The simple life of the emperor - ตอนที่ 182
เทียนหลางมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของสนามบินก่อนจะหันซ้ายหันขวาและพบกับหญิงสาวหน้าตาคุ้นเคยกำลังยืนถือป้ายที่เป็นชื่อของเขาอยู่
นั่นก็คือเจ้าหน้าที่สาวของวาติกัน แอนเดียร์ ดี คาเวร่า นั่นเอง
เทียนหลางเดินเข้าไปหาเธอพร้อมกับถามออกมาด้วยความสงสัย
“ทำไมถึงเป็นเธอที่มาคอยรับฉันล่ะ ? ไม่ใช่ว่านี่เป็นปฏิบัติการของรัฐบาลจีนงั้นเหรอ ?”
แอนเดียร์ยิ้มพร้อมกับพูดว่า
“งั้นเดียวเราไปคุยกันในรถเถอะค่ะ จะได้ไม่เสียเวลามาก”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะเดินตามแอนเดียร์ไปที่รถ เมื่ออยู่บนรถแอนเดียร์ก็ได้ตอบคำถามของเทียนหลาง
“พอดีว่าทางรัฐบาลจีนและทางวาติกันได้มีการทำภารกิจนี้ร่วมกันน่ะค่ะ แน่นอนว่าเป็นการตกลงกันในวินาทีสุดท้ายพอดีกับช่วงเวลาที่คุณกำลังอยู่บนเครื่อง ดังนั้นทางรัฐบาลจึงไม่ได้แจ้งคุณ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมา เขาล่ะไม่เข้าใจความคิดของรัฐบาลเลยจริงๆทำไมจะต้องทำงานร่วมกับองค์กรอื่นด้วยกัน หรือว่าพวกเขาไม่เชื่อใจฉัน ?
แอนเดียร์ที่เห็นเทียนหลางกำลังนั่งเงียบเธอก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“ดูเหมือนคุณจะสบายดีสินะคะหลังจากเหตุการณ์นั้น”
เทียนหลางมองแอนเดียร์เล็กน้อยก่อนจะถามกลับไปด้วยความสงสัยว่า
“ผมควรเป็นอะไรงั้นเหรอ ?”
แอนเดียร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหน้าทันทีพร้อมกับอธิบายว่า
“ฉันคิดว่าทางคุณจะถูกโจมตีจากพวกนั้นน่ะ เพราะหลังจากเหตุการณ์นั้นทางวาติกันก็ถูกซุ่มโจมตีอยู่อีกหลายครั้ง จนถึงขั้นมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนตายลง จนทำให้เหล่าอาร์คบิชอปต้องเคลื่อนไหว”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ลูบคางก่อนจะอดคิดไม่ได้ว่า ทำไมองค์กรใหญ่ขนาดนั้นถึงไม่มีวิธีรับมือกับพวกปีศาจพวกนี้กันนะถึงขั้นมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงตาย
เทียนหลางมองไปยังแอนเดียร์เล็กน้อยก่อนจะถามกลับไปว่า
“ถ้าหากองค์กรของพวกคุณถูกโจมตีบ่อยขนาดนี้ คุณสนใจจะซื้ออุปกรณ์ป้องกันตัวจากผมไหมล่ะ ?”
“อุปกรณ์ป้องกันตัว ?”
“ใช่แล้ว”
เทียนหลางยิ้ม แอนเดียร์มองเขาอย่างจริงจังก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า
“เอาเป็นว่าไปถึงเซฟเฮ้าส์ก่อนก็แล้วกัน”
“แน่นอน”
ไม่นานนักแอนเดียร์ก็ขับรถพาเทียนหลางมายังบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก ทั้งคู่ลงจากรถก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน เมื่อเข้ามาเทียนหลางก็พบกับเจ้าหน้าที่อีกสองสามคนกำลังนั่งทำงานกันอย่างเคร่งเครียด
เทียนหลางมองพวกเขาเล็กน้อยก่อนจะถามกับแอนเดียร์
“คนพวกนี้เป็นใครงั้นเหรอ ?”
“เป็นคนจากทางวาติกันที่ส่งมาช่วยเรื่องการซัพพอร์ตเราในภารกิจน่ะ”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะถามอีกว่า
“แล้วภารกิจจะเริ่มเมื่อไหร่ล่ะ ?”
“งานประมูลจะเริ่มสองทุ่มวันพรุ่งนี้ ทางเราได้รับการยืนยันแล้วว่าเซรุ่มนั่นจะถูกนำเข้ามาประมูลอย่างแน่นอนและตัวของ อาเซียร์ ดีย์ พาเลร่า ก็ยืนยันแล้วว่าจะมาเข้าร่วมงานประมูลด้วย”
เทียนหลางพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะถามหาของกินกับแอนเดียร์ เนื่องจากเขานั้นนั่งเครื่องมานานจนเริ่มรู้สึกหิว ซึ่งทางเธอก็ได้เตรียมทุกอย่างเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้และบอกว่าทั้งหมดอยู่ในครัว
เทียนหลางเดินเข้ามาในครัวและเห็นว่าบนโต๊ะมีเบอร์เกอร์และไก่ทอดวางไว้อยู่ เทียนหลางถอนหายใจออกมา เขาไม่รู้ว่าทำไมคนพวกนี้ถึงเลือกที่จะกินอาหารพวกนี้ ทั้งที่ห่างไปจากบ้านไม่ถึงหนึ่งกิโลมีร้านอาหารตั้งอยู่
แต่เทียนหลางไม่ใช่คนช่างเลือกเขานั่งลงและกินเบอร์เกอร์อย่างสบายใจ ก่อนที่แอนเดียร์จะเดินเข้ามาในครัวและพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องภารกิจ
หลังจากพูดคุยอยู่สักพักเทียนหลางก็ได้ถามกับเธอว่า
“แล้วเรื่องที่วาติกันจัดการเสร็จแล้วรึยัง เพราะฉันมีงานกองรอให้เธอไปจัดการอยู่เต็มไปหมดเลยนะ”
แอนเดียร์ตอบกลับอย่างจนใจว่า
“ก็คงหลังจากเสร็จภารกิจนี้นั่นแหละ”
“งั้นหรอ ?”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้งว่า
“แล้วเธอคิดยังไงกับเรื่องที่ฉันถามบนรถน่ะ ?”
แอนเดียร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็คิดเล็กน้อยก่อนจะถามกลับด้วยความสงสัย
“คุณหมายถึงอุปกรณ์ป้องกันตัวนั่นน่ะเหรอ ?”
“ใช่”
“แล้วคุณสมบัติมันเป็นยังไงล่ะ ?”
“คุณสมบัติของมันงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางลูบคางและคิดก่อนจะหยิบยันต์ใบหนึ่งออกมาและยื่นมันให้กับแอนเดียร์ แอนเดียร์รับมาด้วยความสงสัยพร้อมกับถามกลับ
“คุณให้ฉันทำไม ?”
เทียนหลางไม่ตอบกลับเขาเพียงถามว่า
“ขอยืมปืนที่เอวของคุณหน่อย”
แอนเดียร์ยังคงสงสัยแต่ก็หยิบปืนที่เอวของเธอให้กับเทียนหลางอย่างว่าง่าย เทียนหลางรับปืนมาก่อนจะตรวจสอบมันเล็กน้อยและทำการขึ้นลำพร้อมกับหันปากกระบอกไปยังตัวของแอนเดียร์
แอนเดียร์ตกใจเธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่มันไม่ทันแล้วเทียนหลางได้ทำการลั่นไกทันที
ปัง ปัง ปัง
กระสุนพุ่งออกจากปากกระบอกตรงเข้าใส่แอนเดียร์ เธอยกแขนขึ้นมาพยายามป้องกันตามสัญชาตญาณ แต่ก่อนที่กระสุนปืนจะถึงตัวของเธอมันก็ถูกสะท้อนกลับออกไปอย่างรวดเร็วด้วยอะไรบางอย่าง
แอนเดียร์ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับมองเทียนหลางที่กำลังนั่งยิ้มอยู่ เขาไม่พยายามจะอธิบายถึงการกระทำก่อนหน้าเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงพูดขึ้นมาว่า
“คุณภาพของสินค้าเป็นที่น่าพอใจหรือเปล่าล่ะ ?”