The Rise of Otaku - ตอนที่ 83
บทที่ 83: ถึงเวลาเปิด
แม้ว่าลัทธิเต๋าจะได้ยืนยันว่าเขาจะไม่เข้าร่วมในกิจกรรมส่งเสริมการขายใดๆ แต่ตราบใดที่มันใช้การเข้าร่วมกิจกรรมใดๆในที่สาธารณะ อีกฝ่ายก็อาจจะสนใจออกมาแสดงตัวก็ได้ เช่นก็งานเปิดตัวหนังสือตัวใหม่ หรือว่าการนำเสนอข้อมูลของเนื้อเรื่องของมังงะในอนาคต
ดังนั้นเมื่อทางบริษัทแพนกวินมังงะได้นำเสนอไอเดียนี้ให้กับโจวหยู ทางด้านโจวหยูเองก็ได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับวังฟาสต์ เพราะยังไงมังงะเรื่องนี้ก็เป็นเขาที่วาด
วังฟาสต์ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้ เขาได้ยกหน้าที่ทั้งหมดให้กับโจวหยูเป็นคนตัดสินใจเองได้ทั้งหมด หลังจากที่ได้รับการยินยอมแบบนี้แล้ว เขาก็ได้บอกเรื่องนี้กับทางบริษัทแพนกวินมังงะทันที
จากนั้นไม่นานทางบริษัทแพนกวินมังงะได้ทำการโปรโมตจำนวนมาก และนั้นทำให้มังงะเรื่องใหม่อย่างอัสแซสซินส์นี้กลายเป็นที่รู้จัก ก่อนที่จะกลายเป็นกระแสที่ร้อนแรงขึ้นมา แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจถึงแม้ว่าทางสำนักพิมพ์จากประกาศว่ามังงะเรื่องนี้เป็นของนักวาดลัทธิเต๋าที่ถูกคุมขัง แต่ชื่อของผู้แต่งในมังงะถูกเปลี่ยนเป็น “วังฟาสต์”
‘หรือว่านี่เป็นอีกนามแฝงของลัทธิเต๋าที่ถูกคุมขังกัน หรือว่าเขาจะเปลี่ยนศิลปินคนอื่นมาวาดกัน?’
แต่ก็ไม่มีใครรู้คำตอบจริงๆของเรื่องนี้ และพวกเขาก็ได้รับข่าวเพิ่มอีกอย่างหนึ่งเรื่องว่า ลัทธิเต๋าที่ถูกคุมขังนั้นจะไม่สามารถลงมังงะหนึ่งบทต่อหนึ่งวันได้อีกต่อไป
เมื่อข้อความนี้ออกมา มันไม่ได้ก่อให้เกิดคลื่นอะไรมากนัก อาจจะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล ท้ายที่สุดแล้วการปล่อยหนึ่งบทต่อวันถือว่าเป็นความเร็วที่บ้าเป็นอย่างมาก ด้วยความเร็วแบบนี้มันยังเร็วกว่าการเขียนนิยายหนึ่งบทด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามผลการโปรโมตของมังงะอัสแซสซินส์ค่อนข้างดี อย่างน้อยในชุมชนอนิเมะและการ์ตูนก็มีเพียงไม่กี่คนที่ตอบโต้ในแง่ลบ ดังนั้นทางต้นสังกัดจึงไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาสนใจ พวกเขายังคงได้กำหนดปล่อยมังงะตอนแรกตามกำหนดเดิม
ในช่วงเวลาที่กิจกรรมส่งเสริมการขายของอัสแซสซินส์เป็นไปด้วยดี ทางพอร์ทัลเกมอย่าง – ฉันเป็นโอตาคุเองก็ได้ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายสำหรับเกมซอมบี้ “มีชีวิตอยู่” เช่นกัน โดยพวกเขาได้ทำการเปิดตัวอนิเมชั่นมังงะขึ้นเป็นหัวเรื่อง โดยที่เป็นการนำเสนอครอบครัวหนึ่ง ซึ่งได้แสดงกิจกรรมประจำวันของแต่ละคน ก่อนที่มันจะกลายเป็นเนื้อเรื่องอันเข้มข้นของตัวเกมและยังได้แสดงให้เห็นถึงประสิภาพของตัวเกมอย่างมาก
หลังจากที่คลิปโปรโมตนี้ออกมา มันก็ทำให้แฟนคลับกลุ่มหนึ่งได้สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง หนึ่งคือชื่อคนสร้างเกมนั้นคือลัทธิเต๋าที่ถูกจอมจำ อย่างที่สองความสามารถที่คล้ายกันมากของทั้งคู่และพวกเขายังได้เป็นดาวดวงใหม่ในอุตสาหกรรมของตัวเองอีกด้วย และด้วยความสามารถพิเศษที่พวกเขามี มันยิ่งทำให้พวกเขาได้ก้าวขึ้นไปอยู่ในชั้นแนวหน้ามากขึ้น และอย่างสุดท้ายพวกเขาทั้งคู่ต่างก็ไม่เต็มใจที่จะแสดงตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมส่งเสริมการขาย ด้วยความเหมือนกันแบบนี้มันก็ทำให้เหล่าแฟนๆเกิดความสนใจขึ้นมาไม่ได้
มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เหล่าแฟนๆไม่สามารถหาคำตอบของคำถามนี้ได้ แต่มันก็มีคนหลายคนที่ได้คาดเดาถึงความน่าจะเป็นของของเรื่องนี้ ก่อนที่จะมีคนได้พูดถึงไอดีหนึ่ง นั้นก็คือไอดีที่ชื่อว่าลัทธิเต๋าที่นิยมเครื่องบิน ซึ่งเป็นไอดีที่เกี่ยวกับการสร้างอนิเมชั่น พวกเขาต่างก็คาดเดาว่าทั้งสามคนนี้อาจจะเป็นคนคนเดี่ยวกัน
ในความเป็นจริงแล้วถ้าเกิดว่าไอดีของลัทธิเต๋าที่นิยมเครื่องบินนั้นกลายเป็นที่โด่งดัง ทฤษฏีนี้อาจจะได้รับความสนใจ แต่ยังไงก็ตามลัทธิเต๋าที่นิยมเครื่องบินนั้นกลับมีไม่สามารถทำแบบอีกสองได้ อีกฝ่ายเพิ่งจะได้ทำการอัปโหลดอนิเมชั่นเพื่องหนึ่งเรื่องเท่านั้นก่อนที่ไอดีของเขาจะถูกรายงานและแบนไป และหลังจากนั้นข่าวเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายก็ได้หยุดไป
……
กลับมาทางด้านของโจวหยู ผู้ซึ่งเป็นที่เคารพของผู้คนนับไม่ถ้วน ตอนนี้เขากำลังนั่งเล่นทรายอย่างสบายอารมณ์ยู่ในหาดทรายส่วนตัวของตัวเอง
ทรายทั้งหมดบนชายหาดเล็กๆได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นทรายจากโลกACG เป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเขาบังเอิญได้รับจอบขุดทรายจากชามสุ่มสมบัติของเจ้าชายมังกรตัวอ้วน ซึ่งมันมีเอฟเฟคทำให้ทรายจากโลกแห่งความจริงนั้นกลายเป็นเป็นทรายของโลกACG และนั้นทำให้ในตอนนี้ประชากรจากหมู่บ้านมินิลู่หัวทุดคนจึงสามารถสัมผัสกับประสบการณ์ชายหาดได้อย่างเต็มที่
วันนี้เมื่อไม่มีพวกเด็กๆมาเป็นคนรบกวน โจวหยูก็ได้ทำการนำสมาชิกของหมู่บ้านมินิลู่หัวทั้งหมดมาจัดกิจกรรมอย่างปาร์ตี้ริมหาดขึ้น
และมันก็มีเรื่องที่ทำให้โจวหยูถึงกับแปลกใจเป็นอย่างมาก นั้นก็คือลิงช่างหินเองก็เก่งในการปั้นทรายเช่นกัน
เจ้าชายมังกรอ้วนนั้นเป็นเจ้าของครึ่งหนึ่งของที่นี่ แต่ในปัจจุบันเจ้าตัวกับสนใจเพียงเจ้ากระดานโต้คลื่น ที่ทำขึ้นโดยช่างไม้บีเวอร์เท่านั้น อาจจะเป็นเพราะเขาไม่เคยเห็นคลื่นจริงๆมาก่อน มันจึงทำให้เมื่อเขาเห็นคลื่นที่สร้างจากเจ้าเครื่องสร้างคลื่นพวกนี้ มันก็ทำให้เขาถึงกับไม่ยอมห่างจากมันเด็ดขาด แม้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าตัวจะอ้างว่าเขาเป็นมังกรทะเล แต่เมื่อโจวหยูได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นซ้ำอย่างการตกกระดานโต้คลื่นของอีกฝ่าย มันก็เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นเพียงมือใหม่เท่านั้น ดังนั้นมันมีความเป็นไปได้ว่าเจ้าชายมังกรอ้วนยังคงต้องการเวลาในการฝึกฝนทักษะการโต้คลื่นของตัวเองอีกนาน
ดังนั้นในทุกวันจะเกิดเหตุการณ์อย่างคนตกกระดานโต้คลื่นพร้อมกับเสียงกรีดร้อง และจากนั้นก็ถูกคลื่นซัดสาดไปที่ชายหาดหรือถูกช่วยโดยเจ้าเซอร์แบล็ก อย่างไรก็ตามโจวหยูไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของอีกฝ่ายเลย เพราะยังไงเจ้ามังกรอ้วนตัวนี้ก็เป็นถึงสัตว์ทะเลที่แท้จริง แม้ว่าเขาจะไม่เก่งในการว่ายน้ำก็ตาม ดังนั้นเขาจะไม่จมน้ำตายอย่างแน่นอน นอกจากนี้สระว่ายน้ำนี้เองก็ยังไม่มีฉลามเหมือนในทะเลจริงๆ
เจ้าเดียนเดียนไม่รู้วิธีว่ายน้ำ ดังนั้นมันจึงได้หาสถานที่ที่เงียบสงบก่อนที่จะเริ่มทำสันทรายและจากนั้นมันก็เพลิดเพลินกับแสงแดดยามบ่ายอย่างเงียบๆ
อาจจะพูดได้ว่ามีเพียงสัตว์สองเพียงชนิดเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่สระคลื่นในร่มได้ คือเจ้าเดียนเดียนและเจ้าเซอร์แบล็ก เพราะหากเขาได้ปล่อยสัตว์อื่นเข้ามาใครจะรู้ว่าจะพวกมันจะวาง “เหมือง” จำนวนเท่าใดบนชายหาดของเขา
โจวหยูไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาพวกนี้กับเจ้าเดียนเดียนและเจ้าเซอร์แบล็ก เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกมันได้รับการฝึกฝนโดยอัศวินผู้เก่งกาจ ดังนั้นสำหรับพวกมันแล้วการกระทำทุกอย่างต้องเต็มไปด้วยความสง่างาม ดังนั้นสำหรับพวกมันเมื่อต้องการถ่ายหนัก มันจำเป็นต้องไปยังห้องสุขาส่วนตัวเท่านั้น
ไม่นานนักลิงช่างหินก็เสร็จงานปั่นทราย มันได้ปั่นทรายเป็นรูปผู้ชายคนหนึ่งและมันก็ดูงดงามมาก ยิ่งไปกว่านั้นไม่เพียงแต่สวยงามเฉพาะรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตกแต่งภายในที่น่าประทับใจอีกด้วย มันถึงกับดึงดูดให้ชาวบ้านทุกคนต่างก็ต้องเข้าไปเยี่ยมชมมัน
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เจ้ารูปปั่นนี้ทำมาจากทรายมันจึงไม่มั่นคงนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากผู้ก่อเหตุ – เจ้าชายมังกรที่สามได้นำมือไปแหย่และสัมผัสกับตัวรูปปั่นอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนที่มันจะทำให้รูปปั่นนั้นเกิดถล่มลงมาและฝังชาวบ้านเอาไว้
หากปราศจากความช่วยเหลือของโจวหยูอย่างทันท่วงที ราชามังกรเฒ่าจะต้องเป็นคนที่ช่วยทุกคนให้รอดจากทรายถล่มนี้ โดยที่เขาจะทำการแปลงร่างเป็นมังกรที่แท้จริง และเริ่มส่ายร่างกายของเขาเพื่อให้เกิดลมพัดทรายออกไปซึ่งด้วยวิธีนี้มันจะช่วยทุกคนเอาไว้ได้ แต่ผลข้างเคียงก็คือทรายทั้งหมดของหาดทรายนี้อาจจะหายไป
……………….
ถึงแม้ว่าโจวหยูจะไม่ได้โฆษณาสวนสนุกของเขาเลยตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่เมื่อตัวสวนสนุกได้สร้างเสร็จจริงๆ ผู้คนรอบข้างต่างก็ได้กลิ่นของโอกาสทางธุรกิจทันที พวกเขาเหล่านั้นต่างก็มาที่หมู่บ้านเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้
เป็นที่รู้กันว่าสวนน้ำไม่ใช่สถานที่ที่ให้บริการเพียงแค่การเล่นน้ำเท่นั้น แต่มันยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเรื่องอื่นๆอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการพวกอาหารเครื่องดื่มและของว่าง สวนน้ำบางแห่งยังจัดหาอุปกรณ์สำหรับให้เช่าและขายในร้านค้าด้วย
แต่เดิมพวกเขาต่างกคิดว่าเจ้าของสวนน้ำจะเป็นคนเปิดร้านค้าเหล่านั้นด้วยตัวเอง แต่หลังจากการทำวิจัยบางอย่างแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าของสวนน้ำแห่งนี้จะไม่มีความตั้งใจที่จะทำสิ่งเหล่านั้น ดังนั้นคนบางคนจึงได้เริ่มแนะนำตัวเองให้กับโจวหยูรู้จัก
ลุงฟูเป็นคนแรกที่ได้มาคุยเรื่องนี้กับโจวหยู เขาได้พูดเขาประเด็นทันทีเมื่อพวกเขาทั้งสองพบกัน โดยที่ลุงฟูนั้นต้องการลงทุนในสวนสนุกลิตเติ้ลพาราไดซ์แห่งนี้ในระยะยาว อย่างไรก็ตามโจวหยูถือว่าเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ อีกฝ่ายจำมีอำนาจตัดสินใจทุดอย่าง ดังนั้นไม่ว่าการลงทุนนี้ของเขาจะประสบผลสำเร็จหรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของโจวหยูเพียงแค่นั้น
“บอสหยู! เธอช่วยปล่อยบูธให้ฉันเช่าเป็นระยะเวลาสองเดือนได้ไหม? ฉันขอแค่เปิดในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนเท่านั้น และฉันสัญญาว่าจะช่วยให้เธอทำงานได้มากขึ้น”
จากมุมมองของธุรกิจนั้นโจวหยูเป็นความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง โจวฟูผู้ทำธุรกิจมานานหลายปีไม่สามารถทำอะไรได้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็ยังต้องการที่จะช่วยเหลือ
แต่ยังไงก็ตามความพยายามของเขามักจะถูกมองข้ามโดยโจวหยูเสมอ เพราะสำหรับโจวหยูแล้วการเปิดสวนสนุกนี้ไม่การทำเงิน แต่มันมีเอาไว้สำหรับการเล่นเกมอย่างหนึ่งของเขาเท่านั้น