ยอดนิยมในเมืองไปแล้ว บางคนถึงกับหลังเลิกงานแล้วพวกเขาต้องขับรถไปที่หมู่บ้านและไปซื้อผักจากเจ้าของสวนโดยตรง
ปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็คือไม่มีถนนสายหลักจากหมู่บ้านวูตงไปยังหมู่บ้านลู่หัว ดังนั้นมันจึงเป็นอะไรที่ลำบากมากในการขับรถระหว่างสองหมู่บ้าน ก่อนที่จะมีการสร้างสวนสนุกลิตเติ้ลพาราไดซ์ขึ้นมา ทางบริษัทที่ปรึกษาเองก็ได้พิจารณาถึงปัญหานี้เช่นกัน และพวกเขาเองก็พยายามเลือกสถานที่ที่อยู่ใกล้กับถนนสายหลักมากที่สุดให้กับโจวหยู แต่ถึงกระนั้นมันก็ถูกปฏิเสธด้วยตรงและนั้นทำให้ปัญหานี้ถูกปัดตกไป
เป็นเรื่องที่เข้าใจกันว่าการสร้างสวนสนุกเพื่อทำเงินนั้นจำเป็นต้องมีสถานที่ที่พิเศษมากพอ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นเรื่องยากอย่างมากที่สวนสนุกนั้นจะสามารถทำกำไรได้ แต่มันช่างน่าเสียดายโจวหยูไม่มีความคิดทำกำไรจากเรื่องนี้ ดังนั้นเรื่องนี้ก็เป็นเพียงลมผ่านหูของเขาไปเท่านั้น
เขาเป็นคนที่แปลกจริงๆ มันทำให้ผู้คนตั้งคำถามถึงจุดประสงค์ในการเปิดลิตเติ้ลพาราไดซ์สวนสนุกแห่งนี้ ตั้งแต่ต้นปีมันได้ผ่านมาถึงครึ่งปีแล้ว และได้มีการกล่าวว่าสวนน้ำในสวนสนุกแห่งนี้ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ยิ่งกว่านั้นฤดูร้อนใกล้เข้ามาเช่นกัน มันจึงเกิดคำถามกับทุกคนว่าเด็กน้อยโจวนั้นจะต้องการเปิดสวนสนุกในปีนี้หรือไม่?
‘เปิดสวนสนุกเต็มรูปแบบเหรอ? อย่าโง่น่า อย่างน้อยก็รอจนกว่าฉันจะได้สนุกกับมันให้หนำใจก่อนละกัน! ‘
เมื่อเปิดเครื่องสร้างคลื่นตัวคลื่นก็ค่อยๆปรากฏขึ้นในสระว่ายน้ำที่แล้วตรงไปที่หาดทรายเล็กๆ นี่แสดงว่าเจ้าเครื่องสร้างคลื่นสามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง จะมีการทดสอบเพิ่มเติมอีกสองสามวันข้างหน้าและเมื่อมันผ่านมาตรฐานความปลอดภัยทั้งหมดสวนน้ำแห่งนี้ก็จะเปิดอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตามโจวหยูไม่ได้วางแผนที่จะจัดงานฉลองใดๆ เนื่องจากฤดูร้อนนี้อาจถือได้ว่าเป็นการเปิดทดลองเท่านั้น เวลาเปิดทำการจริงยังไม่เป็นที่ทราบเนื่องจากเขาต้องการสนุกกับช่วงเวลานี้ก่อน หรืออาจจะพูดได้ว่าจนกว่าเขาจะรู้สึกเบื่อนั้นเอง
แน่นอนว่ามันจะเป็นอะไรที่ฟุ่มเฟือยเกินไปสำหรับคนเพียงคนเดียวที่จะครอบครองสวนน้ำแห่งนี้ มันจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าถ้าเขาจะแบ่งปันมันกับคนอื่นบ้าง
ดังนั้นในวันถัดไปเขาได้ตัดสินใจที่จะมาที่โรงเรียนประถมลู่หัว
วันนี้อาจารย์หูได้ออกมาต้อนรับแขกแปลกๆที่มาเยือนโรงเรียนในครั้งนี้ แขกแปลกๆที่ว่าก็คือโจวหยูนั้นเอง และดูเหมือนว่าตอนนี้อีกฝ่ายก็พึ่งจะได้รับการตั้งฉายาใหม่ว่า “บอสโจว” ที่เป็นแบบนั้นก็เนื่องจากว่าอีกฝ่ายได้มีความสามารถเปิดสวนสนุกและยังได้ครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่ แม้ว่ามันจะเป็นพื้นที่ชนบทก็ตาม แต่แค่นี้มันก็ถือว่าเป็นที่ประสบความสำเร็จอย่างมากแล้ว
“บอสโจว! คุณไม่ใช้ว่ากำลังยุ่งกับงานสวนสนุกอยู่เหรอ? ลมอะไรที่พาคุณมาที่โรงเรียนประถมลู่หัวได้กัน? หรือว่าคุณกำลังหาลูกค้ากัน?”
แท้จริงแล้วเนื่องจากเป็นสวนสนุกสำหรับเด็กๆ ลูกค้าหลักเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพวกเด็กๆ เป็นเรื่องปกติที่เมื่อใกล้ถึงวันเด็กจะมีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากที่ต้องการใช้โอกาสนี้ในการทำงานกับโรงเรียนเพื่อให้เด็กได้รับข้อเสนอสุดพิเศษ อย่างไรก็ตามครูหูไม่ได้คิดว่าโจวหยูจะเป็นคนแบบนี้ เพราะตลอดมาเขามีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นคนขี้เกียจอย่างมาก มันจึงไม่มีทางที่เขาจะมาโรงเรียนเพื่อเชิญชวนพวกเด็กๆอย่างแน่นอน
ชายหนุ่มโจวได้ยิ้มอย่างอายๆ และหยิบของออกมาจากกระเป๋าของตัวเองก่อนที่จะยื่นให้กับอาจารย์หู
ทางด้านอาจารย์หูที่ได้รับมาก็ได้เริ่มอ่านมันทันที ‘ช่วงเวลาเปิดสวนสนุกเพื่อทดสอบการใช้งานของสวนสนุกลิตเติ้ลพาราไดซ์’ มาพร้อมกับรายละเอียดอีกเล็กน้อย
“อะไรกัน? นี้เธอจะแค่เปิดทดลองเองเหรอ? เธอรู้ไหวว่าสวนน้ำนั้นจะเปิดได้เฉพาะฤดูร้อนเท่านั้น ถ้าเกิดว่าเลยช่วงเวลานี้ไปแล้วมันจะไม่สามารถเปิดได้อีก?”
อาจารย์หูค่อนข้างสับสนเกี่ยวกับเรื่องนี้ คนอื่นมักจะรีบเร่งหารายได้ แต่สำหรับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขากับเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามเสมอ ฤดูร้อนกำลังมาถึงเร็วๆนี้และนั้นเป็นช่วงเวลาที่สวนน้ำสามารถทำเงินได้มากที่สุด แล้วทำไมอีกฝ่ายถึงต้องการเปิดแบบทดลองกัน? เขาไม่ได้กังวลว่าเขาจะสูญเสียเงินไปสูญเปล่าหรือไง?
“การลับขวานของตัวเองตลอดเวลาจะไม่ทำให้งานของคุณช้าลง ดังนั้นผมกำลังรอเวลาที่เหมาะสมในการเปิดสวนสนุกแห่งนี้ครับ และที่ผมมาวันนี้ก็ไม่ใช้อะไรอื่นนอกจากจะแจกบัตรให้กับนักเรียนทั้งหกชั้นปีที่มีผลการสอบปลายภาคติดอันดับหนึ่ง ซึ่งที่อยู่ในมือของครูหูนั้นเป็นบัตรเข้าสวนสนุกฟรีตลอดช่วงฤดูร้อนนี้ “
‘อะไรนะ? แจกบัตรเข้าไปเที่ยวเล่นฟรีสำหรับสิบอันดับแรกของผลการสอบปลายภาค และคนที่ได้บัตรผ่านนี้ไปแล้วยังสามารถนำคนเข้าไปด้วยได้อีกสองคน? มันเป็นเรื่องจริงเหรอ?’
อาจารย์หูถึงกับแสดสีหน้าแปลกใจออกมาอย่างปิดไม่มิด เพราะนี่ถือว่าเป็นข้อเสนอที่ใหญ่อย่างมาก และมันก็ยังเป็นวิธีที่ดีในการกระตุ้นให้นักเรียนเหล่านั้นเรียนหนักขึ้น เขาเชื่อว่าสำหรับบัตรเหล่านี้มันจะต้องทำให้พวกเด็กๆเกิดความกระตือรือร้นของการเรียนอย่างแน่นอน
“ฮ่าฮ่าฮ่า! บอสโจวเป็นคนที่กระตือรือร้นด้านการศึกษาจริงๆ ผมจะรีบนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับอาจารย์ใหญ่ก่อน บอสโจวโปรดรอสักครู่นะครับ”
นี่เป็นสิ่งที่ดีและหลักการปฏิบัติเองไม่ได้ยุ้งยากอะไร ดังนั้นในไม่ช้าครูของทุกชั้นต่างก็ได้บอกเรื่องนี้กับพวกเด็กๆเกี่ยวกับข่าวนี้ ตราบใดที่พวกเขาสามารถสอบติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของปี พวกเขาก็สามารถไปเล่นในสวนสนุกได้ฟรีตลอดช่วงวันหยุดฤดูร้อน ซึ่งมันเป็นข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจสำหรับเด็กๆเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าผู้ที่ได้รับบัตรฟรีนี้เองก็จะต้องส่งบันทึกประสบการณ์หลังจากเยี่ยมชมทุกครั้ง ซึ่งนี้อาจถือได้ว่าเป็นการจ่ายค่าเค้าก็ได้ แต่สำหรับพวกเด็กๆแล้วการเขียนรายงานส่งนั้นถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงยินดีที่จะทำมัน
เจ้าหนูน้อยโจวเฮาเองก็กำลังเกาหัวอยู่ตลอดเวลา ‘อ๊ะ! … ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าพี่ชายหยูเองก็เป็นคนชั่วร้ายด้วย ทำไมเขาต้องตั้งความต้องการสูงแบบนี้ ทำไมต้องเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของชั้นด้วย! พี่ชายหยูไม่รู้เหรอไงว่ามันเป็นเรื่องยากมากสำหรับคนที่มักจะได้แค่คะแนนเฉลี่ยในชั้นเรียนอย่างฉัน? เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือนครึ่งก่อนการสอบปลายภาคเท่านั้น อ่า!…แล้วแบบนี้ฉันจะปรับปรุงคะแนนของฉันให้ติดหนึ่งในสิบได้ยังไงกัน? “
และก็มีนักเรียนอีกจำนวนมากที่คิดเหมือนเจ้าหนูน้อยโจวเฮานี้