The Rise of Otaku - ตอนที่ 86
บทที่ 86 การกลับมาอีกครั้งของนีเนียน
สวนน้ำได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในหมู่บ้านลู่หัวเมื่อไม่นานมานี้ คนเฒ่าคนแก่ของหมู่บ้านที่อยากรู้อยากเห็นต่างก็เคยไปที่สวนสนุกมาแล้ว พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้มันเหมาะกับวัยคนหนุ่มสาวมากกว่า ดังนั้นพวกเขามักจะนำหลานชายและหลานสาวมาเล่น ส่วนพวกเขาก็มักจะดื่มชาและพูดคุยกับหมู่เพื่อนๆแทน
นั้นจึงทำให้สวนสนุกแห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่นัดพบกันของคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านไปแล้ว และดูเหมือนว่าโจวฟูจะมองเห็นถึงข้อดีของเรื่องนี้ เขาไม่เพียงแต่จะออกมาห้ามอะไรเท่านั้น แต่เขายังได้ทำการจัดเตรียมไพ่นกกระจอก โป๊กเกอร์ และสิ่งอื่นๆเอาไว้ในพื้นที่พักผ่อน ดังนั้นตั้งแต่วันนี้ไปจึงไม่มีใครอยู่ในศูนย์กิจกรรมอาวุโสของหมู่บ้านเลย ทุกคนต่างก็มาที่นี่เพื่อพักผ่อน
มันเป็นงานยากที่จะดูแลลูกๆ ไม่ต้องพูดถึงเด็กๆอายุเจ็ดหรือแปดขวบซึ่งซุกซนเป็นอย่างมาก แต่เมื่อมีสวนน้ำเกิดขึ้น ปัญหาเรื่องนี้ก็ถูกจัดการอย่างแน่นอน พวกเขาทำเพียงแค่ต้องจับลูกๆหลานๆของพวกเขา “โยน” ลงไปในสระน้ำ แล้วเด็กๆก็สามารถเล่นได้ครึ่งวันโดยไม่มีปัญหาใดๆ นอกจากนี้สถานที่แห่งนี้ยังมีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าดูอีกหลายคน ดังนั้นพวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย
การใช้บัตรส่วนลดฤดูร้อนส่วนใหญ่ต่างก็ถูกทำโดยยึดกลุ่มของผู้สูงอายุเป็นหลัก และหลังจากที่ผลลัพธ์ออกมามันก็ทำให้โจวฟูรู้ว่าความคิดของเขานั้นมาถูกทางแล้ว เพราะในตอนนี้ต่างก็มีคนสูงอายุจำนวนมากต่างก็มาสวนน้ำนี้ และนั้นทำให้ธุรกิจของเขาดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
โจวหยูที่เห็นแบบนั้นก็รู้ได้ทันที่ว่าลุงฟูนั้นถือว่าเป็นนักธุรกิจที่มีความสามารถเป็นอย่างมาก
ในบางครั้งโจวหยูเองก็ได้ปรากฏตัวที่สวนน้ำเพื่อเล่นหรือหาของกินเล่นบาง แต่อะไรที่เกี่ยวข้องกับการบริหารหรือการจัดการพนักงาน เขากลับไม่ได้สนใจที่ทำเลยเขาได้ยกหน้าที่ทั้งหมดนี้ให้กับลุงฟูดูแลทั้งหมด มันจึงทำให้พนักงานบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายคนที่สวมกางเกงชายหาดทุกวันคนนั้นเป็นเจ้าของสวนสนุกแห่งนี้
โจวชูวหยูเป็นคนที่ประหลาดใจที่สุด แม้ว่าเธอจะรู้ว่าโจวหยูได้กลายเป็นเศรษฐีเร็วๆนี้ แต่เธอก็ไม่ได้คาดหวังว่าเมื่อเธอกลับมาถึงบ้านอีกครั้ง เศรษฐีคนนี้จะสร้างสวนสนุกขึ้นมาซะงั้น
‘ดีมาก!’ เห็นได้ชัดว่าเธอนั้นไม่สามารถเข้าใจโลกของคนร่ำรวยได้ เธอไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าอะไรดลใจให้เขาสร้างสวนสนุกยังที่ห่างไกลจากเมืองขนาดนี้? มันจะมีคนเดินทางมาไกลเพื่อมาเที่ยวเลยเหรอ? มันเป็นไปได้ไหมว่าชายขี้เกียจคนนี้ต้องการไปเที่ยวสวนสนุกแต่ขี้เกียจจะเดินทาง ดังนั้นเขาจึงสร้างมันขึ้นมาเอง?
โจวชูวหยูไม่มีทางรู้เลยว่าความคิดที่ไร้สาระนี้ของเธอนั้นมันใกล้เคียงกับคำตอบที่แท้จริงมากขนาดไหน
หลังจากซื้อตั๋วเข้าสวนสนุกแล้ว เธอก็ได้เข้าไปในสระสร้างคลื่นในร่มทันที เป็นไปตามคาด เธอได้เห็นชายหนุ่มผู้สวมชุดกางเกงชายหาดกำลังเล่นกับกลุ่มเด็กๆอย่างสนุกสนาน อีกฝ่ายยังได้ทำการปั้นทรายเป็นรูปสฟิงซ์ที่เหมือนจริงอีกด้วย มันถึงกับทำให้พวกเด็กๆต่างก็รู้สึกอิจฉากับทักษะนี้เป็นอย่างมาก
‘เฮ้อ! เขายังคงเหมือนเดิมเมื่อหนึ่งปีที่แล้วจริงๆ เป็นคนโตที่ชอบทำตัวเหมือนเด็กจริงๆ’
“เฮ้! บอสโจว! นายยังจำฉันได้ไหม?”
เธอได้เดินเข้าหาอีกฝ่ายและพูดทักทายขึ้นมา อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้คาดหวังว่าโจวหยูจะพูดแปลกๆออกมา “คุณเป็นใคร?”
เธอที่ได้ฟังแบบนี้ก็ได้มองหน้าอีกฝ่ายอย่างตกใจ ก่อนที่มันจะกลายมาเป็นความน่าอายขึ้นมา ยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายยังได้แสดงสีหน้าไม่รู้จักเธอออกมาจริงๆ มันไม่เหมือนว่าจะเป็นการแกล้งแต่อย่างใด
อันที่จริงโจวชูวหยูที่โจวหยูเห็นผ่านสายตาของโลกACG ได้เปลี่ยนไป อาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้เธอได้เปลี่ยนทรงผมของเธอ มันจึงทำให้เธอดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าเธอจะยังเป็นคนคนเดียวกันเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว แต่เธอก็ไม่ได้สวมชุดนักเรียนเหมือนก่อนอีกแล้ว เธอได้เปลี่ยนไปสวมใส่เสื้อผ้าของผู้หญิงที่ทันสมัยแทน หากจะมีใครยังจำเธอได้เพียงแค่ครั้งเดียวที่เห็น คนนั้นก็คงต้องเป็นแฟนของเธอแล้วละ
หลังจากที่หยุดคิดซักพัก ก็ดูเหมือนว่าโจวหยูจะเริ่มจำได้แล้วว่าผู้หญิงตรงหน้านั้นเป็นใคร
“โอ้! นั่นคือเธอใช้ไหม? โจวชูวหยู! … เธอเปลี่ยนไปเป็นผู้หญิงที่ดูทันสมัยมาก จนฉันแทบจำเธอไม่ได้เลยนะเนี่ย”
ในความเป็นจริงโจวหยูนั้นจำโจวชูวหยูไม่ได้จริงๆ แต่ด้วยการที่อีกฝ่ายพยายามตีสนิทเขาตลอดปีที่ผ่านมา มันจึงทำให้ความจำเกี่ยวกับเธอสำหรับเขานั้นฝั่งรากลึกเป็นอย่างมาก ดังนั้นเมื่อใช้เวลาซักพักเขาจึงสามารถเรียกชื่ออีกฝ่ายได้
‘อืมม … มันแย่มาก! ทำไมเธอถึงไม่เปลี่ยนไปชุดว่ายน้ำกัน’
ท้ายที่สุดหมู่บ้านก็ไม่ได้เปิดกว้างเหมือนในเมืองและมันก็ไม่ใช่ชายหาดจริงๆ หากใครที่ต้องการเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ที่แท้จริงของชายหาด พวกเขาคงทำได้เพียงต้องรออีกซักพัก
จากนั้นพวกเขาก็ได้คุยกันซักพัก แต่เนื่องจากไม่มีหัวข้อที่จะพูดคุยกันมากนัก มันจึงทำให้โจวหยูกลายเป็นผู้ฟังเพียงเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วโจวหยูก็ไม่ใช้คนที่ชอบเข้าสังคมมากนัก มันจึงทำให้เขาไม่คุ้นเคยกับหลายสิ่งหลายอย่างที่มันกำลังได้รับความนิยมในตอนนี้
เขายังได้แอบดูที่สถานะโอตาคุของโจวชูวหยูเช่นกัน แต่เดิมเขาคิดว่าเนื่องจากเธอชอบสร้างหนังและอนิเมชั่น มันคงทำให้พลังโอตาคุของเธออาจจะสูงมาก แต่คาดไม่ถึงว่ามันจะมีแค่ 0.8 เท่านั้น เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นแค่คนที่สนใจเท่านั้น ไม่ใช้โอตาคุที่แท้จริง แม้แต่พลังโอตาคุของเจ้าหนูน้อยโจวเฮาก็เพิ่มขึ้นเป็น 1 เพราะอิทธิพลของเขาเมื่อไม่นานมานี้
นอกจากนี้เขายังมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเธออีกเล็กน้อย : “ความสามารถในการกำกับระดับต่ำถึงปานกลาง”
“เออ …. ” โจวหยูที่เห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยกน้ำผลไม้มาจิบเล็กน้อย
‘เอ่อ … ฉันจะบอกเธอดีไหมว่าอนาคตของเธอนั้นไม่ค่อยจะสดใสนัก หากเธอมีเพียง “ความสามารถต่ำ” แบบนี้…เดี๋ยว!…เธอก็ยังคงมีโอกาสในการปรับปรุงอยู่นี้น่า?…เฮ้อ!…แต่ถ้าจะแก้สถานะตอนนี้ได้เธอคงต้องทำงานหนักกว่าเดิมมาก ไม่อย่างนั้นฉันคิดว่าเธอคงจะต้องลำบอกอย่างแน่นอนในอนาคต ‘
ถึงเขาจะมีความคิดอะไรแบบนี้ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดออกมา เพราะยังไงก็มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่เห็นค่าสถานะนี้ของเธอ ถ้าเกิดเขาพูดออกไปไม่แน่ว่ามันอาจจะทำเกิดความเข้าใจผิดกันระหว่างพวกเขาได้ ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าถ้าเขาจะอยู่อย่างเงียบๆ
หรือว่าเขาจะลองใช้คำพูดอย่าง ‘เฮ้! ความสามารถของเธอในสายนี้มันเป็นอะไรที่ไม่ค่อยเข้ากันเลยนะ ดังนั้นฉันคิดว่าเธอน่าจะลองเปลี่ยนสายเรียนของเธอดู เธอคิดว่าไง?”
แต่เมื่อความคิดนี้จบลง เขาก็สามารถจินตนาการสีหน้าที่โจวชูวหยูจะแสดงออกมาได้ทันที และนั้นทำให้เขาเลือกที่จะปัดความคิดนี้ตกไปทันที
นอกจากนี้ในโลกนี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่าสถานะเพียงอย่างเดียว มันยังมีสิ่งที่เรียกว่าโชคอีกด้วย ไม่แน่ว่าเธออาจจะประสบความสำเร็จด้วยค่าสถานะนี้ก็ได้
เป้าหมายของชีวิตไม่จำเป็นต้องปีนขึ้นไปจนถึงบนยอดเขาที่ไม่สามารถบรรลุได้ พวกเราแค่ยังสามารถหาจุดยืนอยู่ที่เชิงเขาเพื่อชมหมอกและฝนที่ปกคลุมยอดเขาได้เช่นกัน
ในท้ายที่สุดโจวหยูก็เลือกที่จะไม่พูดออกไปตรงๆ แต่เขาได้เลือกที่จะตั้งคำถามอย่างคลุมเครือว่าเธอนั้นวางแผนจะอยู่ในวงการผู้กำกับหลังจากจบการศึกษาจริงๆเหรอ?
อาจจะเป็นเรื่องโชคดีที่ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะมีความตระหนักในตนเองอยู่บ้าง หลังจากที่เธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้จากมหาลัยมาหนึ่งปีเต็ม มันก็ทำให้เธอรู้ว่าการทำงานในสาขาที่ไม่ใช่มันก็รั้งแต่จะทำให้ชีวิตเธอจบลงเท่านั้น
หลังจากส่งโจวชูวหยูกลับออกไปแล้ว โจวหยูก็มีความอยากรู้มากขึ้นเกี่ยวกับความสามารถของตัวเขาเอง ทำไมมันถึงไม่แสดงความสามารถหรือสถานะของทุกคนกัน? จนถึงตอนนี้มันมีคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่เขาสามารถเห็นทั้งค่าสถานะและความถนัดของพวกเขา
หากเขาสามารถเห็นความสามารถและศักยภาพของทุกคนได้ มันจะเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก เพราะอย่างน้อยเขาก็ยังสามารถผันตัวไปเป็นครูที่ดีได้ เพราะด้วยความสามารถนี้มันจะทำให้เขาสามารถเข้าใจได้อย่างเต็มที่ว่าอาชีพใดที่ดีที่สุดสำหรับเด็กทุกคน แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเป็นครูได้เขาก็ยังสามารถเป็นหมอดูเพื่อนำทางผู้คนได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะพยายามค้นหามันมากขนาดไหน เขาก็ยังไม่พบเบาะแสอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้แต่ราชามังกรเฒ่าและชาวบ้านคนอื่นในโลก ACG ก็ไม่เข้าใจความสามารถนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถตอบคำถามของโจวหยูได้
หลังจากอาบน้ำเสร็จเขาก็ได้เดินตรงกลับบ้าน จากนั้นในสนามหญ้าหน้าบ้านของเขาก็ได้ปรากฏยานบินอวกาศจอดอยู่
‘นี่ไม่ใช่เรือเหาะพิเศษของบริษัทจัดการไอดอลจักวาล?’
เมื่อเห็นแบบนั้นมันก็ช่วยไม่ได้ที่โจวหยูจะรีบเดินตรงเข้าไปตลอดสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง และนั้นก็ทำให้เขารู้ว่าการคาดเดาของเขาก่อนหน้านั้นเป็นความจริง
ยานเหาะลำนี้เป็นของพวกนั้นจริงๆ และแน่นอนว่าเจ้าลูกชายคนโตของเขาอย่างนีเนียนเองก็อยู่ที่นี้ด้วย หลังจากที่อีกฝ่ายได้เห็นหน้าโจวหยูอีกครั้ง ก็ได้รับบินตรงเข้ามากอดทันทีพร้อมกับตะโกนเรียกพ่อไม่หยุด
แม้ว่าโจวหยูจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็พยายามที่จะปลอบใจลูกชายคนนี้ของเขาอย่างเต็มที่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับลูกคนโตที่จะต้องออกไปข้างนอกเป็นเวลานานแบบนี้
เมื่อคิดได้แบบนั้นโจวหยูก็รู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องให้ของขวัญสำหรับการทำงานหนักของอีกฝ่าย
หลังจากที่พ่อแม่ของโจวหยูกลับไป มันก็ทำให้สวนผักของเขาได้กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง ดังนั้นเพื่อเป็นการฉลองการกลับมาของลูกชายคนโต เขาถึงบอกให้ลุงกวนเออร์ตัดผักทั้งหมดที่พวกเขาสามารถกินได้ออกมา ก่อนที่เขาจะนำมันไปทำอาหารเลี้ยงต้อนรับสองสามจานแล้วเสิร์ฟให้กับนีเนียนและคนอื่นๆจาก บริษัทจัดการไอดอลจักวาล
ระหว่างที่คนอื่นกำลังกินอาหารกันอย่างอร่อยอยู่นั้น เซียวฮวนก็ได้เดินตรงมาและอธิบายสถานการณ์ที่พวกเขากำลังเจออยู่ตอนนี้ให้โจวหยูฟัง
จะพูดว่าที่เซียวฮวนกลับมาในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะขอความช่วยเหลือโจวหยูอีกครั้ง เขาได้เล่าว่าซี่รี่ย์เรื่องล่าสุดที่ได้รับความช่วยเหลือจากโจวหยูนั้นประสบความสำเร็จมากขนาดไหน แต่เมื่อพวกเขาคิดว่าสามารถแก้ไขปัญหาที่เป็นอยู่นี้ได้แล้ว พวกเขาก็พบกับปัญหาใหม่ขึ้นมาแทน ปรากฎว่ามีบริษัทคู่แข่งชื่อนาน่าบู ซึ่งได้พยายามทำลายบริษัทของเขาตลอดเวลา และบริษัทคู่แข่งนี้ยังเป็นบริษัทระดับห้าดาวขนาดใหญ่อีกด้วย
หลังจากการต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน ในที่สุดเขาก็ได้รับบทภาพยนตร์ยอดนิยมซึ่งเป็นสคริปต์ที่มีอัตราความสำเร็จสูงมาได้ในที่สุด แต่เมื่อพวกเขาคิดจะเริ่มสร้างมันขึ้นมา เขาก็ได้สังเกตเห็นว่าพวกเขาหมดเงินไปแล้ว ดังนั้นเมื่อพวกเขาหมดหนทางที่จะเดิน ก็เกิดนึกถึงโจวหยูขึ้นมาได้
* แม่* พวกแก่มาเอาตูดฉันนี้ *
โจวหยูที่ได้ฟังแบบนันก็ถึงกับพูดไม่ออกอย่างสมบูรณ์ ไอ้เซียวฮวนไม่เพียงแต่พึ่งจะรอดพ้นจากการล้มละลายมา แต่อีกฝ่ายยังต้องการไปงัดกับขาใหญ่ประจำวงการนี้อีกด้วย? เห็นได้ชัดว่านี่คือกรดำเนินเรื่องของนิยายแนวสมัยใหม่
ถ้ายึดตามการพัฒนาของพล็อตมาตรฐานละก็ อีกไม่นานไอ้เจ้าเซียวฮวนนี้ก็จะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ และนั้นจะทำให้สถานะของเซียวฮวนนั้นพุ่งทะยานขึ้นไปถึงสรรค์
แต่มันช่างน่าเสียดายที่อีกฝ่ายยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น
ยังไงก็ตามโจวหยูคิดว่าเรื่องนี้เขาคงไม่สามารถช่วยได้ เขาไม่ใช้พวกอาจารย์ลึกลับที่มักจะปรากฏตัวเมื่อพระเอกต้องการหรอกนะ เขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้น