The simple life of the emperor - ตอนที่ 110
เทียนหลางกลับมาที่ตำหนักของเขาก่อนพบว่าทุกคนกำลังนั่งคุยกันอยู่อย่างสนุกสนาน นั่นก็แน่นอนเพราะหายากนักที่ศิษย์ทั้งยี่เอ็ดคนจะรวมกันอยู่พร้อมหน้าแม้จะขาดเพียงโม่วหลางและถังซานไปแต่ก็คงอีกไม่นานที่ถังซานจะพาเธอกลับมา
เทียนหลางเดินไปหาเฟิงหยวนก่อนจะพูดกับเธอว่า
”มาคุยกับผมที่สวนสักครู่สิ”
เธอแต่ได้มึนงงแต่ก็ยังคงพยักหน้าตอบรับและเดินตามเทียนหลางไปที่สวน เมื่อทั้งคู่มาถึงเทียนหลางก็ได้จับมือซ้ายของเฟิงหยวนเอาไว้พร้อมกับสวมแหวนที่ได้มาจากอาจารย์ของเขาไว้ที่นิ้วนางของเธอ
เฟิงหยวนที่ได้เห็นแม้จะมีท่าทีดีใจแต่เธอก็งุนงงด้วยเช่นกันก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดใส่เทียนหลางไปว่า
”อะไรของคุณเนี่ย ?”
เทียนหลางที่ได้ยินคำถามของเฟิงหยวนก็ยิ้มออกมาก่อนจะตอบกลับไปอย่างกวนๆว่า
”อะไรงั้นเหรอ ?”
เฟิงหยวนก็ตอบกลับทันที
”จะอะไรซะอีกละจู่ๆคุณก็เดินมาเรียกฉันให้มาที่สวน จากนั้นก็สวมแหวนให้กับฉันอีกยังจะมีหน้ามาพูดว่าอะไรงั้นเหรออีกเหรอ ?”
เทียนหลางกหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะอธิบายทั้งหมดให้เฟิงหยวนฟังซึ่งเธอก็รับฟังอย่างใจเย็นก่อนจะเอ่ยขัดเทียนหลางออกไปว่า
”เดี๋ยวก่อนนะคุณบอกว่าท่านอาจารย์ให้แหวนมาเป็นของขวัญงานหมั้น และเป็นของขวัญแต่งงานด้วยสินะ”
เทียนหลางพยักหน้าตอบรับ เฟิงหยวนจึงปล่อยให้เทียนหลางอธิบายต่อไปและยิ่งเทียนหลางเล่าเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้คุยกับอาจารย์ของเขาเฟิงหยวนก็ได้แต่ขมวดคิ้ว และหลังจากที่เทียนหลางพูดจบเฟิงหยวนก็ถามขึ้น
”ท่านอาจารย์บอกว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นที่โลกงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางพยักหน้าให้กับคำพูดของเฟิงหยวนเธอจึงถามต่อว่า
”แล้วเรื่องอะไรละ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินคำถามก็ได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับบอกว่า
”ท่านอาจารย์ไม่ได้บอกเอาไว้ท่านบอกเพียงแค่เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก และมีผลกระทบกับดินแดนทั้งเก้า ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่แต่เมื่อมันเป็นคำพูดของท่านอาจารย์ผมเกรงว่าเราเองก็จำเป็นจะต้องระวังเอาไว้บ้าง”
เฟิงหยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะลูบคลำแหวนบนนิ้วของเธอพร้อมกับยิ้มออกมา จากนั้นก็ถามกับเทียนหลางว่า
”ไหนตอนแรกคุณบอกว่าจะสร้างแหวนแต่งงานเอง แล้วไหงกลับใช้แหวนของท่านอาจารย์แทนซะละ ?”
เทียนหลางหัวเราะเบาๆก่อนจะตอบกลับ
”ก็นะท่านอาจารย์บอกว่ามันเหมาะกับจะเป็นแหวนแต่งงานและผมเองก็เห็นว่ามันสวยดีด้วย แต่คุณไม่ต้องห่วงสะเก็ดดาวตกพวกนั้นผมจะสร้างเป็นเครื่องประดับที่เข้ากับแหวนของคุณให้เอง”
เฟิงหยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้า เทียนหลางเมื่อเห็นว่าเฟิงหยวนเข้าใจก็พาเธอเข้าไปด้านในเพื่อพูดคุยกับเหล่าศิษย์ของเขา
เมื่อเข้ามาถึงห้องนั่งเล่นเฟิงหยวนก็เห็นว่าหลินหลินนั้นสนิทกับเยี่ยเอ๋อศิษย์คนเล็กเป็นพิเศษเขาคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดกับเยี่ยเอ๋อว่า
”เยี่ยเอ๋อ ในฐานะที่เจ้าเป็นศิษย์คนเล็กและแลดูจะสนิทกับหลินหลินอีกด้วย ข้ามอบหมายให้เจ้าดูแลหลินหลินน้อยให้พร้อมสำหรับพิธีเทียนเหอในอีกสองวันข้างหน้า”
เยี่ยเอ๋อที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มพร้อมกับตอบรับคำขอของผู้เป็นอาจารย์
”ศิษย์จะทำให้ดีที่สุด”
จากนั้นเทียนหลางก็มอบหมายให้ศิษย์คนอื่นๆรับผิดชอบในการจัดการสถานที่และข้าวของเครื่องในสำหรับพิธี หลังจากที่จัดแจงหน้าที่ให้กับทุกคนแล้วเทียนหลางก็มาพักผ่อนที่ห้องอ่านหนังสือของเขา
ส่วนทางด้านหลินจินทงที่ตามเทาเจาไปช่วยจัดสถานที่ของพิธีเทียนหลางก็เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย
”เทาเจา พิธีเทียนเหอคืออะไรงั้นเหรอ ทำไมทุกคนดูจะตื่นเต้นกับมันมากเป็นพิเศษเลย ?”
เทาเจาที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะก่อนจะอธิบายเกี่ยวกับพิธีเทียนเหอว่า
”พิธีเทียนเหอนั้นเปรียบเสมอพิธีคำนับศิษย์อาจารย์นั่นแหละครับ”
หลินจินทงที่ได้ยินคำอธิบายสั้นๆของเทาเจาเขาก็ยิ่งสงสัยเข้าไปอีก
”ไม่ใช่คำนับศิษย์อาจารย์จะมีเพียงแค่รินน้ำชา หรือรินเหล้าอะไรพวกนี้เหรอ ?”
เทาเจาที่ได้ยินก็ส่ายหัวพร้อมกับอธิบายเพิ่มเติมไปว่า
”พิธีเทียนเหอนั้นเป็นพิธีกรรมขั้นสูงที่ไว้สำหรับการคำนับศิษย์อาจารย์โดยการที่ศิษย์นั้นจะสาบานต่อสวรรค์และโลก และตัวตนทั้งสามว่าจะรักและเทิดทูนอาจารย์เปรียบประดั่งพ่อและแม่คนที่สองของตน ฝ่ายที่เป็นอาจารย์ก็จะตอบแทนด้วยการปลูกเมล็ดแห่งปัญญาลงไปในตัวลูกศิษย์”
”เมล็ดแห่งปัญญา ?”
หลินจินทงถามด้วยความสงสัย เทาเจาจึงอธิบายเกี่ยวกับเมล็ดแห่งปัญญาให้กับหลินจินทง
”เมล็ดแห่งปัญญานั้นคือแหล่งพลังที่จะช่วยพวกเราเหล่าศิษย์ให้พัฒนาตัวเองได้ไวและแตกฉานในสิ่งที่กำลังเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อระดับการบ่มเพาะของพวกเรานั้นสูงขึ้นพลังของเมล็ดแห่งปัญญาก็จะยิ่งลดลงเช่นกัน จะบอกได้ว่าพิธีกรรมนี้จะช่วยยกระดับจากคนธรรมดากลายเป็นอัจฉริยะก็ดูจะไม่เกินเลยไปเท่าไหร่นัก… อะแต่ว่าเมล็ดแห่งปัญญานั้นจะไม่มีผลกับคนที่มีอายุมากกว่ายี่สิบปีหรอกนะ”
เทาเจาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะอธิบายต่อ
”และเมื่ออายุของพวกเราเหล่าศิษย์ถึงยี่สิบปี เมล็ดแห่งปัญญาก็กลายเป็นปานศักดิ์สิทธิ์”
เมื่อเทาเจาพูดจบก็เปิดแขนเสื้อให้กับหลินจินได้เห็นว่าที่แขนของเขานั้นมีปานสีทองประทับอยู่ จากนั้นเทาเจาก็ยิ้มพร้อมกับพูดว่า
”คุณนะโชคดีมากเลยนะ นอกจากศิษย์ของท่านอาจารย์แล้วคนนอกทุกคนไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เห็นขั้นตอนของพิธีเทียนเหอได้หรอกนะ”
หลินจินทงได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าพร้อมกับเดินตามเทาเจาไป
———————————————————————————————————————————
2 วันถัดมาทุกคนมารวมตัวที่ยอดเขาลานพิธีเทียนเหอถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการ พร้อมกับเหล่าศิษย์ทั้งยี่สิบสองคนกำลังยืนอยู่รอบๆ ส่วนหลินจินทงนั้นถูกกันให้ยืนอยู่ด้านนอกของวงพิธีแต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ยังสามารถเห็นขั้นตอนการทำพิธีทุกอย่างได้อย่างแจ่มชัด
ตรงใจกลางพิธีนั้นมีเทียนหลางและเฟิงหยวนที่อยู่ในชุดคลุมสีขาวกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ถูกทำขึ้นมาอย่างดี หลังจากนั้นไม่นานหลินหลินน้อยที่อยู่ในคลุมสีขาวก็เดินเข้ามาพร้อมกับเยี่ยเอ๋อ เธอนำหลินหลินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเทียนหลางและเฟิงหยวนก่อนจะคุกเข่าลงอย่างช้าๆ
จากนั้นเยี่ยเอ๋อก็ทำการรินเหล้าลงใส่จอกเหล้าทั้งสามใบ หลินหลินดูมีท่าทีเกร็งเล็กน้อยซึ่งเยี่ยเอ๋อก็ได้ทำการปลอบเธอให้ใจเย็นลงก่อนที่จะบอกว่าเธอนั้นควรทำสิ่งใดบ้าง
หลินหลินพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหยิบจอกเหล้าขึ้นมาและกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น
”เต๋าแห่งนิรันดิ์จงเป็นพยาน ข้าหลินเสี่ยวเอ๋อ ขอคำนับเทพสวรรค์เทียนหลาง และเทพธิดาสวรรค์เฟิงหยวนเป็นอาจารย์ นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปหรือจนกว่าดวงวิญญาณจะแตกดับ!!”
เมื่อหลินหลินกล่าวจบเทียนหลางและเฟิงหยวนก็ยิ้มออกมา ก่อนที่เทียนหลางเคาะไปที่เก้าอี้เบาๆทั่วทั้งหุบเขาก็ถึงกับสั่นสะเทือนพร้อมกับที่วงแหวนพิธีเริ่มที่จะเปร่งแสงสีทองออกมา
จากนั้นเทียนหลางก็ได้กล่าวออกมา
”ข้าเทพสวรรค์เทียนหลาง ขอยอมรับหลินเสี่ยวเอ๋อเป็นศิษย์”
เมื่อเทียนหลางกล่าวจบเฟิงหยวนก็กล่าวต่อ
”ข้าเทพธิดาสวรรค์เฟิงหยวน ขอยอมรับหลินเสี่ยวเอ๋อเป็นศิษย์”
ทันทีที่ทั้งคู่พูดจบแสงสีทองจากวงแหวนพิธีก็ได้หลอมรวมกันและพุ่งไปที่หลินหลินและหายเข้าไปในตัวเธอ ซึ่งแสดงว่าพิธีเทียนเหอได้จบลงแล้ว