The Rise of Otaku - ตอนที่ 96
บทที่ 96 การต่อสู้ในสวนสนุก
พี่น้องที่โชคร้ายทั้งสองจะกอดกันและกันเพื่อปลอบใจซึ่งกันและกันหรือไม่หลังจากที่พวกเขาเจอกันในที่นี้ แน่นอนว่าคําตอบคือไม่ หลังจากหลิงกูเสี่ยวใช้ความพยายามอย่างมากและรับประกันหลายอย่าง ในที่สุดเขาก็ได้รับอนุญาตให้ไปที่หมู่บ้านลู่หัวเพื่อพูดคุยเรื่องลิขสิทธิ์ของภาพยนตร์โจรสลัดผลไม้ตัวต่อตัว แต่เขาไม่รู้เลยว่ามีคนอีกคนหนึ่งที่ได้รับมอบหมายภารกิจนี้เช่นกัน บุคคลนั้นคือจางเพิ่ง
มันเป็นผลประโยชน์จํานวนมาก ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องไม่ได้ที่จะไม่เกิดการต่อสู้
บริษัทเกมฉันเป็นโอตาคุและบริษัทเพนกวินมังงะต่างก็เล็งเห็นผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับเหมือนๆกัน ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาต่างก็เป็นยักษ์ใหญ่สองตัวของทั้งสองอุตสาหกรรมนี้หนึ่งครองตําแหน่งผู้นําของอุตสาหกรรมเกม หนึ่งครองตําแกน่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์และมังงะ ทั้งสองต่างก็เป็นอันดับที่หนึ่งในอุตสาหกรรมที่ช่วยพัฒนาประเทศ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะเห็นพวกเขาปรากฏในที่เดียวกันแบบนี้
เมื่อเห็นหลิงกเสี่ยวดวงตาของจางเฟิงก็เผยให้เห็นแสงเย็นๆออกมาทันที “เพนกวินตัวเจ้านี้ได้กลิ่นเร็วๆจริงๆ! ไม่รู้ว่าพวกนั้นจะมาที่นี่ได้เร็วขนาดไหน? แต่มันก็น่าแปลกที่พวกนั้นส่งคนมา เพียงคนเดียว? หรือว่าพวกนั้นเองก็รู้เกี่ยวกับนิสัยแปลกๆของอาจารย์โจวหยูกัน?”
คําถามเดียวกันนี้ก็มีอยู่ในใจของหลิงกูเสี่ยวเช่นกัน
โจวหยุไม่ต้องการที่จะติดต่อกับบุคคลภายนอก ดังนั้นเขาจึงได้กําหนดเงื่อนไขที่ว่าจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มาได้ พวกเขาไม่สามารถพาคนอื่นมาด้วยได้ ถ้าเกิดว่าฝ่ายไหนไม่ทําตามเงื่อนไขนี้ เขาก็จะปฏิเสธที่จะพูดคุยทุกกรณี
มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เขามีความสัมพันธ์กับทั้งสองบริษัทพอๆกัน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยา กเกินไปที่เขาจะเลือกหนึ่งในพวกเขาในที่สุดเขาก็เชิญทั้งสองบริษัทมาพูดเคยเงื่อนไขและต้องการ ให้พวกเขาต่างก็พูดถึงเงื่อนไขของตัวเองออก โดยที่ใครก็ตามที่เสนอเงื่อนไขดีกว่าจะได้รับลิข สิทธิ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ไป
หลังจากที่ปล่อยตัวอย่างออกไปแล้ว โจวชูวหยูเป็นคนแรกๆที่ถูกค้นพบโดยหลายบริษัท ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเธอที่เป็นผู้เผยแพร่วิดีโอนี้ ดังนั้นอาจจะพูดได้ว่าเธอได้รับการติดต่อจากบริษัท มากกว่าโหลเพียงช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น
เธอที่พึ่งเคยเจอกับเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก ก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากเธอทําได้เห็นงบอกพวกเขาไปว่าเธอเป็นแค่พนักงานที่ตัวเล็กๆเท่านั้น เธอไม่รู้อะไรมากเลย แต่ถ้าหากพวกเขาต้อง การพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจนี้จริงๆพวกเขาต้องไปติดต่อกับเจ้าของที่แท้จริงที่หมู่บ้านลู่หัว
จากนั้นเธอก็รีบติดต่อไปบอกข่าวนี้กับโจวหยูอย่างภาคภูมิใจว่าภาพยนตร์ของเขากําลังเป็นที่นิยมมากขนาดไหน!
เดิมโจวหยูนั้นไม่ได้ให้ความสําคัญว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้รับความนิยมหรือไม่ แต่ถ้ามีคนมากมายมาหาเขาเพื่อที่จะพูดถึงเรื่องเงินเงินเงินตลอดทั้งวัน มันคงจะทําให้เขารู้สึกไม่ดีอย่างแน่นอน ดังนั้นมันจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าถ้าเขาจะรีบหาตัวแทนและมอบปัญหานี้ให้อีกฝ่ายจัดการเกือบจะในเวลาเดียวกันที่จางเพิ่งและหลิงกูเสียวก็ได้มาที่ประตูหน้าบ้านของเขา
ในเวลาเดียวกันเมื่อข่าวนี้เริ่มเป็นที่จับตามองมากขึ้น โจวหยูก็ได้ย้ายข้าวของทุกอย่างที่เขามีในบ้านไปยังสวนสนุกด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด นอกจากนี้เขายังบอกกับเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยว่านอกเหนือจากคนที่มาจากบริษัทเพนกวินและบริษัทเกมฉันเป็นโอตาคุสองบริษัทนี้แล้ว นอกนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในนี้เด็ดขาด
ฤดูร้อนได้สิ้นสุดลงไปแล้วมันจึงทําให้สวนสนุกแห่งนี้จึงได้ถูกปิดลงชั่วคราว ดังนั้นมันจึงเป็นเขตปลอดภัยที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่โจวหยูสามารถคิดได้ และถือว่าเป็นโชคดีที่ความคิดนี้ของเขานั้นเป็นจริง ไม่อย่างนั้นเขาก็นึกไม่ออกว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีคนจํานวนมากต่างก็พยายามดันตัวเข้ามายังบ้านของเขา
ในห้องประชุมหลิงกูเสียวและจางเพิ่งต่างก็มองดูกันอย่างแปลกๆ เพราะโจวหยุได้บอกอย่างชัดเจนว่าผู้เข้าแข่งขันชิงลิขสิทธิ์สําหรับภาพยนตร์ “โจรสลัดผลไม้” นั้นมีเพียงแค่พวกเขาสองบริษัทเท่านั้น และมันก็ขึ้นอยู่กับใครที่เสนอผลประโยชน์ให้มากกว่าก็จะได้รับไป และทางเจ้าตัวอย่างโจวหยูเองก็ยังไม่รีบร้อนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงได้บอกให้ทั้งคู่ค่อยๆคิดก่อนที่จะสรุปผล
“อืม วิธีการเจรจาแบบนี้เป็นอะไรที่ไม่เคยมีก่อน?”
สําหรับพวกเขาที่ได้เข้าประชุมเจรจามาแล้วหลายประเภท กับไม่เคยมีครั้งไหนที่พวกเขาเคยเจอแบบนี้มาก่อน
ถ้าเป็นตามปกติแล้วคนอื่นๆจะเจรจาอย่างแข็งขันกับพวกเขาเพื่อรับข้อเสนอที่ดีที่สุด แต่กับโจวหยูแล้วเขาแค่ปล่อยให้คนสองคนแข่งขันกันเท่านั้น
หรือว่านี้จะเป็นอีกวิธีหนึ่งในการทําให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดกัน?!”
โจวหยุไม่ได้ให้สนใจคนสองคนทันทีที่เขาได้พูดถึงสิ่งที่เขาต้องการจบไป หลังจากที่ออกมาจากห้องประชุมเขาก็ตรงไปที่สระคลื่นเพื่อสนุกไปกับคลื่นและชายหาดทันที
เขาไม่เคยคิดที่จะทําเงินจากหนังเรื่องนี้ เขาแค่ต้องการช่วยให้บริษัทของเซียวฮวนได้รับการเผยแพร่มากขึ้นดังนั้นเขาไม่ได้สนใจจริงๆว่าเขาจะได้รับผลประโยชน์จากภาพยนตร์เรื่องนี้มากแค่ไหน
ในขั้นต้นหลิงกูเสี่ยวและจางเพิ่งต่างก็คิดว่ามันเป็นกลยุทธ์การเจรจาต่อรองของอีกฝ่ายแต่หลังจากสามวันผ่านไปพวกเขาก็ยังไม่เห็นการตอบสนองอะไรที่บ่งชี้ว่าอีกฝ่ายสนใจเงื่อนไขที่พวกเขาเสนอออกไป มันก็ยิ่งทําให้พวกเขาต่างก็ร้อนใจขึ้นมาในที่สุด
ดังนั้นในไม่กี่วันที่ผ่านมาหลิงกูเสี่ยวและจางเพิ่งต่างก็คอยขอคําแนะนําจากบริษัทของพวกเขาเนื่องจากพวกเขากลัวว่าโจวหยุจะเริ่มการเจรจากับคู่แข่งอื่นนอกเหนือจากพวกเขาดังนั้นจะเป็นการดีที่สุดที่พวกเขาจะรับจบเรื่องนี้และเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากมัน
เมื่อพวกเขาต่างก็คิดว่าอีกฝ่ายอาจจะใช้วิธีเดียวกันนี้กับบริษัทอื่นนั้น พวกเขาก็พบว่า ความคิดนี้ของพวกเขานั้นช่างเป็นอะไรที่บ้าบอลิ้นดีเพราะเมื่อพวกเขาต่างก็เดินผ่านหน้าประตูทางเข้าสวนสนุก พวกเขาก็พบว่าด้านนอกนั้นต่างก็เป็นไปด้วยคนของบริษัทอื่นจํานวนมาก พวกเขาเหล่านั้นต่างก็ถูกกั้นไม่ให้เข้ามายังที่แห่งนี้ นี้มันแสดงว่าอะไร? แน่นอนว่ามันแสดงให้เห็นว่ามีเพียงพวกเขาเพียงสองบริษัทเท่านั้นที่ได้รับอภิสิทธิ์ในการได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์โจรสลัดผลไม้
ในขณะที่พวกเขาต่างก็รู้สึกโล่งใจกับเรื่องนี้ พวกเขาก็เริ่มรู้สึกว่าอาจารย์โจวหยูนั้นช่างเป็นบุคคลลึกลับและคาดเดาไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ
ความคล้ายคลึงกันระหว่างผู้ใช้ลัทธิเต๋ที่ถูกคุมขังในแวดวงมังงะและเกมนั้นต่างก็เป็นเหมือนกับสายฟ้าที่ดังอยู่ในหูของทุกคน ดังนั้นเมื่อพวกเขาต่างก็เห็นผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่นี้ พวกเขาต่างก็ต้องการที่จะมีส่วนร่วมในเค้กชิ้นนี้ แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าโจวหยูนั้นมีนิสัยแปลกๆที่ไม่เหมือนกับใครมันจึงทําให้การต่อสู้กันของพวกเขานั้นกลายเป็นสิ่งที่สูญเปล่า
นั้นจึงทําให้ตอนนี้โจวหยูได้เป็นผู้ควบคุมเบื้องหลังที่มีอิทธิพลมากของสามวงการไปแล้วนั้น ก็คือวงการเกม วงการมังงะ และวงการภาพยนตร์อนิเมชั่น
มีอีกหนึ่งคนที่ตกใจกับเหตุการณ์นี้เช่นกันนั้นก็คือโจวฟู ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นว่าทําไมถึงมีบริษัทชื่อดังมากที่มาที่นี้และทําไมพวกเขาถึงต่างก็ขอพบเด็กน้อยโจวหยูด้วย อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากคนสองคนแรกที่มาที่นี่เพียงลําพังซึ่งได้ถูกปล่อยให้เข้าไปแล้วบริษัทอื่นๆที่ตามหลังมาทั้งหมดต่างก็ถูกห้ามให้เข้าไปข้างในอย่างเด็ดขาด
ดังนั้นในวันนี้โวฟูจึงได้ตามหาเด็กโจวหยูพบ เขาไม่สามารถรอที่จะถามได้ว่าเกิดอะไรขึ้น “ดูสิ! ฉันได้รับนามบัตรมากมายขนาดไหนในช่วงไม่กี่วันมานี้ เธอช่วยบอกให้คนแก่คนนี้เข้าใจได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? แล้วทําไมบริษัทพวกนั้นต้องการพบเธอกัน? เฮ้อ! ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นกัน ขนาดพวกนั้นถูกห้ามไม่ให้เข้ามาในนี้แล้วแต่ก็ยังไม่ยอมจากไปไหน ยังคงปักหลักอยู่หน้าประตูไม่ไปไหน นี้เป็นอะไรที่ลุงโจวคนนี้ไม่เข้าใจจริงๆ”
โจวหยุที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดกลับไม่ได้กังวลอะไรเลย เขายังคงโยนเบ็ดของเขาลงในบ่อช้าๆ เพื่อจับปลาของโลก ACG “ลุงโจวไม่ต้องกังวลเกินไป มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นอีก ไม่นานเรื่องนี้ก็จะสลายไปเอง”
แม้ว่าโจวฟูจะเป็นเพียงคนรวยในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ แต่เขาก็ยังสามารถมองออกว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับสิ่งที่เด็กโจวหยูพูดนั้นมันเป็นอะไรที่แตกต่างกันอย่างมาก ถ้ามันเป็นอย่างที่อีกฝ่ายพูดเขาก็คงไม่ต้องมาหาแบบนี้
ในไม่ช้าหลิงกูเสี่ยวและจางเพิ่งต่างก็ได้รับคําแนะนําจากหัวหน้าของพวกเขาและเริ่มการเจรจาที่ดุเดือดทันที กลับกันโจวหยูนั้นก็ขี้เกียจเกินไปที่จะฟังพวกเขาต่อสู้กัน ทุกวันเขาได้เห็นชายสองคนต่างก็ทะเลาะกันในห้องประชุมจนกระทั่งใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง และดูเหมือนว่ามันอยู่อีกไม่ไกลที่พวกเขาจะชกต่อนกัน
อย่างไรก็ตามโจวฟูเองก็ขอเข้าฟังการสนทนานี้ด้วย ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าสิ่งที่คนข้างนอกต้องการนั้นคืออะไร ที่จริงแล้วมันก็เพื่อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง “โจรสลัดผลไม้” ที่เจ้าเด็กโจวหยูเป็นคนทํานั้นเอง
โจวฟูเองก็ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นกัน เขาได้ยอมรับว่าภาพยนตร์เรื่องนี้กว่าภาพยนตร์เรื่องเดิมๆที่เขาเคยเห็น แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะมีค่ามากขนาดนี้เช่นกัน เมื่อเป็นแบบนี้เขาก็นึกไปถึงภาพยนตร์อนิเมชั่นที่เจ้าเด็กน้อยโจวได้เปิดเกือบทุกสัปดาห์เป็นเวลามากกว่าหนึ่งปีในบ้านของตัวเอง มันก็อดไม่ได้ที่เขาจะประเมินพวกมันใหม่อีกครั้ง ไม่แน่ว่าภาพยนตร์อนิเมชั่นพวกนั้นเองก็อาจจะสามารถทําเงินได้มากมายเช่นกัน
มีอยู่หลายครั้งที่โจวฟูต้องการที่จะตะโกนว่า “หยุดเถียงกันได้แล้ว! ที่จริงเจ้าเด็กน้อยโจวนั้นยังมีภาพยนตร์แบบนี้อีกหลายสิบเรื่องเก็บเอาไว้ในบ้าน ดังนั้นพวกคุณไม่ต้องต่อสู้กันในเรื่องนี้ให้
อย่างไรก็ตามแปลกโจวหยูกับไม่ได้นําเสนอภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องอื่นของตัวเอง เขา ยังได้ยกเลิกการฉายภาพยนตร์ในวันนี้เช่นกัน แม้ว่าโจวฟูจะไม่รู้สาเหตุว่าทําไมเจ้าเด็กคนนี้ถึงทําแบบนี้ แต่เขาก็ไม่คิดจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้เช่นกัน
ถ้าโจวฟูได้มายินความคิดของโจวหยุในตอนนี้ เขาก็คงจะตะโกนออกมาว่าเธอมันบ้าไปแล้วในความคิดว่าโจวหยูนั้นภาพยนตร์การ์ตูนเหล่านั้นที่เขาแสดงในช่วงที่ผ่านมานั้น มันอยู่ในระ ดับพอใช้เท่านั้น อย่างไรก็ตามสําหรับโอตาคุโจวหยูผู้รู้จี้จุกจิดแล้ว เมื่อนําภาพยนตร์อมิเมชั่นพว กนั้นมาเทียบกับภาพยนตร์อนิเมชั่นโจรสลัดผลไม้แล้ว มันยังคงมีความต่างชั้นอยู่และนั้นเป็นสิ่งที่ เขาใช้เป็นตัวตัดสินใจในครั้งนี้
หากภาพยนตร์โจรสลัดผลไม้สามารถทําคะแนนได้ 10 คะแนน ภาพยนตร์อนิเมชั่นที่อยู่ในห้องเก็บของเขาอยู่เพียงระดับ4-5เท่านั้น มันเป็นอะไรที่พื้นๆสําหรับเขา
แต่ถ้าถามว่าเขาจะปล่อยภาพยนตร์ไหม? เขาจะตอบว่าเขาเองก็ต้องการนําเสนอภาพ ยนตร์ของเขาเช่นกันแต่มันต้องตั้งอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า ภาพยนตร์ของเขาจะต้องได้รับคะแนน 7 คะแนน ขึ้นไปเท่านั้น