The Rise of Otaku - ตอนที่ 97
บทที่ 97 ข่าวลือแปลกๆ
โอตาคุอย่างโจวหยูเองก็มีจิตวิญญาณที่แข่งขันเช่นกัน และคนที่เขามองเป็นคู่แข่งนั้นก็คือเชี่ยฮวนผู้อํานวยการสร้างหนุ่มของบริษัทจัดการไอดอลจักวาลและสิ่งที่เขาต้องการแข่งขันไม่ใช่ เรื่องเงินหรืออํานาจแต่เป็นประสิทธิภาพงานที่พวกเขาทํา
“นายมีคนที่มีความสามารถ ฉันมีบริษัทที่ดีเอาละ! ตอนนี้อาจจะมองได้ว่าเราทั้งคู่ต่างก็ยืนอยู่บนเส้นเริ่มต้นเหมือนๆกันแต่ทําไมงานของฉันถึงแย่กว่าของนายกัน?
ภาพยนตร์ “โจรสลัดผลไม้” เป็นการผลิตร่วมกันและมันยังดีกว่าแอนิเมชั่นของเขาไป มากดังนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจว่าหากผลงานของเขาไม่ถึงระดับ 7 หรือ 8 คะแนน เขาจะไม่ปล่อยพวกมันไปสู่โลกภายนอกอย่างแน่นอน
นี่คือความมุ่งมั่นของโอตาคุที่ไม่ยอมใครง่ายๆ
การต่อสู้ด้านลิขสิทธิ์ในห้องประชุมเองก็ยังคงดําเนินต่อไปเพราะโจวหยูปฏิเสธที่จะให้คนที่สามนั้นทําให้ทั้งสองจึงได้เริ่มต้นการต่อสู้กันได้อย่างดุดเดือดมากขึ้น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเจรจาต่อรอง แต่พวกเขาก็สามารถโทรศัพท์เพื่อขอความช่วยเหลือจากบริษัทของพวกเขาในขณะที่ทําการเจรจาทางธุรกิจได้
เนื่องจากระดับของทักษะการเจรจาต่อรองของทั้งสองคนไม่สูงนัก มันจึงทําให้บ่อยครั้งที่เห็น คนสองคนกระแทกโต๊ะและจ้องมองตากันโจวฟูที่เป็นคนกลางเห็นแบบนั้นก็รู้สึกเป็นห่วงอย่างมากว่าพวกเขาทั้งคู่อาจตีกันเองแต่โจวหยุเพียงพูดอย่างไม่สนใจอะไรมากนักกลับกันเขามองว่านี้เป็นวิธีการสร้างมิตรภาพมากกว่า
บริษัทเกมฉันโอตาคุและบริษัทเพนกวินมังงะต่างก็ตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการเจรจาระยะไกลอย่างรวดเร็ว หลังจากหลายวันของการหารือและปรับข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดพวกเขาก็มาพร้อมกับแผนการต่างๆ
ตามแผนนี้ทั้งสองบริษัทได้พดถึงก็คือ พวกเขาจะร่วมจัดจําหน่ายภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องนี้แต่ในแง่ของการแบ่งกําไรจะถูกกล่าวถึงอย่างละเอียดในแผนต่อไป ท้ายที่สุดทั้งสองทีมต่างก็เป็นงานมืออาชีพอยู่เบื้องหลังพวกเขา
เนื่องจากทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกับแผนนี้ มันจึงกลายเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น จากนั้นโจวหยู่ได้หยิบยกข้อเรียกร้องของเขาเอง เมื่อหลิงกูเสี่ยวและจางเพิ่งมองดูข้อเสนอนนี้เสร็จใบหน้าทั้งสองก็มีดลงไปทันที นี่ชัดเจนว่าเป็นรุ่นปรับปรุงของข้อตกลงการรักษาความลับก่อนหน้า เพราะไม่เพียงแต่พวกเขาจําเป็นต้องปกปิดเรื่องส่วนตัวของโจวหยูเท่านั้น แต่พวกเขายังต้องปกปิดรายชื่อของทุกคนที่ทํางานในภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย
“ขอพระเจ้าทรงโปรดห้ามโอตาคุคนนี้ด้วยเถอะ! เขาไม่เพียงแต่จะซ่อนตัวตนของตัวเองเท่านั้น! แต่เขาต้องการซ่อนเพื่อนๆของเขาทุกคนที่มีส่วนร่วมในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย! “
บอกตามจริงแล้วหลิงกูเสี่ยวได้คาดหวังที่จะได้ติดต่อกับทีมสร้างภาพยนตร์ระดับโลกที่มนี้และพวกเขายังได้มองไปถึงการรับสมัครพวกเขาเข้าร่วมกับตัวเอง แต่มาตอนนี้ความฝันนี้กับถูกทําลายไม่เป็นชิ้นดีไปแล้ว
จางเฟิงก็มีความรู้สึกเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้มีความคาดหวังมากอย่างหลิงกูเสี่ยว ดังนั้นเมื่อเขาได้ฟังเงื่อนไขนี้ของอีกฝ่าย เขาจึงรู้สึกเสียใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ก่อนหน้านี้เขาเองก็ได้พยายามค้นหาทีมพัฒนาเกมที่อยู่เบื้องหลังโจวหยูเช่นกัน แต่ยังไงก็ตามเขาก็ได้ล้มเหลวอย่างน่าสังเวช จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเขาสามารถจินตนาการได้ว่าไม่มีชื่อใดที่อยู่ในเครดิตเป็นของจริง
เมื่อลงนามในข้อตกลงนี้ โจวหยูก็ไม่ได้ขอให้พวกเขาเพิ่มอะไรอีก นั้นยิ่งทําให้หลิงกูเสี่ยวและจางเพิ่งต่างก็ยิ่งไม่แน่ใจด้วยซ้ําว่าถ้าอีกฝ่ายได้อ่านข้อตกลงไหม?
ในตอนนี้หลิงกูเสี่ยวและจางเพิ่งมั่นใจว่าโจวหยูและพวกเขาไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน บางคนชอบที่จะแสดงตัวออกหน้ากล่อง ขณะที่คนบางคนชอบที่จะมีอิสระในหลังเวทีมากกว่า แต่พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะมีใครบางคนต้องการซ่อนตัวจริงอยู่หลังเวทีและปกปิดตัวเองอย่างมิดชิดแบบนี้
“เฮ้อ!”
ทั้งหลิงกูเสี่ยวและจางเพิ่งรู้สึกหมดหนทางอย่างมาก พวกเขาพักที่สวนสนุกนี้เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ แต่ในช่วงสัปดาห์นี้พวกเขายังทํางานอยู่และไม่มีเวลาสนุกในสวนเลยในทางตรงกันข้ามคนที่ ก่อให้เกิดปัญหาทั้งหมดกลับอาศัยอยู่อย่างมีความสุขในสวนทุกวันการไปตกปลาและต้อนสัตว์ทุ กวันเขารู้สึกผ่อนคลายราวกับว่าเขาอยู่ในสรวงสวรรค์
อย่างไรก็ตามหากมีการร้องเรียนจากผู้ที่รออยู่นอกรั้วเข้ามามากเข้า เขาก็จะหลบอยู่แต่ในบ้านไม่ยอมออกมาเด็ดขาด และปล่อยหน้าที่จัดการเรื่องนี้ให้กับลุงฟูรับหน้าแทน
ยิ่งปล่อยให้เรื่องนี้ลากยาวออกไป จํานวนคนที่รออยู่ข้างนอกประตูนั้นก็เพิ่มขึ้นทุกวัน และยังมีนักข่าวหลายคนมาติดตามเรื่องนี้เช่นกัน
ตัวอย่างภาพยนตร์เพียงเรื่องเดียวกับดึงดูดบริษัทใหญ่ ๆจํานวนมากให้มาที่หมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งนี่ถือว่าเป็นข่าวใหญ่สําหรับพวกเขาจริงๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหมู่บ้านนี้ยังเพิ่งจะเปิดตัวสวนสนุกของตัวเองไปอีกด้วย
แต่มันก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่พวกเขาได้ถูกห้ามเข้าไปในนั้นอย่างเด็ดขาด พวกยามรักษาความปลอดภัยและยามที่เป็นทหารเกษียณซึ่งโจวฟูจ้างจากหมู่บ้านลู่หัวนั้นต่างก็กันพวกเขาเอาไว้ถึงแม้ว่าพวกเขาจะปฏิเสธนักข่าวอย่างสุภาพแต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมฟังคําเตือนของพวกเขา พวกเขาเองก็พร้อมที่จะใช้มาตรการที่รุนแรงมากขึ้น
“นี่มันอะไรกันเนี่ย? เจ้านายตัวน้อยกําลังทําอะไรอยู่ในตอนนี้? ตอนแรกก็เป็นพวกพนักงานจากบริษัทใหญ่ๆ มาตอนนี้กลับมีพวกนักข่าวมาเพิ่มขึ้นอีก? ไม่ใช้ว่าต่อไปจะมีพวกตํารวจมากที่นี้หรอกนะ? “
อย่างไรก็ตามคําสั่งของเจ้านายตัวน้อยนั้นชัดเจนมาก นั้นก็คือ: “ไม่อนุญาตให้คนแปลกหน้าเข้ามาในสวนสนุก!” ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกประหม่ามากขนาดไหนก็ตามแต่พวกเขาก็ต้องทําตามคําสั่งนี้อยู่ดี
เมื่อพวกนักข่าวไม่สามารถค้นหาบุคคลสําคัญที่พวกเขาต้องการสัมภาษณ์ได้ ดังนั้นนักข่าวหลายคนจึงได้เริ่มหันเหไปยังคนในหมู่บ้านแทน นั้นจึงทําให้ความสงบสุขของหมู่บ้านลู่หัวถูกทําลายไป เดิมที่พวกเขาเพียงสัมภาษณ์กลุ่มคนที่เดินผ่านไปผ่านมาหน้าสวนสนุกนี้เท่านั้น แต่ต่อมาพวกเขาก็ได้ขยายพื้นที่ออกไปมากขึ้นจนมันได้รามไปจนเป็นทั้งหมู่บ้าน
สําหรับคําถามที่นักข่าวใช้ถามพวกชาวบ้านก็เป็นคําถามที่ถามคนจากบริษัทขนาดใหญ่มากอน อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์จากชาวบ้านเหล่านั้นเลย ด้วยภูมิหลังทางทหารที่อยู่ในสายเลือด แม้แต่พวกเด็กๆในหมู่บ้านก็รู้วิธีอยู่ห่างจากคนแปลกหน้าเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาได้รับการติดต่อจากคนเหล่านั้นในชุดสูท พวกเด็กๆมักจะตะโกนว่า “สายลับ!” แล้วเด็กทุกคนก็จะกระจายตัวจากไป
แต่แน่นอนว่านักข่าวบางคนเป็นพวกเจนศึก มันอาจจะใช้เวลาอยู่บ้างแต่ถึงยังไงพวกเขาก็ได้ รับผลลัพธ์ที่พอใจดังนั้นในไม่ช้าข้อมูลของโจวหยูก็แพร่กระจายออกไป
ช่างไม้บ้าคลั่ง นักสร้างภาพยนตร์ สร้างรายได้จากการทําเกม ลงทุนเงินหลายล้านหยวนกับการสร้างสวนสนุกแห่งนี้ ได้เกิดข้อมูลทุกชนิดดังออกมา แต่ไม่มีใครสามารถบอกข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับโจวหยูได้ เพราะคนที่อยู่ใกล้ชิดกับโจวหยูเป็นพวกเด็กๆ และทุกครั้งที่พวกเขาพยายามเข้าใกล้เด็กๆ พวกเด็กๆก็จะรีบวิ่งหนีไปทันที ดังนั้นข้อมูลที่พวกเขาได้มาจึงเป็นข้อมูลส่วนเล็กๆเท่านั้น
แต่พวกเขาก็ยังไม่ลืมว่าที่พวกเขามาที่นี้เพราะอะไร หัวข้อหลักยังคงเป็นภาพยนตร์ “โจรสลัดผลไม้” ดังนั้นพวกเขาจึงได้พยายามเจาะประเด็นนี้มากขึ้น จนในที่สุดพวกเขาก็ได้รับข้อมูลว่ บุคคลลึกลับคนนี้จะฉายหนังให้กับเด็กๆทุกวันเสาร์และภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขาฉายนั้นยังเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ภาพยนตร์การ์ตูนทุกสัปดาห์เหรอ? เขาได้ใช้วิธีเล่นมันซ้ําๆใช้ไหม? มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสร้างอนิเมชั่นขึ้นใหม่ๆทุกสัปดาห์หรอกนะ?
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้กับพวกเด็กๆ เด็กๆเหล่านั้นก็ได้หลุดพูดออกมาว่าพวกเขานั้นชอบอนิเมชั่นเรื่องไหนบ้าง แต่หลังจากที่พวกเขาต่างก็รู้ว่าอนิเมชั่นที่พวกเด็กๆพูดถึงนั้นส่วนมากเป็นอนิเมชั่นเก่าๆเกือบทั้งหมด
เมื่อกระแสเรื่องภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องโตรสลัดผลไม้กําลังเป็นกระแสมาจนถึงจุดสูงสุดทาง ด้านโจวชวหยูก็ได้จุดระเบิดขึ้นมาอีกด้วย ด้วยที่ครั้งนี้เธอได้ทําการปล่อยคลิปงานเปิดตัวของภาพยนตร์เรื่องนี้
ในวิดีโอพวกเด็กๆที่มีส่วนร่วมในการถ่ายทํา ต่างก็มารวมตัวกันในสถานที่ที่ดูเหมือนจะเป็นโรงหนัง พวกเขาต่างก็แต่งตัวอย่างเป็นทางการและสง่างาม แต่ในงานนั้นมันกลับมาคนแปลกๆอยู่เช่นกัน ที่ว่าแปลกก็เพราะว่าชายคนนั้นสวมเพียงชุดเสื้อผ้าริมทะเล ซึ่งมันได้ทําลายบรรยากาศโดยรวมของฉากไป
แต่คราวนี้แทนที่พวกเขาจะเพลิดเพลินกับวิดีโอเหมือนปกติ พวกเขากลับเลือกที่จะให้ความสนใจในทุกๆฉากที่ปรากฏมากขึ้น ยิ่งพวกเขาดูมันมากเท่าไหร่? พวกเขาก็มั่นใจมากขึ้นเท่านั้นว่านี้เป็นอนิเมชั่นที่ผลิตขึ้นมาในประเทศของพวกเขาจริงๆ!