The simple life of the emperor - ตอนที่ 99
หลังจากที่เทียนหลางได้ยินผู้เฒ่าฮัวพูดแบบนั้นเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะพูดขึ้น
”ถ้าหากผมจะทำแล้วมันจะทำไม… คุณจะเข้ามาขวางผมงั้นเหรอ ?”
เมื่อผู้เฒ่าฮัวได้ยินแบบนั้นก็คิดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”ในตอนนี้เธออยู่ในพื้นที่ของตระกูลฮัว เธอจะทำอะไรก็ช่วยคิดเสียบ้างไม่งั้นเธออาจจะต้องได้รับผลลัพธ์ที่ไม่ดีสักเท่าไหร่นะ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้น
”เฒ่าฮัวบางทีคุณอาจจะเข้าใจอะไรผิดไปนะ”
เมื่อเฒ่าฮัวได้ยินคำพูดของเทียนหลางเขาก็งุนงงเล็กน้อยก่อนจะถามออกมาด้วยความสงสัย
”ฉันเข้าใจอะไรผิดงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางจึงยิ้มพร้อมกับตอบกลับ
”จริงอยู่ที่คุณนั้นเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลในเมืองนี้มีธุรกิจและเส้นสายมากมาย แต่ถึงอย่างงั้นเมื่อคุณอยู่ต่อหน้าผมตระกูลฮัวก็เป็นได้เพียงตระกูลธรรมดาๆเท่านั้น และตัวคุณเองก็ไม่ได้หน้าใหญ่พอที่จะขัดขวางผมอีกด้วย”
ทันทีที่ผู้เฒ่าฮัวและคนของตระกูลฮัวได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับโกรธขึ้นมาทันทีพร้อมกับตะโกนขึ้นมา
”แกจะปากกล้ามากไปแล้วนะไอ้หนู แกไม่รู้หรือไงว่าตระกูลฮัวของพวกเรานั้นมีประวัติมายาวนานกว่าร้อยปี แกเป็นเพียงเด็กอายุไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ อย่ามาทำปากเก่งไปหน่อยเลย !!”
ผู้เฒ่าฮัวที่นั่งฟังอยู่นั้นเขาก็สงบจิตใจเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”ฉันจะถือว่านั่นเป็นคำยืนยันในการกระทำของนายแล้วกันนะพ่อหนุ่ม”
เมื่อผู้เฒ่าฮัวพูดจบเขาก็ยกมือขึ้นช้าๆพร้อมกับมีการ์ดของตระกูลจำนวนมากกรูกันออกมาจากที่ไหนก็ไม่ทราบ ผู้คนที่มาร่วมงานเมื่อเห็นว่าเรื่องนี้เริ่มกลายเป็นเรื่องใหญ่โตก็เริ่มที่จะทยอยกลับจะมีเพียงบางกลุ่มที่สนิทกับตระกูลฮัวเท่านั้นที่เหลืออยู่
เทียนหลางจ้องมองเหล่าผู้ชายตัวใหญ่กล้ามโตที่แต่งตัวด้วยชุดสูทสีดำจำนวนมากก่อนจะประเมินพวกเขาเบาๆแม้พวกนี้ดูจะแข็งแกร่งมากแต่ถึงอย่างงั้นคนเหล่านี้ก็แข็งแกร่งเทียบเก่ากับทหารหน่วยรบพิเศษที่ผ่านการฝึกมาเท่านั้นแต่สำหรับ ซ่านฉิน ฟ่านหยู และจิวหยวนแล้วนั้นคนพวกนี้ไม่ได้แข็งแกร่งเลยสักนิด
หลังจากที่ทั้งสามคนได้เทคนิคการบ่มเพาะเยี่ยเทียนจากเทียนหลางไปหากพวกเขาสามารถฝึกฝนได้ตามที่ในคัมภีย์ได้เขียนเอาไว้ในช่วงแรกของคำภีร์แล้วละก็พวกเขาก็แข็งแกร่งพอๆกับผู้ฝึกยุทธ์ที่เข้าขั้นหลอมกล้ามเนื้อและถ้าหากพวกเขาสามารถผ่านการฝึกฝนของคำภีร์เยี่ยเทียนได้จนสมบูรณ์พวกเขาก็น่าจะเทียบเท่ากับชนชั้นปฐพีขั้นต้น
เทียนหลางถอนหายใจเบาๆก่อนจะสะบัดมือเล็กน้อยเพื่อให้สัญญาณกับทั้งสามคน เมื่อทั้งสามคนเห็นสัญญาณของเทียนหลางพวกเขาก็พุ่งเข้าใส่เหล่าการ์ดของตระกูลฮัว
การต่อสู้เกิดขึ้นทันทีเมื่อทั้งสองฝ่ายปะทะกัน การต่อสู้เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับร่างของการ์ดตระกูลฮัวที่กระเด็นปลิวไปทั่วห้องโถง
คนของตระกูลฮัวต่างตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็นตรงหน้าเพราะพวกเขาไม่คิดว่าการ์ดที่เป็นอดีตทหารผ่านศึกของพวกเขานั้นจะพ้ายแพ้ง่ายๆเช่นนี้มีเพียงผู้เฒ่าฮัวเท่านั้นที่มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความใจเย็น
ไม่นานนักการ์ดทั้งหมดของตระกูลฮัวก็ได้ลงไปนอนกับพื้นพร้อมกับที่คนของเทียนหลางยืนหอบเล็กน้อย
เทียนหลางมองพวกเขาทั้งสามคนก่อนจะยิ้มออกมา จากการสังเกตุดูนั้นพวกเขาเกือบจะข้ามผ่านขั้นชำระกระดูกแล้วขาดเพียงการผลักดันอีกเล็กน้อยเท่านั้น
‘หลังออกจากตระกูลฮัวฉันคงต้องให้ของขวัญพวกเขาสักหน่อยแล้ว’
หลังจากที่คิดได้แบบนั้นเทียนหลางก็เรียกให้ทั้งสามคนกลับมา เมื่อทั้งสามคนกลับมายืนอยู่ด้านหลังของเทียนหลางเรียบร้อยแล้วเขาก็พูดขึ้น
”ก็อย่างที่เห็น ตระกูลของคุณไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าตระกูลธรรมดาตระกูลหนึ่งเท่านั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าของผม”
หลังจากพูดจบเทียนหลางก็เงียบไปสักพักพร้อมกับจ้องมองฮัวจือข่ายที่ค่อยๆฟื้นคืนสติขึ้นมา เมื่อเขาได้สติฮัวจือข่ายก็รีบมองไปยังบริเวณรอบข้างของเขาเมื่อเขาเห็นว่าตอนนี้ตัวเองกำลังนอนอยู่ที่ปลายเท้าของเทียนหลางเขาก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันทีพร้อมกับตระโกนโวยวายขึ้น
เทียนหลางที่ได้ยินฮัวจือข่ายโวยวายเขาก็ยกเท้าขึ้นมาพร้อมกับเตะไปที่ท้องของฮัวจือข่ายอย่างแรง
เปรี้ยง !!
ร่างของฮัวจือข่ายกระเด็นไปติดกับผนังด้วยแรงเตะของเทียนหลางเขาร่วงลงมาราวกับใบไม้ที่ตายแล้ว เมื่อผู้เฒ่าฮัวเห็นหลานชายของตัวเองโดนกระทำโหดร้ายแบบนี้เขาก็เริ่มที่จะทนไม่ได้พร้อมกับพูดขึ้นทันที
”มันจะมากไปแล้วนะเจ้าหนู !!”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดออกมาด้วยท่าทางยียวน
”โอ้ ~ มากไปงั้นเหรอ ? หลานชายของคุณส่งคนมาก่อกวนธุรกิจของผมยังไม่พอ ยังกล้าจ้างนักเลงมาทำร้ายพนักงานของผมอีกคุณคิดจริงๆเหรอว่าเรื่องนี้จะจบด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว ?”
ทันทีที่พูดจบจินหยวนก็เดินเข้าไปหยิบร่างของฮัวจือข่ายมาวางเอาไว้ตรงหน้าของเทียนหลาง เทียนหลางจึงพูดขึ้นอีกครั้ง
”ผมบอกไปแล้วใช่ไหมว่าผู้ที่ยุ่งกับของๆคนอื่นโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตต้องถูกลงโทษ ฉะนั้นคุณควรทำตัวเป็นคนแก่ที่ดีนั่งอยู่เฉยๆและมองหลานของคุณรับผลจากการกระทำของเขาสักดีๆ”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็ยกมือขึ้นมาช้าๆพร้อมกับใช้นิ้วจิ้มไปที่ร่างกายของฮัวจือข่าย ทันทีที่นิ้วของเทียนหลางสัมผัสร่างกายของเขาฮัวจือข่ายก็ร้องออกมาด้วยเสียงโหยหวยอันน่าสยดสยอง
ผู้เฒ่าฮัวที่ได้เห็นแบบนั้นเขาก็ลุกพรวดพราดขึ้นทันทีพร้อมกับจ้องมองไปที่การกระทำของเทียนหลางก่อนจะตะโกนถามขึ้นมา
”แกทำอะไรกับหลานของฉัน !!!”
เทียนหลางที่ได้ยินคำถามของผู้เฒ่าฮัวเขาก็ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดขึ้น
”ไม่มีอะไรมากผมก็แค่ทำให้เขากลายเป็นผักเท่านั้น”
เมื่อผู้เฒ่าฮัวและคนของตระกูลฮัวได้ยินก็ถึงกับตกตะลึงพร้อมกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นเพราะพวกเขาไม่คิดว่าการจิ้มเพียงไม่กี่ทีก็สามารถทำให้คนที่ร่างกายแข็งแรงอย่างฮัวจือข่ายกลายเป็นผักได้
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่ออยู่นั้นเสียงโทรศัพของเทียนหลางก็ดังขึ้น เทียนหลางยกขึ้นมาดูเล็กน้อยก่อนจะกดรับมัน
หลังจากพยักหน้าอยู่สองสามครั้งเขาก็วางสายก่อนจะลุกขึ้น
”เอาหล่ะ สิ่งที่ต้องทำก็ทำไปแล้วเช่นนั้นก็ควรจะกลับได้สักที”
เมื่อทุกคนเห็นท่าทีของเทียนหลางก็ถึงกับโวยวายออกมาทันที ผู้เฒ่าฮัวก็ได้พูดขึ้นมาทันที
”นี่แกคิดว่าที่นี้เป็นสนามเด็กเล่นหรือไงคิดจะมาก็มาจะไปก็ไป แกคิดว่าเรื่องนี้จะจบง่ายๆงั้นเหรอ !?”
เทียนหลางที่ได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าฮัวเขาก็หันหน้ากลับมาหาคนของตระกูลฮัวก่อนจะกวาดสายตามองไปยังพวกเขาก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ
”ผู้เฒ่าฮัว เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะคนๆเดียวคุณอย่าเอาชีวิตของคนทั้งตระกูลมาเดิมพันเลย… มันไม่คุ้มกันหรอก”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็เดินจากไป แต่ก่อนจะจากไปเทียนหลางก็ได้พูดทิ้งท้ายเอาไว้
”แต่ถ้าหากคุณพร้อมจะลงพนัน… คุณพร้อมที่จะเสียหรือยังหล่ะ ?”