The simple life of the emperor - ตอนที่ 131
สองวันต่อมาหลังจากที่เทียนหลางกลับมาจากอิตาลี ในตอนนี้สภาพของเขากำลังห่อเหี่ยวถึงขีดสุดเพราะความเบื่อหน่าย เนื่องจากกิจวัตรประจำวันในช่วงสองวันนี้ของเขานั้นนอกจากไปเรียนที่มหาลัยแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นเข้ามาอีกเลย
ไม่มีเหตุการณ์แปลกประหลาดต่างๆเกิดขึ้น บางอย่างที่เทียนหลางคิดว่าจะเกิดก็กลับเงียบหายไปเสียอย่างงั้น เรื่องราวของทางกลุ่มศาลาสวรรค์เองก็ดูจะราบรื่น
ทางร้านอัญมณี และร้านอาหารของเขาก็เรียบร้อยไม่มีปัญหา เรื่องราวของทางโลกชาวยุทธ์ก็ดูจะเงียบเชียบจนน่าเบื่อ ทำเอาเทียนหลางที่ค่อนข้างจะคาดหวังกับการล้างแค้นหมดสนุกไป
และทางกองทัพเองก็ไม่ได้ส่งภารกิจใหม่มาให้กับเขาซึ่งทำให้เขานั้นไม่ได้ทำอะไรเลยในช่วงนี้ ได้แต่นอนอยู่เฉยๆในบ้านเท่านั้น
ทางด้านเฟิงหยวนก็ดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงสภาพของเทียนหลางในตอนนี้ เธอก็เลยถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นกับเทียนหลางว่า
“ถ้าคุณเบื่อขนาดนั้น ทำไมไม่กลับไปที่ดินแดนนิรันดิ์ก่อนล่ะ อย่างน้อยที่นั่นก็น่าจะมีอะไรให้คุณทำแก้เบื่อบ้างนะ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
“ม่ายล่ะ เรื่องของที่นั่นมีเจ้าหนูถังคอยดูแลอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างต่อให้เจ้าหนูถังจะไม่อยู่ก็ไม่มีใครกล้าโผล่ไปทำเรื่องไม่ดีที่นั่นหรอก”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะนึกถึงสาวๆอีกสองคนที่ช่วงนี้ไม่ค่อยจะได้เจอกันเลยอย่างหลินเสวี่ย และซูหลิน
แน่นอนว่าเทียนหลางคิดถึงพวกเธอทั้งสองแต่ก็เช่นเดียวกันพวกเธอนั้นก็มีภาระหน้าที่ของตัวเองที่ต้องจัดการดังนั้นจึงไม่ได้เจอกันบ่อยนัก
ก่อนที่ความน่าเบื่อหน่ายจะฆ่าเทียนหลาง กระจกทองเหลืองที่วางอยู่บนชั้นก็ได้เลืองแสงออกมาก่อนจะปรากฏใบหน้าของหญิงสาวที่หน้าตางดงามคนหนึ่ง
“ท่านอาจารย์ !!”
เธอเรียกเทียนหลางว่าอาจารย์พร้อมกับแสดงท่าทีดีใจออกมา เทียนหลางหันไปหาเธอเล็กน้อยก่อนจะแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา
“อ้าว เสี่ยวหยูเหตุใดถึงได้ติดต่อมาหาอาจารย์ล่ะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ ?”
เสี่ยวหยูที่ได้เห็นอาจารย์ของตนเองเธอก็แสดงท่าทีดีใจออกมาก่อนจะแจ้งข่าวบางอย่างกับเทียนหลาง
“ท่านอาจารย์ผนึกเผ่ามารที่อยู่ในดินแดนจินหยวนได้อ่อนกำลังลง และยังมีมารจำนวนหนึ่งหลุดหนีออกไปได้อีกด้วย”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับแสดงท่าทีตกตะลึงออกมาทันทีก่อนจะถามกับเสี่ยวหยูไปว่า
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่ามารที่หลุดออกมาคือตัวใด ?”
เสี่ยวหยูที่ได้ยินคำถามเธอก็ได้แต่ส่ายหัวออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ข้าก็ไม่ทราบเช่นกันท่านอาจารย์ ท่านเองก็รู้ว่ามารที่ถูกขังอยู่ในดินแดนจินหยวนนั้นมีมากแค่ไหน โชคยังดีที่มันหลุดรอดออกมาเพียงไม่กี่ตนเท่านั้นและตอนนี้ศิษย์พี่อื่นๆก็กำลังตามล่าพวกมันอยู่”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าออกมาก่อนจะกล่าวกับเสี่ยวหยูว่า
“บอกพวกเขาไปว่าลงมือขั้นเด็ดขาดสะ เราไม่อาจปล่อยเผ่ามารไปได้อีก !”
“เข้าใจแล้วค่ะท่านอาจารย์ !!”
เสี่ยวหยูพยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนจะเอ่ยถามบางอย่างกับเทียนหลาง
“แล้วท่านอาจารย์จะกลับมาอยู่ที่ดินแดนนิรันดิ์เมื่อไหร่งั้นเหรอคะ ?”
เทียนหลางลูบคางเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มออกมา
“ไม่นานหรอก รออาจารย์เบื่อที่นี้ก่อนเดี๋ยวก็คงจะกลับไปแล้ว”
“จริงงั้นเหรอคะ !?”
เทียนหลางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“อาจารย์เคยโกหกเจ้างั้นเหรอ ?”
เสี่ยวหยูที่ได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหน้าก่อนจะกล่าวลาเทียนหลางและเฟิงหยวน
“เสี่ยวหยูขอตัวก่อนนะคะท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์หญิง”
เทียนหลางพยักหน้าและกล่าวลากับเสี่ยวหยู ก่อนที่แสงจากกระจกทองเหลืองจะค่อยๆจางลง หลังจากเสี่ยวหยูหายไปเทียนหลางก็ถึงกับถอนหายใจออกมาทันที
ทางด้านเฟิงหยวนที่นั่งอยู่ด้านข้างเมื่อเห็นแบบนั้นเธอก็กล่าวออกมาด้วยท่าทีเป็นกังวลเล็กน้อย
“ดูท่าเรื่องที่คุณกังวลที่สุดจะเกิดขึ้นแล้วนะ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะนอนลงบนตักของเฟิงหยวน
“ไม่คิดว่าผนึกจะอ่อนกำลังลงเร็วขนาดนี้ แค่สามพันปีเองไม่คิดว่าเรื่องที่ท่านอาจารย์กล่าวทักจะเกิดขึ้นรวดเร็วเพียงนี้”
เทียนหลางกล่าวพร้อมกับนึกถึงอดีตอันน่าปวดหัวของเขา เมื่อราวๆห้าหรือหกพันปีก่อนในโลกของผู้บ่มเพาะได้เกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นระหว่างเผ่าต่างๆกับเผ่ามาร ด้วยการที่เผ่ามารนั้นแผ่ขยายจำนวนได้รวดเร็วไปอย่างมากไม่ว่าจะกับคนหรือว่าสัตว์อสูร
อีกทั้งเผ่ามารนั้นยังมีพิธีกรรมบางอย่างที่สามารถนำซากศพของศัตรูที่มันได้ฆ่าลงมาชุบชีวิตอีกครั้งให้กลายเป็นมารระดับต่ำได้อีกด้วย ดังนั้นสงครามกับเผ่ามารจึงเป็นอะไรที่ยากลำบากไม่น้อย
สงครามกับเผ่ามารนั้นแผ่ขยายวงกว้างไปจนกระทั้งเดือดร้อนถึงแดนสวรรค์ เหล่าเทพถึงกับต้องเข้าร่วมวงสงครามนี้ด้วย ไม่เว้นแม้แต่ตัวของเทียนหลางเองที่ตอนนั้นตำรงตำแหน่งเทพชั้นสูงสุด
ยิ่งเวลาผ่านไปสงครามก็ยิ่งจะรุนแรงมากขึ้น มีดินแดนและโลกจำนวนมากที่ถูกเหล่ามารยึดครองและทำลาย ในช่วงสุดท้ายของสงครามเหล่ามหาเทพทั้งห้าได้ลงมือผนึกเผ่ามารชั้นสูงจำนวนมากที่เหลือรอดไว้ในดินแดนต่างๆ เพราะไม่อาจที่จะสังสารพวกมันได้หมดในทีเดียว
แน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไปผนึกก็ย่อมต้องอ่อนกำลังลง แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังคงมีคนวนเวียนผลัดเปลี่ยนเพื่อไปเสริมพลังให้กับผนึกอยู่ทุกๆพันปี แต่ในตอนนี้ไม่ทราบด้วยเหตุผลกลใดถึงได้มีมารหลุดรอดออกมาจากผนึกในเวลานี้
เทียนหลางถอนหายใจออกมาเล็กน้อยกับเรื่องราวอันน่าฉงน แต่ถึงอย่างงั้นตัวของเทียนหลางเองก็ไม่ได้กังวลอะไรกับมันมากนักเพราะต่อถึงแม้ว่ามารจะโผล่ขึ้นมาจากหลุมก็ตามก็คงไม่สามารถทำอะไรตามใจได้อีกต่อไปแล้วเพราะในตอนนี้แดนสวรรค์ไม่ได้อ่อนแอเฉกเช่นเมื่อห้าพันปีก่อน