The simple life of the emperor - ตอนที่ 138
ในขณะที่เทียนหลางกำลังจ้องมองหญิงสาวที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสองอยู่นั้น ภายในหัวของเขาก็ปรากฏภาพของสตรีนางหนึ่งขึ้นมาทันที
หญิงสาวคนนั้นเดินลงมาด้านล่างพร้อมกับกล่าวพูดคุยกับชายชราที่กำลังคุยกับเทียนหลางก่อนหน้านี้ หลังจากพูดคุยกันเล็กน้อยชายชราก็หันมาแนะนำหญิงสาวให้กับเทียนหลางได้รู้จัก
“ขอแนะนำคุณชาย เธอคนนี้คือเจียงจื่อหยาที่สามเป็นเจ้าของหอโอสถเจียงจื่อหยาแห่งนี้”
“เจียงจื่อหยาที่สาม ?”
ชายชราพยักหน้าพร้อมกับอธิบายให้กับเทียนหลางได้ฟังว่า
“เจียงจื่อหยานั้นเป็นชื่อของผู้ที่ได้รับสืบทอดตำแหน่งผู้นำของหอโอสถแห่งนี้นะ แล้วคุณหนูจื่อหยาท่านนี้ก็เป็นรุ่นที่สามแล้ว”
เทียนหลางพยักหน้าเข้าใจแต่ก็ไม่ได้ถามสิ่งใดต่อ พร้อมกับจ้องมองไปที่ใบหน้าของเจียงจื่อหยาอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยบางอย่างออกมา
“ช่างเหมือนกันยิ่งนัก”
ทันทีที่เทียนหลางพูดออกมาคุณหนูจื่อหยาและชายชราก็หันมามองที่เทียนหลางทันที
“เหมือนอะไรงั้นเหรอคุณชาย ?”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะบอกกลับไปว่า
“ไม่มีอะไรหรอกเพียงแค่ใบหน้าของคุณหนูจื่อหยานั้นคล้ายคลึงกับคนที่ผมเคยรู้จักนะ”
ชายชราที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันกลับไปคุยกับคุณหนูจื่อหยาต่อ เทียนหลางเมื่อเห็นว่าทั้งคู่น่าจะมีเรื่องสำคัญต้องคุยกันเขาจึงขอตัวออกมาก่อน ก่อนจากชายชราก็บอกกับเทียนหลางว่า
“หากคุณชายต้องการสมุนไพรชั้นดีก็สามารถมาที่หอโอสถแห่งนี้ได้ทุกเวลานะครับ”
“แน่นอนครับ”
เทียนหลางตอบกลับด้วยรอยยิ้มและจ้องมองไปที่คุณหนูจื่อหยาเล็กน้อยก่อนจะสลัดความคิดบางอย่างออกไปจากหัวของตนเอง เพราะเขาเชื่อว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีทางจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ในขณะที่เทียนหลางกำลังเดินออกมาจากหอโอสถเจียงจื่อหยานั้นเขาก็ได้พบกับตู่เชิงโดยบังเอิญ เมื่อตู่เชิงเห็นเทียนหลางเขาก็รีบเดินมาทักทายทันที
“ว่าไงเพื่อน ช่วงนี้นายดังใหญ่เลยนะ”
เทียนหลางเกาหัวตัวเองพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะถามกลับ
“นายมาซื้อสมุนไพรงั้นเหรอ ?”
ตู่เชิงพยักหน้าก่อนจะอธิบายถึงเหตุใดที่เขามายังหอโอสถเจียงจื่อหยาแห่งนี้
“พอดีฉันสนใจสมุนไพรบางชนิดนิดหน่อยนะ เลยอยากจะซื้อไปทดลองอะไรบางอย่างดู”
“เกี่ยวกับธุรกิจที่บ้านงั้นเหรอ ?”
ตู่เชิงได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้า เทียนหลางจึงถามตู่เชิงไปว่า
“แล้วที่ฉันเคยเสนอนายไปก่อนหน้านั้นล่ะ ? นายสนใจหรือเปล่า ?”
ตู่เชิงที่ได้ยินแบบนั้นก็คิดเล็กน้อยก่อนจะถามกับเทียนหลางไปว่า
“มันเป็นธุรกิจแบบไหนงั้นเหรอ ? ถ้าผิดกฏหมายฉันไม่เอาด้วยนะ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็มองหน้าตู่เชิงเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับเพื่อคลายความกังวลของเขาไปว่า
“ไม่ต้องห่วงมันเป็นธุรกิจที่ครอบครัวนายถนัด ฉันคิดว่าจะเปิดบริษัทเครื่องสำอางนะ”
ตู่เชิงที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาก่อนจะรวบรวมสติและถามเทียนหลางว่า
“แล้วทำไมนายจะต้องมาพูดเรื่องนี้กับฉันด้วยล่ะ นายน่าจะไปคุยกับครอบครัวของหลิวเสวี่ยหรือรุ่นพี่ซูหลินมากกว่านะ พวกเขาน่าจะสนใจเรื่องนี้”
“ทั้งสองคนนั้นไม่ได้อยู่ในแวดวงเครื่องสำอาง แล้วอีกอย่างนายก็เป็นเพื่อนฉัน”
ตู่เชิงได้ยินแบบนั้นก็ลังเลอยู่สักพักเพราะในตอนนี้ธุรกิจของทางบ้านเขาก็กำลังจะแย่การที่จะได้ร่วมมือกับเทียนหลางก็เป็นทางเลือกที่ดีและอีกอย่างสินค้าตัวอย่างของเทียนหลางที่ได้ให้ไปก่อนหน้านั้นก็สามารถใช้งานได้ดีจนน่ากลัว เรียกได้ว่าหากมันออกสู่ตลาดมันสามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างแน่นอน และเขาเชื่อว่ามันจะขายดีจนทำเงินให้กับพวกเขาได้อย่างมหาศาลเป็นแน่
แต่ถึงอย่างงั้นตู่เชิงก็ยังคงลังเลเพราะในตอนนี้ทางครอบครัวของเขาก็ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะลงทุนในธุรกิจแบบนี้ แต่เมื่อลองชั่งน้ำหนักดูแล้วมันก็ค่อนข้างจะคุ้มที่จะเสี่ยงตู่เชิงเลยจะลองกลับไปถามครอบครัวของเขาก่อนว่าจะตัดสินใจยังไงดี
“ถ้างั้นฉันขอไปปรึกษากับที่บ้านก่อนแล้วกันนะ”
“แน่นอน”
เทียนหลางตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้ม