The simple life of the emperor - ตอนที่ 120
สิ่งที่เทียนหลางห่วงนั้นไม่ใช่สุดยอดทหารที่จะโผล่มา แต่มันคือสิ่งที่จะตามมาหลังจากนั้นต่างหากเพราะหากเทียนหลางคาดการณ์ไม่ผิด NZT-412 นั้นถูกสกัดหรือถูกสร้างมาจากสะเก็ตของอำพันปีศาจแน่นอนว่าเซรุ่นนั้นปนเปื้อนไอปีศาจจำนวนมหาศาล และการที่ฉีดสารที่ปนเปื้อนไอปีศาจเข้าสู่ร่างกายนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย
แม้จะทำให้คนคนนั้นกลายเป็นสุดยอดทหารได้ก็ตามแต่หลังจากนั้นไม่นานร่างกายของคนเหล่านั้นจะค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างช้าๆจนกลายเป็นปีศาจเต็มตัวในที่สุด
ในตอนนี้เทียนหลางค่อนข้างจะกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ถูกขโมยไปไม่น้อย แม้เทียนหลางจะไม่มั่นใจว่าเจ้าเซรุ่มนั่นจะถูกสร้างมาจากอำพันปีศาจจริงหรือเปล่าแต่การที่มันถูกขโมยไปโดยเฉพาะเจาะจงจากการบุกศูนย์วิจัยนั้นก็เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง
เทียนหลางถึงจะกับถอนหายใจก่อนจะลูบหน้าตัวเองและบ่นออกมา
”ข้าสู้รบตบมือกับเหล่าปีศาจมาเป็นพันปีกว่าจะทำลายพวกมันได้ แต่ไม่คิดว่าจะต้องมีสู้กับพวกมันอีกตอนมาเกิดใหม่แบบนี้”
หลังจากบ่นพึมพำเล็นน้อยเขาก็เลิกที่จะสนใจเรื่องนี้อีกเพราะต่อให้เขากังวลไปมันก็ไร้ความหมายเนื่องจากเขานั้นไม่รู้ว่าใครเป็นคนขโมยเซรุ่มนั้นไปและก็ยังไม่แน่ด้วยว่าเจ้าเซรุ่มนั่นสร้างขึ้นมาจากอำพันปีศาจ ฉะนั้นการไปกังวลกับสิ่งที่ไม่รู้นั้นช่างเป็นอะไรที่งี่เง่าสิ้นดี เขาจึงเลือกที่จะโยนทิ้งมันไปและสนใจสิ่งที่จะเกิดขึ้นตรงหน้าเสียดีกว่า
เทียนหลางเดินมาที่ห้องเรียนของเขาซึ่งในตอนนี้เป็นคลาสวิชาประวัติศาสตร์ และทันทีที่เทียนหลางเปิดประตูห้องเข้ามาเขาก็ถูกจับจ้องจากคนทั้งห้องทันที
อาจารย์กู่ถานที่กำลังเขียนกระดานอยู่เมื่อเห็นเทียนหลางพึ่งเข้ามาเขาก็ถามทันที
”ทำไมถึงพึ่งมา ? คลาสเริ่มไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วนะ”
เทียนหลางจึงตอบกลับไปอย่างสบายๆว่า
”ผมถูกอาจารย์ลั่วเรียกไปพบนะครับ”
เมื่ออาจารย์กู่ถานได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าก่อนจะบอกกับเทียนหลางว่า
”ถ้างั้นก็ไปนั่งหาเนื้อหาจากเพื่อนเอาแล้วกัน”
เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับเดินไปนั่งลงข้างๆกับตู่เชิงพร้อมกับถามว่า
”ขอบใจเรื่องเมื่อเช้านะ”
ตู่เชิงที่ได้ยินก็ส่ายหน้าพร้อมกับเอ่ยว่า
”ไม่เป็นไร เลี้ยงข้างฉันสักมื้อก็แล้วกัน”
”ไม่มีปัญหา”
หลังจากคลาสเรียนจบเทียนหลางก็พาตู่เชิงไปเลี้ยงมื้อเที่ยง ในขณะที่ทั้งคู่กำลังกินข้าวอยู่ที่โรงอาหารอยู่นั้นตู่เชิงก็บ่นกับเทียนหลางไปว่า
”ฉันอยากให้นายเลี้ยงข้าวฉันที่ร้านอาหาร หรือไม่ก็ภัตตาคารหรูไม่ใช่โรงอาหารของมหาลัยแบบนี้”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดกับตู่เชิงว่า
”อาหารในโรงอาหารไม่ดียังไง ก็อร่อยออกไม่ใช่รึไง ?”
ตู่เชิงที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า
”มันก็อร่อยอยู่หรอกแต่ฉันก็อยากจะกินอาหารดีๆหรูๆมั่งนี่หว่า”
เมื่อเทียนหลางแบบนั้นเขาก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ตู่เชิงนั้นเป็นทายาทของนักธุรกิจต่อให้ไม่ได้ร่ำรวยอะไรก็น่าจะได้กินของดีๆหรูๆอยู่บ้าง แต่ทำไมตู่เชิงกลับพูดแบบนี้ออกมาเขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
”นายเป็นทายาทของนักธุรกิจไม่ใช่เหรอ ? ทำไมถึงพูดแบบนี้หล่ะ ?”
ตู่เชิงที่ได้ยินแบบนั้นก็เขาก็ถามกับเทียนหลางไปว่า
”นายคิดว่าทายาทนักธุรกิจนั้นมีชีวิตที่ดีนักหรือไง ?”
เทียนหลางที่ได้ยินก็พยักหน้า ตู่เชิงได้เห็นท่าทีของเขาทียนหลางเขาก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้งพร้อมกับบ่นให้กับเทียนหลางได้ฟังถึงความยากลำบากของเขา
”ฉันเป็นเพียงแค่ทายาทของเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องสำอางเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ก็กำลังมีปัญหาอยู่ อีกอย่างตระกูลฉันก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนพวกตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงพวกนั้นด้วย”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่จะนึกถึงสิ่งหนึ่งออกสิ่งที่เขานั้นหลงลืมมันไปแล้วพักใหญ่ๆนั่นก็คือ ‘ทุกชีวิตล้วนไม่เท่าเทียม’ ประโยคนี้สามารถอธิบายได้เกี่ยวกับปัญหาที่ตู่เชิงกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี
หากตู่เชิงเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงที่มีอำนาจมหาศาลแล้วหล่ะก็ปัญหาเรื่องธุรกิจในตระกูลของเขาคงถูกแก้ไขในทันทีอย่างแน่นอน
ในขณะที่เทียนหลางกำลังสงสัยเกี่ยวกับปัญหาที่ตู่เชิงกำลังเจออยู่ตอนนี้เขาก็นึกอะไรออก แม้เขาจะมีเงินมากมายจากการปล้นผู้ก่อการร้ายหรือเผาสำนักใหญ่ก็ตาม แต่ถึงอย่างงั้นในอนาคตเงินเหล่านี้ก็ค่อยๆร่อยหรอมากขึ้นแม้เขาจะมีศาลาอัญมณีที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้ก็ตามแต่รายได้ของมันก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก
เพราะเงินส่วนหนึ่งที่ได้มานั้นก็จำเป็นจะต้องใช้ไปกับการหมุนเวียนดูแลธุรกิจดังนั้นเงินที่เหลือเข้ากระเป๋าของเทียนหลางจึงไม่ได้มากมายนัก
ส่วนเรื่องของศาลาสวรรค์นั้นยิ่งแล้วใหญ่ธุรกิจในมือของศาลาสวรรค์นั้นมีมากมายไม่ว่าจะโรงแรม ร้านอาหาร หรือแม้แต่คาสิโนทำให้ไม่สามารถจำนวนมากออกมาใช้จ่ายได้ อีกอย่างในศาลาสวรรค์ก็มีลูกน้องและคนต้องดูแลอีกเป็นจำนวนมากจึงยากที่เงินจะหลงเหลือเข้ามาในกระเป๋าของเขา
(ศาลาอัญมณีเป็นเรื่องของร้านเครื่องประดับ ส่วนศาลาสวรรค์เป็นเรื่องของกลุ่มมังกรเขียวเก่าที่เทียนหลางยึดมานะครับ)
ในตอนนี้เทียนหลางกำลังคิดหาเงินในวิธีใหม่ๆอยู่และเมื่อได้ยินว่าครอบครัวของตู่เชิงมีธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องสำอางเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ดังนั้นเขาจึงหันไปหาตู่เชิงพร้อมกับถามออกไปว่า
”ตู่เชิงนายสนใจธุรกิจทำเงินไหม ?”
ตู่เชิงที่ได้ยินก็หันมามองเทียนหลางด้วยความสงสัยทันที