The simple life of the emperor - ตอนที่ 15
หลังจากเทียนหลางเสร็จสิ้นจากการพักฟื้นจิตใจของตัวเองเขาก็ลุกขึ้นมาและดูดซับพลังที่อยู่ในหยกเพลิงจนเกลี้ยง ในตอนนี้เทียนหลางอยู่ในระดับก่อตั้ง ขั้นที่ 4 แล้วซึ่งเร็วจนน่าแปลกใจ
”เอาหล่ะต่อไปก็เริ่มหลอมเจ้าหยกนี่ให้กลายเป็นรูปร่างแล้วไปขายตาแก่นั่นดีกว่า”
”แต่ว่าจะเอารูปอะไรดีหล่ะ… ?”
เทียนหลางนั่งคิดไปเรื่อย ๆ จนสรุปได้ว่าคงจะต้องเป็นมังกรกับภูเขาซึ่งแสดงถึงความยิ่งใหญ่น่าเกรงขามและมั่นคง แต่เทียนหลางคงต้องทำมันทีหลังเพราะตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงแล้วเขายังไม่ได้นอนเลย แม้ว่าเทียนหลางจะสามารถไม่นอนได้เป็นเวลาหลายวันแต่สิ่งหนึ่งที่เขาชอบทำนอกจากการอ่านหนังสือก็คือการนอนนี่แหละ
เทียนหลางขอให้พ่อกับแม่ไปซื้อของแทนเขา ส่วนเขาจะขอนอนเสียหน่อยซึ่งแม่กับพ่อก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เทียนหลางคิดว่าเขาคงจะต้องซื้อรถให้พ่อกับแม่สักหน่อยหลังขายเจ้าหยกเพลิงนี้
………………………………………………
หลังจากตื่นนอนแล้วเทียนหลางก็ลงมาอาบน้ำล้างตัวและลงมาด้านล่างเพื่อเตรียมของ ในจังหวะนั้นพ่อและแม่ของเทียนหลางเห็นใบหน้าของเขาที่เปลี่ยนไปพวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรเลยเพียงแค่พูดว่า ‘ หล่อขึ้นนะลูก ‘ เพียงแค่นั้นทำเอาเทียนหลางสงสัยเล็กน้อยว่าเหตุใดพ่อแม่ของเขาถึงไม่ตกใจอะไรเลยแต่นั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีของเขา ที่จะไม่ต้องมาตอบคำถามน่ารำคาร
วันนี้ดูเหมือนพวกนักรีดไถจะมาทำงานเป็นปกติ เทียนหลางจึงได้ถามชื่อของพวกเขา และหัวหน้าของพวกนั้นที่เป็นทหารก็มีชื่อว่า ถังหยาน เทียนหลางให้พวกเขานั้นคอยดูแลลูกค้าไปก่อนส่วนคนอื่น ๆ ทำงานล้างจานและเก็บจานเพราะจำนวนลูกน้องของถังหยานมีจำนวนเยอะจึงต้องแบ่งหน้าที่กันดี ๆ แต่ก็คงต้องหลังจากที่ร้านนั้นขยายตัวแล้วมันถึงจะลงตัว
เทียนหลางเริ่มคิดที่จะหาลูกศิษย์สักคนเพื่อสอนเรื่องการทำอาหาร เพราะในอนาคตเทียนหลางคงไม่ได้จำเจอยู่ที่ร้านแห่งนี้ เขามีความคิดในการเริ่มธุระกิจมากมายรออยู่ข้างหน้าดังนั้น ร้านอาหารนี้ต้องมีคนดูแลต่อในเรื่องทำอาหาร
เทียนหลางคิดว่าจะเลือกสองสามคนในหมู่ลูกน้องของถังหยานที่ไว้ใจได้หรืออาจจะไปเลือกคนที่มีฝีมือด้านนอกมาสอน เทียนหลางขบคิดเล็กน้อยและตัดสินใจจะให้ถังหยานเลือกลูกน้องที่ไว้ใจได้และสามารถทำอาหารได้มาให้เขาสอน
เขาบอกเรื่องนี้กับถังหยานซึ่งถังหยานก็เห็นด้วย ส่วนตัวของถังหยานนั้นเทียนหลางกะจะให้เขานั้นทำหน้าที่เป็นผู้จัดการและผู้ดูแลความเรียบร้อยไปพร้อมกัน
หลังจากปิดร้านเทียนหลางก็เดินกลับขึ้นห้องและนั่งลงด้านหน้าของหยกเพลิง เทียนหลางเปิดใช้งานเพลิงสวรรค์ของเขาทันใดนั้นฝ่ามือของเทียนหลางก็ปราณเปลวเพลิงสีฟ้าครามสวยงามออกมา
เทียนหลางใช้เพลิงสวรรค์ตัดหยกเพลิงออกมาเป็นสามส่วน ส่วนแรกคือรูปสลักมังกรขุนเขามันจะมีความสูงราว 50ซม. และส่วนที่เทียนหลางตัดไปอีกสองส่วนนั้นส่วนหนึ่งเขาจะสลักมันเป็นมังกรดอกบัว ไว้ตั้งในร้านซึ่งมันจะมีความสูงใกล้เคียงกันอีกส่วนหนึ่งนั้นเทียนหลางตัดมันออกมาเป็นหยกชิ้นเท่ากำมือจำนวนห้าหกชั้นเพื่อสร้างเครื่องประดับ และแน่นอนเทียนหลางจะเอามันออกไปขาย
เทียนหลางใช้เปลวเพลิงสวรรค์สร้างรูปสลักมังกรขุนเขา ไม่กี่นาทีต่อมาเทียนหลางก็ขึ้นรูปร่างของมังกรขุนเขาเสร็จและค่อย ๆ แต่งเติมรายละเอียดอย่างรวดเร็ว
ไม่นานเกินรอรูปสลักมังกรขุนเขาก็เสร็จสมบูรณ์ เทียนหลางแกะสลักมันออกมาเป็นมังกรจีนที่กำลังเกาะอยู่บนภูเขาสูงด้วยท่าทางน่าเกรงขาม และดูมีชีวิตชีวาถ้าหากใครมาเห็นมันจะต้องตกใจเป็นแน่เพราะเจ้ารูปสลักมังกรขุนเขานี้ดูเหมือนจริงมาก เพราะระหว่างที่เทียนหลางกำลังสร้างมันเขาได้ใส่ปราณของเขาไปจำนวนน้อยนิด และขจัดสิ่งเจือปนออกไปด้วยทำให้กลายเป็นหยกเพลิงบริสุทธิ์ไปในตัว
หลังจากที่ทำมันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เทียนหลางก็เริ่มทำมังกรดอกบัวอีกชิ้น จากนั้นก็ทำเครื่องประดับทั้งหกชิ้น เทียนหลางใช้เวลาเกือบทั้งคืนในการเก็บรายละเอียด และตกแต่ง
เมื่อเทียนหลางมองผลงานของตัวเองเขาก็ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
”ฝีมือฉันนี่ไม่เลวเลยจริง ๆ”
เทียนหลางถ่ายรูปของมังกรดอกบัวและมังกรขุนเขาและโพสลงในเว่อป๋อของร้าน และเว่ยป๋อของตัวเองทันทีที่เทียนหลางโพสรูปคอมเม้นท์ก็แตกกระจายทันทีมีคอมเม้นท์มากกว่าหนึ่งพันและยังคงเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ
หลังจากสร้างกระแสเสร็จแล้วเทียนหลางก็โทรไปหาชายชราคนนั้นทันทีและบอกให้เขามาร้าน ไม่นานนักชายชราก็มาถึงร้านเมื่อมาถึงเขาก็แนะนำตัวกับเทียนหลางทันที
”ฉันชื่อฟู่เชิง เป็นประธานของฟูหว่างกรุ๊บยินดีที่ได้รู้จักนะพ่อหนุ่ม”
”ผมเทียนหลาง ยินดีเช่นกันครับ”
หลังจากจบการแนะนำตัวเทียนหลางก็ขึ้นไปยกรูปสลักหยกเพลิงมังกรขุนเขาลงมาด้านล่างและตั้งไว้บนโต๊ะด้านหน้าของฟู่เชิง ทันทีที่ฟู่เชิงเห็นรูปสลักมังกรขุนเขา เขาก็หลงรักมันในทันทีก่อนจะหันไปหาเทียนหลางและบอกกับเขาว่า
”ฉันจะซื้อมันในราคา 50ล้าน ขายมันใช้กับฉันเถอะนะเทียนหลาง”
เทียนหลางจ้องมองฟู่เชิงที่กระตือรือล้นอยากจะได้มังกรขุนเขาใจแทบขาด ภายในใจของเขานั้นก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายก่อนจะพูดขึ้น
”มันไม่ได้นะสิครับ เพราะผมต้องใช้เงินส่วนตัวในการจ้างให้ช่างแกะสลักนั้นสลักหยกนี้ด้วยความยากลำบาก และอีกอย่างหยกเพลิงนั้นไม่ได้สลักง่าย ๆ เลยด้วยตัวหยกที่แข็งและทนทานทำให้การแกะสลักเป็นไปได้ยาก และเพื่อที่จำทำให้เสร็จโดยเร็วจึงต้องใช้นักแกะสลักฝีมือดีเป็นจำนวนมากอีกด้วย”
ฟู่เชิงได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น
”ฉันให้ 55ล้าน”
”อืม…”
เทียนหลางทำท่าลังเล เมื่อฟู่เชิงเห็นก็พูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
”60ล้าน ฉันคงให้มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
เมื่อเทียนหลางได้ยินราคาเขาก็ในใจของเขายิ้มออกมาอย่างยินดี แต่ภายนอกกับแสดงท่าทางลำบากใจก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ และพยักหน้าตกลง
”ตกลงครับผมจะขายให้คุณในราคา 60ล้านเหรียญ ช่วยโอนมาในบัญชีนี้ด้วยนะครับ”
”ได้เลย”
หลังจากฟู่เชิงโอนเงินให้เทียนหลางเสร็จแล้วเขาก็ให้คนรับใช้กว่าสามคนอุ้มเจ้ามังกรขุนเขาขึ้นรถด้วยความระมัดระวัง หลังจากฟู่เชิงจากไปเทียนหลางก็ยิ้มกลุ้มกลิ่มกับเงินจำนวน 65ล้านในบัญชี
5ล้านนั้นได้มาจากงานพนันหยกเมื่อวานส่วน 60ล้านก็ได้มาจากฟู่เชิงเมื่อครู่
”อืม… เงินนี่มันหาง่ายขนาดนั้นเชียว”
เทียนหลางลูบคางเบา ๆ หลังจากจ้องมองเงินในบัญชีอยู่สักพักเขาก็เดินออกมาด้านนอกร้านและโทรไปยังเบอร์หนึ่งซึ่งเป็นเบอร์ของเจ้าของตึกข้าง ๆ ที่กำลังประกาศขายอยู่
เทียนหลางโทรไปถามถึงราคาตึกด้านข้างซึ่งถูกบอกมาว่าประมาณ 4ล้านซึ่งเทียนหลางตกลงและเรียกเขามาเซ็นสัญญาซื้อขายทันที ไม่นานนักเจ้าของตึกก็มาพร้อมกับหนังสือสัญญาซื้อขาย
เทียนหลางอ่านมันอย่างละเอียดแล้วพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติจึงตกลงเซ็นสัญญาเป็นอันเรียบร้อยพร้อมกับโอนเงินให้กับเจ้าของตึก ตึกด้านข้างที่ติดอยู่กับร้านของเทียนหลางนั้นเป็นตึกขนาด 3 ชั้น เทียนหลางเดินเข้าไปสำรวจด้านในก็พบว่าอยู่ในสภาพที่ดี เลยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายนักเพียงแค่ตกแต่งเพิ่มเติมนิดหน่อยก็พอจะขยายเป็นส่วนหนึ่งของร้านได้แล้ว
หลังจากที่ขบคิดได้สักพักเทียนหลางก็หยิบโทรศัพขึ้นมาและโทรหาหลี่ไห่
”สวัสดีค่ะ มีอะไรต้องการให้ฉันช่วยรึเปล่าคะ ?”
”เอ่อ… คุณเลขาของปู่หลี่ผมเทียนหลางเองนะครับ ที่เคยไปที่ออฟฟิตเมื่อวันก่อน”
”อ๋อ คุณนั้นเองมีอะไรงั้นเหรอคะ ?”
”คุณพอจะทราบเบอร์ของหลานสาวปู่หลี่ไหมครับ ซูหลินหน่ะ”
”สักครู่นะคะ”
หลังจากนั้นไม่นานนักเลขาสาวสวยของหลี่ไห่ก็ส่งเบอร์ของซูหลินมาให้กับเทียนหลาง เมื่อเทียนหลางได้เบอร์มาเขาก็โทรหาซูหลินทันที ไม่นานนักเธอก็รับสาย เสียงหวานใสดังออกมาจากปลายสาย
”ฮัลโหล นั่นใครคะ”
เทียนหลางยิ้มก่อนจะพูดขึ้น
”แหม ~ ลืมกันแล้วงั้นเหรอจ้ะที่รัก เมื่อวานยังให้ผมหอมหน้าผากอยู่เลย”
เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนหลาง ซูหลินก็โกรธขึ้นมาทันทีพร้อมกับถามออกไป
”นาย ! เทียนหลาง เอาเบอร์ของฉันมาจากไหน ?”
”จากเลขาของปู่เธอหน่ะ”
”อ๊า ~ แล้วนายมีธุระอะไรกับฉัน”
”ฉันอยากให้เธอช่วยแนะนำร้านรับเหมาก่อสร้างดี ๆ ให้กับฉันหน่อยนะ แน่นอนฉันไม่ให้เธอทำฟรี ๆ ฉันจะทำเมนูพิเศษให้เธอทาน”
เมื่อได้ยินว่าเมนูพิเศษซูหลินก็รีบมาทันทีรสชาติของผัดผักและซี่โครงหมูยังคงติดปากเธออยู่จนถึงวันนี้ทำให้เธอนั้นอยากทานอาหารฝีมือเทียนหลางเป็นอย่างมาก
ส่วนเทียนหลางก็ได้แต่อมยิ้มเล็กน้อยพร้อมคิดกับตัวเอง
‘ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนรวยรึยังน๊า ~’